8.เผชิญหน้าซาตานในคราบมนุษย์ Ep1
“โอ้โหนายผู้หญิง ข้อเท้าบวมมากเลยนะคะ แล้วที่ฝ่าเท้ายังมีบาดแผลอีก นายผู้หญิงไม่รู้สึกบ้างหรือคะ เดินมาตั้งไกล..”
เธอนิ่ง
“เจ็บใจมากกว่าเจ็บที่แผลอีก..”
เธอเอ่ยออกมาเบา ๆ
“ที่มือก็มีแผลนี่คะ..”
เฉลาทำเสียงสูงก่อนจะรีบออกไปหายาที่พอหาได้เอามาให้ใส่ให้เธอ
“ประคบน้ำอุ่นหวังว่าคงดีขึ้นนะคะ..”
เฉลาร้องบอกเมื่อนำผ้ามาประคบที่ข้อเท้าของเธอแล้วใส่ยาให้จากนั้นก็เอาผ้าพันไว้ไม่ให้ขยับ
“ขอบใจนะจ๊ะ..”
“เฉลาเตรียมอาหารไว้แล้ว..”
“ฉันหิวจนอิ่มแล้วล่ะจ้ะ ขอนอนดีกว่า..”
เธอบอกเฉลาแล้วก็อาบน้ำแล้วเข้านอน แต่กว่าจะข่มตาลงได้ก็เกือบสว่างเพราะในหัวใจของเธอมันแอบเก็บเอาความใจร้ายใจดำของเขาไว้
“นายผู้หญิงคะ นายหัวให้มาตามค่ะ..”
เช้าวันใหม่เฉลาส่งเสียงมาแต่ไกลก่อนจะเปิดประตูเข้ามาเห็นเธอยังนอนเงียบอยู่บนที่นอนเล็ก ๆ
“นายผู้หญิงคะ..”
เฉลารีบเข้ามาใกล้แล้วยกมือแตะตามแขน
“ตัวร้อนมากเลย..นายผู้หญิง..”
รักษ์สิยาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ทั้งที่ยังปวดหัวจนแทบระเบิดและรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว
“มีอะไรจ๊ะ..”
“นายหัวจะไปที่เกาะแล้วค่ะ ให้เฉลามาตามนายผู้หญิง..”
“ไปที่เกาะ?..”
“ค่ะ นายหัวจะไปคุมคนงานเก็บรังนกที่เกาะค่ะ นายผู้หญิงต้องไปด้วย..”
เธอพยายามทรงกายลุกนั่ง
“ไหวไหมคะ..”
เธอเม้มปากแน่นเมื่อนึกผู้ชายหน้าเข้ม ตาคมคนนั้น หากเธอยังนอนอยู่แบบนี้ เขาต้องหาว่าเธอสำออยหรือเรียกร้องความสนใจอีกแน่
“ไหวจ้ะ..”
เธอแข็งใจลุกขึ้นแล้วเดินกระโพลกกระเพลกเข้าห้องน้ำจัดการกับตัวเองจนเรียบร้อยก็ตามเฉลาออกไปด้านนอก ทั้งที่รู้สึกมึนงงแล้วปวดที่ข้อเท้าอย่างมาก
“ไปได้แล้ว..”
เมื่อมาถึงริมหาดที่มีเรือจอดรออยู่ เขาก็หันมามองหน้าเธอก่อนจะร้องสั่งคนงานแล้วก้าวขึ้นไป มีเพียงเธอกับเฉลาที่ยังยืนอยู่ด้านล่าง
“จะมัวรีรออะไรอยู่อีก..”
เขาตะโกนลงมา ทำให้เธอแข็งใจเดินไปขึ้นเรือโดยมีเฉลาช่วยพยุง
“เฉลาอยู่ที่นี่ คอยดูแลคนงานที่นำรังนกกลับมาส่ง..”
เฉลาจำต้องหยุดเมื่อส่งเธอขึ้นเรือไปแล้ว
“ออกเรือ..”
เขาร้องสั่งคนงานเมื่อเธอขึ้นแล้ว แล้วเขาก็เดินไปอยู่ที่ริมระเบียงทอดสายตามองออกไปยังเกาะที่เห็นอยู่ลิบ ๆ ส่วนเธอเมื่อร่างบางกระทบเข้ากับแรงของลมก็ทำให้หนาวจนสั่น จนต้องเดินไปนั่งหลบสายลมที่พื้นพร้อมกับห่อกายกอดกุมกันไว้แน่น
“เป็นอะไร..”
เขาร้องถามเมื่อเห็นอาการของเธอ
“หนาวค่ะ..”
เขาสยายยิ้มที่มุมปาก
“อยากได้ไออุ่นจากอ้อมแขนของชายสักคนไหม จะได้หายหนาว..”
รักษ์สิยาตวัดสายตามองเหน้าเขาแทบทันที แต่ก็ต้องนิ่งงันเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มองเห็นหน้าเขาอย่างถนัดชัดเจน ใบหน้าคมเกลี้ยง ไม่มีแม้หนาวเคราได้เห็นเกะกะนัยน์ตาเหมือนตอนที่เขาเข้าพิธีแต่งงานกับเธอ หรือเขาอาจจะโกนออกก็ได้ เธอคิดแล้วตอบเองในใจ
“ถ้าได้ก็ดีค่ะ..”
เขาเลิกคิ้วสูง
“เฮ๊ย..ใครว่างมาให้ความอบอุ่นแม่สาวน้อยคนนี้หน่อยสิ..”
เสียงตะโกนของเขาทำให้สายตาของคนงานนับสิบต่างหันมามองหน้าเธอแทบเป็นตาเดียว ทำให้เธอรู้สึกโกรธเขามาก
“ไม่ต้อง..”
