ตอนที่ 2 เมียนอกหัวใจ [2]
ศรัญญาเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก่อนจะหย่อนกายนั่งลงบนโซฟาหรูกลางห้องโถง เธอรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนว่างงาน เมื่อก่อนยังพอช่วยบิดาหยิบจับเอกสารเล็กๆ น้อยๆ แต่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากทิ้งความรู้ที่เรียนมาไว้โดยเปล่าประโยชน์
“คุณท่าน” เธอเผลอหลับไปเกือบครึ่งชั่วโมง ตื่นมาอีกทีก็เห็นแม่สามีกำลังเดินตรงเข้ามา ใบหน้าของท่านฉายแววแห่งความไม่พอใจออกมาชัดเจน
“งามหน้า ใครรู้เข้าฉันคงอายแทบแทรกแผ่นดิน มีลูกสะใภ้นั่งกินนอนกิน”
“ทรายเองก็อยากทำงานค่ะ ถ้าคุณท่านจะเมตตา ทรายขอออกไปทำงานได้ไหมคะ?” หญิงสาวตอบกลับ ไม่อยากถูกมองเป็นตัวภาระเช่นกัน
“หล่อนไปคุยกับตาอิชย์เองเถอะ” หญิงสูงวัยพูดแบบขอไปที ไม่ใช่ธุระกงการที่ต้องจัดหา อยากทำอย่างที่ปากพูดต้องรู้จักขวนขวายเอาเอง
“เดี๋ยวทรายไปเอาน้ำมาให้ค่ะ” ศรัญญามีสีหน้าสลดชั่วครู่ ก่อนจะขันอาสาคลายร้อนหลังเห็นว่าแม่สามีเพิ่งเดินทางมาถึง
“ไม่ต้อง! นังปุ๋ยไปไหน?” สุจินดาส่งเสียงห้าม ไม่ต้องการให้ใครมาเอาอกเอาใจ
“พี่ปุ๋ยกำลังล้างบ่อปลาอยู่ในสวนค่ะ” หญิงสาวตอบ หลังเดินไปพบว่าสาวใช้ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของป้าพรกำลังล้างบ่อปลาขนาดใหญ่อยู่ด้านนอกบริเวณบ้าน
“งั้นหล่อนไปชงน้ำแดงมาให้ฉันแล้วกัน” หญิงสูงวัยสั่ง ไม่วายจิกสายตามองตามหลังลูกสะใภ้ไปด้วยอาการหมั่นไส้ ไม่รู้ท่าทางที่เห็นนั่นเสแสร้งแกล้งทำหรือว่าออกมาจากใจจริงๆ กันแน่
ศรัญญามองตามร่างสูงใหญ่ที่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน อยากคุยด้วยใจแทบขาด แต่สภาพของผู้เป็นสามีตอนนี้ทำให้เธอไม่กล้าพอ ได้แต่กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ และอาการดังกล่าวก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาอีกฝ่ายไปได้
“มองอะไร หิวเหรอ?” และเป็นไปตามคาดเมื่อเจ้าตัวพูดราวกับเธอจ้องจะกินเขา
“ปะ...เปล่าค่ะ ทรายมีเรื่องอยากขอคุณอิชย์” เธอตอบเสียงกระท่อนกระแท่น
“เรื่องอะไร?” อิชย์หรี่ตาถาม
“คือทรายอยากทำงานค่ะ จะให้ทรายไปทำตำแหน่งอะไรก็ได้ ทรายยินดี” หญิงสาวกลั้นใจพูดในสิ่งที่ต้องการ เธอหวังว่าเขาจะเห็นใจ ดีกว่าให้นั่งๆ นอนๆ อยู่ที่บ้านแบบนี้
“ทำไมเกิดขยันทำงานขึ้นมา?”
