ตอนที่ 1 ชีวิตคู่ [2]
ปลายเท้าที่กำลังแตะบันไดขั้นสุดท้ายชะงักกึกกับสายตาของแม่สามีซึ่งมองมาคล้ายจะห่วงหาก็ไม่ใช่ห่วงใยก็ไม่เชิง ศรัญญาพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกกำลังใจ ถ้าเปรียบเธอคงไม่ต่างจากนกในกรงที่ถูกเลี้ยงไว้อย่างโดดเดี่ยว รอวันที่เจ้าของไม่ต้องการและเปิดประตูปลดปล่อยสู่อิสรภาพ
“คิดอะไรอยู่ ถึงลงมาป่านนี้?” สุจินดาเอ่ยถามสะใภ้ เนื่องจากเห็นว่าบุตรชายออกไปทำงานเป็นชั่วโมง ที่สำคัญตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาสิบโมงกว่าแล้ว
“คือ...ทรายรู้สึกไม่ค่อยสบายค่ะ” เธอตอบเสียงเบา
“หวังว่าฉันจะเห็นหล่อนนอนตื่นสายตะวันโด่งแค่วันนี้นะ”
“ค่ะคุณแม่” หญิงสาวพยักหน้ารับ ไม่คิดจะแก้ตัวสักคำ
“เรียกฉันว่าคุณท่าน เวลาอยู่ต่อหน้าตาอิชย์หรือคนอื่นหล่อนค่อยมาเรียกว่าแม่” สิ้นเสียงหญิงสูงวัยก็เดินจากไปท่ามกลางใบหน้าหวานที่ซีดขาวไร้สีเลือด ตกลงบ้านหลังนี้ยังมีใครต้อนรับเธอบ้าง คนเจียมตัวแต่ไม่เจียมหัวใจถามตนเองในสิ่งที่กำลังเผชิญ
“ป้าพรมีอะไรให้ทรายช่วยหรือเปล่าคะ?” ศรัญญาหยุดยืนอยู่บริเวณหน้าประตูห้องครัว ขันอาสาช่วยหญิงสูงวัย แม่บ้านเก่าแก่ประจำตระกูล
“คุณผู้หญิงไม่ต้องช่วยป้าหรอกค่ะ ทานมื้อเช้าก่อนดีกว่า” ป้าพรหันมาส่งยิ้มให้กับหญิงสาวที่มีสถานะเป็นภรรยาของคนที่นางเฝ้าทะนุถนอมมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก
“ป้าพรไม่ต้องเรียกทรายว่าคุณผู้หญิงหรอกค่ะ” วงหน้าสวยสลดวูบลงกับตำแหน่งที่อีกฝ่ายมอบให้ ฟังดูแล้วไม่เหมาะกับเธอสักนิดเดียว
“ทำไมล่ะคะ ยังไงคุณผู้หญิงได้ชื่อว่าเป็นเจ้านาย คุณอิชย์รักใครป้าก็รักด้วย” นางส่งรอยยิ้มเอ็นดูจนหญิงสาวรู้สึกใจชื้นขึ้นที่อย่างน้อยคนตรงหน้าก็ไม่รังเกียจกัน และเธอคาดเดาว่านางคงไม่รู้เหตุผลของการแต่งงานครั้งนี้
“อย่าเรียกทรายว่าคุณผู้หญิงเลยค่ะ ทรายขอร้อง”
“เอาเถอะค่ะ คุณทรายทานข้าวก่อนนะคะ เดี๋ยวป้ายกไปให้ที่โต๊ะ” แม่บ้านสูงวัยรีบหันไปหยิบถ้วยมาตักข้าวต้มกุ้งในหม้อซึ่งอุ่นไว้และกำลังร้อนได้ที่
“ป้าพรทานเป็นเพื่อนทรายได้ไหมคะ?” ศรัญญาเดินเข้ามาภายในห้องครัวและเอ่ยในสิ่งที่ทำเอาป้าพรมีสีหน้าแปลกใจกับคำขอของเจ้านายสาว
“ป้าเป็นแค่คนใช้ ร่วมโต๊ะกับเจ้านายไม่ได้หรอกค่ะ” หญิงสูงวัยปฏิเสธอีกครั้ง ถ้าเป็นเรื่องนี้คงทำให้ไม่ได้จริงๆ
“ถ้างั้นทรายขอนั่งที่โต๊ะนั้นนะคะ” หญิงสาวชี้นิ้วไปยังโต๊ะเล็กๆ ซึ่งอยู่ด้านหลังครัว ความจริงก็คือสถานที่พักผ่อนและถือเป็นโต๊ะกินข้าวของบรรดาสาวใช้ต่างวัยที่ทำงานในบ้านหลังนี้