เธอรีบตะโกนบอกเขาทันทีแล้วเมินหน้าไปอีกทางท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนงานชาย แต่ก็ดังอยู่ไม่นานนัก เมื่อนายถาวรมือขวาของพฤกษ์ ตวัดสายตาไปมองหน้าพวกเขาที่รีบเมินหน้ามองไปทางอื่น
เรื่อแล่นมาจอดเทียบยังเกาะหนึ่งที่ใหญ่กว่าทุกเกาะในละแวกนั้น คนงานทุกคนต่างแยกย้ายกันลงเรือแล้วมุ่งหน้าไปยังที่พักของพวกเขา ยกเว้นเธอที่ยังนั่งนิ่งอยู่บนเรือ
“ต้องให้อุ้มลงไหม..”
พฤกษ์เอ่ยถามเมื่อเดินผ่านร่างของเธอไป
“ไม่ต้อง..”
เธอบอกเขาแล้วพยายามแข็งใจลุกขึ้น แต่กลับรู้สึกหน้ามืดมึนงงจนต้องทรุดลงใหม่
“จะบอกว่าไม่สบายเพราะพิษของบาดแผลที่มือและข้อเท้าอย่างนั้นหรือ..ไม่สำออยเกินไปหน่อยหรือ..เมียของนายหัว บาดเจ็บแค่นี้ คงไม่ต้องนำเครื่องบินส่วนตัวมารับพาไปยังโรงพยาบาลในกรุงเทพฯหรอกนะ..”
“ฉันไม่รู้ว่าการที่คุณแต่งงานกับฉัน มีจุดประสงค์อะไร..”
เขามองหน้าเธอนิ่ง
“เดี๋ยวเธอก็จะได้รู้และเข้าใจ..”
เธอกำมือแน่น เมื่อมองตามร่างของเขาที่เดินลงเรือไป
“ถ้าไม่ลงมา เดี๋ยวจะให้คนงานชายขึ้นไปช่วยสงเคราะห์..”
คำพูดที่ตามมาทำให้เธอพยายามแข็งใจก้าวลงเรือ แล้วเดินตามเขาไปอย่างทุลักทุเล
พฤกษ์ส่งเธอไปอยู่รวมกับเมียของคนงานสามคนที่มาที่นี่ด้วย เพื่อทำอาหารเลี้ยงคนงาน และให้ช่วยเมียของคนงานทั้งสามคนทำงาน หลังจากนั้นเขาก็คอยดูแลคนงานที่เก็บรังนกในถ้ำ
“ไหวไหมนายผู้หญิงหน้าซีดมากเลยนะ..”
“ฉันทนไหวจ้ะ แค่มียาแก้ไข้แก้ปวดให้ฉันบ้างเท่านั้น..”
“มีจ้ะมี..นายหัวให้พวกเราเตรียมมาให้พร้อม แม้แต่ยาใส่แผลก็มี..”
บุหงาร้องบอกพร้อมกับรีบหายาออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้เธอ
“กินข้าวก่อนนะนายผู้หญิง วันนี้ก็นอนพักเอาแรงก่อน ไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน..”
“ไม่มีเวลาพัก เมื่อทุกคนเริ่มทำงาน เธอก็ต้องเริ่มทำงาน เหมือนกัน..”
แต่เสียงที่ดังแทรกเข้ามาในกระท่อม ทำให้ทั้งบุหงา รำไพและตานีต่างรีบหันหลังไปทำงานทันที
“อย่าสำออยไปหน่อย หวังอู้งานหรือไง ที่นี่ไม่ได้มีไว้ให้เธอมาพักผ่อน และฉันก็ไม่คิดว่าจะพาเธอมาฮันนีมูน..”
“แต่ฉันเป็นไข้ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ขาก็เดินไม่ถนัด มือก็บาดเจ็บ หากคุณคิดว่าฉันเป็นคนงานคนหนึ่งก็น่าจะดูแลและรักษาฉันให้หายตามหน้าที่ของเจ้านายที่ดี..”
เธอมองหน้าเขา
“หากเห็นว่าฉันเป็นเมียก็ควรจะทะนุถนอมฉัน ให้สมกับค่าสินสอดที่คุณจ่ายไป..”
เขาแค่นเสียงหัวเราะออกมาอย่างดังก่อนจะเมินหน้าไปทางอื่นชั่วครู่แล้วหันกลับมาหาเธอ
“ค่าสินสอดงั้นหรือ..”
เขาหัวเราะเบา ๆ
“ไม่มี ฉันไม่ได้จ่ายค่าตัวของเธอแม้แต่สตางค์เดียว..”
“อะไรนะ!..”
“อย่าอู้หน่อยเลย ยามีให้กินก็กินเข้าไป เห็นไหมว่าคนอื่นเขาทำงาน เธอจะมานอนได้ยังไง มีตาหรือเปล่า..”
เขาพูดจบก็หันหลัง
“ควรจะทำงานให้คุ้มกับข้าวในแต่ละมื้อด้วย..”
เธอกำมือแน่นเมื่อมองตามร่างของเขาไป
“คนใจร้าย คนหลอกลวง ไอ้คนลวงโลก ไอ้..”
“เธอไม่ได้อยู่ที่นี่ในฐานะเมียของฉัน และไม่ได้อยู่ในฐานะคนงาน..”
เขาเดินกลับมาในขณะที่เธอยังบริภาษเขาอยู่
“แล้วอยู่ในฐานะอะไรไม่ทราบคะนายหัว..”
“นักโทษ..”
“หา!นักโทษ?..”
“นักโทษประหาร เธอจะต้องอยู่ที่นี่เพื่อชดใช้ จนกว่าจะตาย..”
เธอมองสบสายตาที่คมกริบของเขานิ่ง