“ทรายแค่ไม่อยากอยู่เฉยๆ ค่ะ” ศรัญญาให้คำตอบ
“ไม่ใช่อยากไปหว่านเสน่ห์ให้ไอ้พวกหัวงูในบริษัทฉันหรอกนะ” ชายหนุ่มแค่นเสียงใส่ ไม่รู้ทำไมถึงนึกโมโหอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“เปล่านะคะ”
“อยากทำมากนักใช่ไหมงาน งั้นตำแหน่งแม่บ้านทำความสะอาดคงเหมาะกับเธอที่สุด” ผู้ชายปากร้ายกระแทกเสียงตอบ พร้อมเดินไปทางตู้เสื้อผ้าไม่ยอมพูดกับเธออีก ศรัญญาไม่เข้าใจว่าแค่พูดเรื่องงานทำไมเขาต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้
เช้าวันนี้ศรัญญารีบตื่นแต่เช้าลงมาช่วยป้าพรในครัว ถึงจะทำได้ไม่เต็มที่แต่เธอก็อยากหยิบจับอะไรบ้าง ขืนนอนตื่นสายเหมือนเมื่อวานคงถูกแม่สามีดุเอาอีก คิดมาถึงตรงนี้ จู่ๆ พวงแก้มเนียนทั้งสองข้างก็แดงขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ หญิงสาวพยายามสลัดความคิดนั้นและยกหม้อข้าวต้มหมูไปวางไว้บนโต๊ะอาหาร
“คุณทรายไปนั่งรอก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าตักข้าวต้มให้ทาน”
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะนึกได้ว่าควรจะทำหน้าที่ของภรรยาที่ดีบ้าง
“คุณอิชย์ลงมาพอดีเลย” เธอได้ยินเสียงแม่บ้านสูงวัยเอ่ยขึ้นหลังเดินกลับไปทางห้องครัวอีกครั้ง ไม่นานก็ออกมาพร้อมถ้วยกาแฟในมือ หญิงสาวเก้ๆ กังๆ อยู่นาน ยิ่งเห็นแม่สามีเดินเข้ามายิ่งมีท่าทีประหม่า จึงสูดลมหายใจเรียกกำลังใจให้ตัวเอง
“เอ่อ...กาแฟค่ะคุณอิชย์” สองมือเรียววางถ้วยกาแฟลงตรงหน้าผู้ชายที่ตำแหน่งเป็นสามี ศรัญญาเห็นเขาจ้องอยู่นานพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาถามเสียงห้วน
“ของใคร?”
“คือว่า....ทรายชงมาให้คุณอิชย์ค่ะ” ศรัญญาก้มหน้างุด ตอบออกไปเสียงเบา คงหนีไม่พ้นคำว่า ‘ยุ่งไม่เข้าเรื่อง’ อีกแน่
“ถ้าอยาก! ฉันสั่งเอง เธอไม่จำเป็นต้องเสนอ” อิชย์เน้นเสียงชนิดไม่รักษาน้ำใจ เสมือนต้องการตอกย้ำให้รู้ว่าไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว
“ไม่เอาน่าอิชย์ เมียอุตส่าห์ชงให้ แกก็กินให้เมียชื่นใจหน่อยสิ” สุจินดาเอ่ยขึ้นกลางโต๊ะอาหาร หวังรักษาหน้าให้ลูกสะใภ้ ทั้งที่ในใจรู้สึกพอใจกับที่ได้เห็นใบหน้าสวยเศร้าหมองลง
“ผมไม่หิวครับ ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ” สิ้นเสียงเจ้าของร่างสูงใหญ่ก็ลุกขึ้นและไม่ยอมแตะอะไรบนโต๊ะอาหาร พอเห็นว่ามารดาเข้าข้างเมียนอกหัวใจ ยิ่งหงุดหงิดจนพาลให้โกรธไปหมด
“อ้าวพร ตักข้าวสิ รออะไรอยู่” สุจินดากล่าวขึ้นเมื่อเห็นว่าแม่บ้านสูงวัยยังมีท่าทีอึ้งๆ กับเหตุการณ์เมื่อครู่ ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นความสงสารจับใจ ปกติคุณอิชย์ไม่ใช่คนโมโหร้าย แล้วทำไมกับผู้หญิงซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมียถึงแสดงท่าทางรังเกียจเช่นนี้
“คุณทรายไม่ทานข้าวก่อนเหรอคะ” ป้าพรเรียกหลังจากเห็นว่าเจ้านายสาวทำท่าจะลุกออกจากโต๊ะ
“ทรายยังไม่ค่อยหิวค่ะป้าพร” ศรัญญาตอบเสียงเบา และรีบเดินจากบริเวณนั้นท่ามกลางสายตาของแม่สามีและแม่บ้านสูงวัยซึ่งมองตามไปด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน
“ท่าทางคุณอิชย์คงอารมณ์ไม่ดี น่าเห็นใจคุณทรายเธอนะคะ”
“คงจะรำคาญเมียที่ทำตัวจุ้นจ้านน่ะสิ” ประมุขของบ้านจบบทสนทนาโดยการก้มหน้าก้มตาจัดการข้าวต้มตรงหน้า ไม่คิดจะใส่ใจกับความรู้สึกของลูกสะใภ้
“คุณผู้หญิงก็แปลก” นางพึมพำในระหว่างเดินมาหยิบเหยือกน้ำในครัว ลูกสะใภ้ทั้งคนน่าจะเห็นใจกันบ้าง ผู้หญิงตัวเล็กๆ ต้องมาถูกดุเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ
วรดา ดารานักแสดงและนางแบบสาวอันดับต้นๆ ของเมืองไทยเดินตามร่างสูงใหญ่ของผู้จัดการส่วนตัวเข้ามาในตึกสูงกว่า 20 ชั้น เนื่องจากได้รับการทาบทามให้มาเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าตัวใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว จุดประสงค์คือทำความรู้จักกับประธานบริหาร ต่อด้วยการเซ็นสัญญาเป็นลายสักษณ์อักษร
“เร็วๆ สิลูกวิว” ชายใจหญิงนามว่าตีน่าหรือตี๋หันไปเร่งดาราสาวในสังกัดเพราะเห็นว่าใกล้จะถึงเวลานัด
“โอ๊ย! พี่ตี๋ ใจเย็นๆ สิคะ วิวปวดขาจะแย่อยู่แล้ว” เจ้าตัวโอดหลังต้องพยายามซอยเท้าตามผู้จัดการให้ทัน
“อุ๊ย เดี๋ยวแม่ตีปาก บอกให้เรียกพี่ตีน่าไงคะลูก” เจ้าของร่างใหญ่เอ็ด ขัดใจกับชื่อที่ถูกเรียก
“แหม...บางครั้งก็มีเผลอไปบ้าง” วรดาตอบกลับเสียงเบาเมื่อรู้ตัวว่าผิด
“มานี่เร็วๆ คุณอิชย์รออยู่ข้างในแล้ว” ตีน่าเร่งฝีเท้าหนักขึ้นเมื่อเห็นเลขาส่วนตัวของชายหนุ่มผู้ว่าจ้างยืนรออยู่ด้านหน้าห้องรับรองแขก
“เชิญค่ะ คุณอิชย์รออยู่” เลขาส่วนตัววัยกลางคนรายงานทั้งคู่และเดินนำเข้าไปด้านใน
“สวัสดีฮ่ะคุณอิชย์” เสียงทักทายจากชายใจหญิงทำให้ดวงตาคมเข้มละจากเอกสารสัญญาตรงหน้าขึ้นมาก่อนจะแปรเปลี่ยนเป้าหมายไปยังหญิงสาวด้านหลัง เขายอมรับว่าเธอสวยมากจริงๆ รู้สึกว่าคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจเลือกมาเป็นพรีเซนเตอร์ในครั้งนี้
“อุ๊ยตาย! มองน้องวิวตาค้างเลยนะฮะคุณอิชย์” ตีน่าแซวเมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่ม
“ขอโทษครับ ตัวจริงคุณวิวสวยกว่าในทีวีอีกนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” คนถูกชมยิ้มเขิน แต่ก็ไม่ลืมที่จะกล่าวคำขอบคุณออกไป
“เชิญนั่งเลยครับ เราจะได้คุยกัน ส่วนเรื่องสัญญาเดี๋ยวเสร็จแล้วผมจะส่งให้คุณอริสาดำเนินการต่อ” ชายหนุ่มผายมือไปทางเก้าอี้ทางฝั่งตรงข้ามกับตนเองก่อนจะคุยถึงรายละเอียดคร่าวๆ ในส่วนที่ต้องลงลึกเขาจะให้ฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบรับช่วงต่อ
“ตีน่าดีใจนะฮะที่ทางคุณอิชย์ไว้ใจหนูวิว”
“ผมเห็นว่าคุณวิวเหมาะสมและคงไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง” อิชย์ยิ้มรับ
“รับรองฮ่ะว่าน้องสาวพี่คนนี้จะไม่ทำให้ผิดหวัง” ตีน่ากระชับไหล่คนข้างๆ และการันตีอย่างมั่นใจ ปลุกปั้นมากับมือ ไม่มีทางที่จะทำให้เสียงาน
“ใกล้เที่ยงพอดี ให้ผมเป็นเจ้าภาพสักมื้อดีไหมครับ” หลังจากคุยกันคร่าวๆ โดยใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง อิชย์เอ่ยปากชวนหลังจากดูนาฬิกาหรูบนข้อมือซึ่งบอกเวลา11.45 น.
“ยินดีเลยฮ่ะ” ชายใจหญิงตอบตกลงท่ามกลางอาการเขินๆ ของดาราสาวในสังกัด เธอรู้ดีว่าเขาแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ข่าวหน้าสังคมและทีวีบ่งบอกว่าชายหนุ่มเป็นที่จับตามองของนักข่าวไม่แพ้คนในวงการบันเทิง
อิชย์กลับมาเข้าบริษัทอีกครั้งในเวลาเกือบบ่ายสอง ชายหนุ่มยอมรับว่าอาหารมื้อเที่ยงวันนี้อาจจะทำให้อิ่มไปอีกหลายวัน การสนทนาเป็นไปด้วยความราบรื่น เขากับเธอพูดคุยกันถูกคอและเห็นว่าในหลายๆ เรื่องแนวคิดไปในทิศทางเดียวกัน ติดตรงที่ว่าไม่อาจคิดอะไรมากไปกว่านี้ ถึงจะไม่พิศวาสอะไรในตัวหญิงสาวที่มีสถานะเป็นภรรยา จิตสำนึกในใจยังย้ำเตือนให้รู้ว่าตนแต่งงานมีครอบครัวแล้ว เจ้าตัวสลัดความคิดนั้นออกและก้มลงสนใจเอกสารตรงหน้าต่อ