“อุ๊ย! ไม่ดีหรอกค่ะ ใครมาเห็นเข้าป้าจะโดนดุเอา”
“ตรงนี้มีแค่ทรายกับป้าพรสองคนเอง ไม่มีใครว่าแน่นอนค่ะ” เจ้าตัวยังคงดื้อดึง เท่าที่เห็นก็มีแค่เธอและคนตรงหน้า ถึงประมุขใหญ่ของบ้านจะเห็นท่านก็คงไม่ใส่ใจ
“แต่”
“นะคะ...ขอให้ทรายได้ทำอะไรง่ายๆ เหมือนที่เคยทำบ้าง” เจ้าตัวอ้อนวอนและเดินไปรับถ้วยข้าวต้มกุ้งที่ยังมีไอร้อนพวยพุ่งมาไว้ในมือ รีบจัดการกับอาหารมื้อเช้าท่ามกลางสายตาของสาวใช้สูงวัยที่มองมาด้วยความเอ็นดู น่ารักแถมยังกินง่ายอยู่ง่ายจริงๆ แม่คุณ
“อร่อยมากเลยค่ะ” ศรัญญาชมหลังจากเงยหน้ามาสบตากับแม่บ้านสูงวัย
“น้ำค่ะ” ป้าพรส่งแก้วน้ำเย็นในมือให้ นึกดีใจที่เห็นว่าข้าวต้มเกลี้ยงจนไม่เหลือข้าวให้เห็นสักเม็ด
“ถ้าป้าพรมีอะไรให้ทรายช่วยบอกได้เลยนะคะ ทรายไม่อยากอยู่ว่างๆ” เพราะรู้ตัวว่าสถานะของตนไม่ใช่ภรรยาที่สามีรักใคร่ การได้หยิบจับอะไรในบ้านคงเป็นสิ่งที่ดี
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของป้ากับนังปุ๋ยดีกว่า”
“งั้นทรายขอตัวก่อนนะคะ”.หญิงสาวนึกถึงบิดาผู้ให้กำเนิด เป็นห่วงว่าท่านจะปรับตัวได้หรือไม่ในที่วันนี้ไม่มีเธออยู่ข้างกาย
“ตามสบายเถอะค่ะ ต้องการอะไรก็เรียกป้าได้” ความห่วงใยถูกส่งผ่านมาทำให้ศรัญญารู้สึกใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง
สมาร์ทโฟนบนหัวเตียงดังขึ้นก่อนที่ศรัญญาจะได้หยิบมาใช้ พอเห็นเบอร์บนที่โชว์บนหน้าจอคนเหงาก็ยิ้มออกมาได้ เนื่องจากปลายสายคือรุ่นพี่ที่เธอเคารพเหมือนพี่ชายแท้ๆ
“สวัสดีค่ะพี่ภูมิ”
“ทราย...เป็นยังไงบ้าง ทุกคนดีกับทรายไหม?” ทันทีที่ได้ยินคำทักทายภูมิภัทรก็รีบพ่นคำถามเข้าใส่ เนื่องจากชายหนุ่มรับรู้ถึงเหตุผลของการแต่งงานในครั้งนี้
“ใจเย็นๆ ก่อนค่ะพี่ภูมิ”
“พี่เป็นห่วงทราย” ภูมิภัทรหัวเราะแก้เก้อ
“ทรายสบายดีมาก พี่ภูมิไม่ต้องเป็นห่วง” น้ำเสียงของคนที่บอกสบายดี เขากลับรู้สึกได้ว่าสั่นและเบาจนผิดปกติ
“ถ้าอึดอัดก็ระบายกับพี่ได้ ทรายลืมไปแล้วเหรอว่าพี่รู้สึกยังไงกับทราย” เท่านั้นคนที่เคยบอกว่าเข้มแข็งก็ปล่อยโฮทันที
“ฮึก! พี่ภูมิ ทรายอยากกลับบ้าน” หญิงสาวกล่าวเสียงสะอื้น
“ผู้ชายคนนั้นทำอะไรทราย บอกพี่มา?” ภูมิภัทรกำหมัดแน่น ดวงใจที่เฝ้าทะนุถนอมถูกบดขยี้อย่างไร้ค่า
“คุณอิชย์ไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะ ทรายแค่...คิดถึงคุณพ่อ” ศรัญญาโกหก เพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเป็นห่วง
“พี่ไม่เชื่อ หรือมันทำร้ายทราย” กระแสเสียงดังกล่าวเจือไปด้วยความห่วงใยและไม่พอใจ
“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะพี่ภูมิ”
“ถ้ามันกล้าทำอะไร ทรายต้องบอกพี่นะ” แม้ได้รับคำยืนยัน ชายหนุ่มก็อดห่วงไม่ได้
“ค่ะ ยังไงทรายขอโทรไปหาคุณพ่อก่อนนะคะพี่ภูมิ ขอบคุณที่เป็นห่วงทรายเสมอ” หญิงสาวตัดบทและตั้งใจว่าจะโทรหาผู้ให้กำเนิดเพื่อถามไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิบของท่าน “ครับ ไว้วันหลังพี่โทรหาอีกนะ”
เวลา 21.00 นาฬิกา ศรัญญาพยายามที่จะทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่องโดยนั่งรอการกลับมาของสามี เธอคงไม่ต่างจากผู้หญิงหัวโบราณที่ต้องคอยปรนนิบัติ ดูแลเอาใจใส่สามี รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าตัวไม่เคยร้องขอก็ตาม ที่สำคัญคือหญิงสาวไม่อยากถูกผู้ใหญ่ต่อว่าเอาได้
“พี่...เอ่อ คุณอิชย์” นับเป็นอีกครั้งที่เจ้าของเสียงหวานเกือบหลุดปากในสิ่งที่ผู้เป็นสามีไม่ชอบออกไป
“มานั่งทำอะไรตรงนี้” คำทักทายนั้นห้วนจัด บ่งบอกให้รู้ว่าไม่ยินดีสักนิดที่เห็นหน้าเธอ
“ทรายรอคุณค่ะ”
“ทำไมต้องรอ?” อิชย์ถามกลับ แค่แต่งงานเพราะถูกบังคับก็มากพออยู่แล้ว นี่ยังต้องทนให้ ‘เมียนอกหัวใจ’พะเน้าพะนอ ไม่ใช่สิ่งที่ใฝ่ฝันเลยสักนิดเดียว
“ทรายแค่ไม่อยากให้คุณอิชย์โกรธ” เธอตอบออกไป
“สำคัญตัวไปหรือเปล่าแม่คุณ ฉันไม่เคยต้องการหรือร้องขอ แค่หน้ายังแทบไม่อยากมอง” สิ้นเสียงคนใจร้ายก็เดินจากไปยังห้องนอนชั้นบน ปล่อยให้คนสะเออะได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างพร้อมน้ำตาที่เริ่มไหลริน สาบานว่าไม่เคยคิดว่าเขาพิศวาส แค่อยากคอยดูแลเพราะเข้าใจว่าเหนื่อยจากงาน นอกจากไม่ต้องการแล้วยังต่อว่าเสียๆ หายๆ ราวกับเธอไม่มีหัวใจ เจ็บไม่เป็นทั้งที่แทบแหลกสลายกับคำพูดไม่ไยดี
“น้ำเย็นค่ะ” ศรัญญาตัดสินใจเดินตามขึ้นมาบนห้อง ส่งแก้วน้ำในมือที่เตรียมไว้ไปให้
“ใครสั่ง?” นับเป็นคำถามที่สองหลังเจอหน้ากันในรอบวัน
“มะ...ไม่มีหรอกค่ะ ทรายเห็นคุณอิชย์มาเหนื่อยๆ” เธอคงผิดอีกแล้ว แค่หายใจยังผิดในสายตา
“ฉันมีขา ถ้าหิวเดี๋ยวก็ลงไปหยิบกินเอง” วาจาเชือดเฉือนถูกพ่นออกมาอีกระลอก
“คุณอิชย์โกรธทราย ทรายทำอะไรผิดหรือคะ?” คราวนี้เธอเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามบ้าง เหตุใดจึงกลายเป็นตัวน่ารังเกียจจนทำให้เขาไม่อยากเข้าใกล้
“เฮอะ! ถ้าอยากรู้ก็จะตอบให้เอาบุญ ฉันไม่พอใจที่เธอเสนอเอาตัวเองมาเป็นเมีย ที่สำคัญยังใช้มารยาหลอกล่อให้แม่ฉันตายใจจนยอมรับเป็นสะใภ้” คนไม่มีหัวใจตอบให้เสร็จสรรพ พร้อมกับรีบเลี่ยงเข้าไปในห้องน้ำ เสียงปิดประตูดัง ‘ปัง’ ตอกย้ำให้รู้ว่าเมียไร้ค่าเฉกเช่นเธอควรยืนอยู่ตรงไหน
