6.ความเจ็บแสบของความรู้สึก Ep3
“อะไรนะ!เพชรปลอม?!..”
“เป็นไปได้ยังไง?..แม่คะ!”
นริศฌามองหน้าจุฑาดานิ่ง
“ดูอีกครั้งสิคะ เพชรนี่เกือบสามสิบกะรัตนะคะ..”
“ปลอมค่ะ ดูยังไงก็ปลอม จะให้ร้านไหนดูก็ได้ค่ะ..”
จุฑาดากำมือแน่น
“เลวที่สุด มันกล้าเอาเพชรปลอมมาเป็นสินสอดหรือนี่..”
หล่อนรำพึงกับตัวเองก่อนจะเลื่อนกล่องทองคำแท่งไปตรงหน้าของเจ้าของร้านวัยเกือบห้าสิบ ที่ซื้อขายกับหล่อนมานานจนเรียกว่าเป็นขาประจำกันก็ได้
“ทองคำนี่ สามร้อยบาท..”
เจ้าของร้านนำกล้องมาส่องทำการตรวจสอบ อยู่หลายครั้งก่อนจะมองหน้าหล่อน
“ทองปลอมค่ะคุณ..”
“อะไรนะ!ทองปลอมหรือ?..”
“ค่ะ”
สองแม่ลูกมองหน้ากันนิ่ง
“นริศจะเอาไปร้านอื่นค่ะแม่ขา..ร้านนี้บางทีอาจจะกดราคา เพราะอยากได้ของถูก..”
นริศฌาพูดจบก็หอบเอาเครื่องเพชรและเครื่องทองไปอีกร้าน แล้วก็ต่อไปเกือบทุกร้านที่อยู่บนถนนสายนั้น
“นี่มันอะไรกันค่ะ ทุกร้านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ปลอม..ของปลอมค่ะแม่ แม่แบกของปลอมขึ้นเครื่องบินกลับมาหรือคะ ทำไมไม่ตรวจสอบก่อนล่ะคะแม่ขา..”
“แม่ไม่รู้ ไม่นึกว่า มันจะกล้าทำ..”
หล่อนแค่นเสียงออกมาด้วยความแค้นเคืองอย่างที่สุด
“แล้วเช็คล่ะคะแม่ หวังว่าคงจะไม่..”
เพียงแค่นริศฌาเอ่ยถึง จุฑาดาก็ไม่รอช้ารีบนำเช็คฉบับนั้นไปขึ้นเงินทันที แต่ผลออกมาก็ทำให้หล่อนถึงกับเข่าอ่อน
“เช็คเด้ง!นี่มันอะไรกัน..”
“แม่คะ ทุกอย่างไม่สามารถแปลงเป็นเงินได้เลย เพราะอะไรคะ..เพราะอะไร..”
“ไอ้สารเลวนั่น มันกล้าทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง..”
จุฑาดากำมือแน่นพลางเม้มปากสนิท ดวงตาฉายแววโกรธแค้นอย่างเห็นได้ชัด
“จะทำอย่างไรคะแม่..”
“ฉันไม่ยอมหรอก ไม่ยอม ยังไงก็ไม่ยอม..”
หล่อนเอ่ยออกมาเพียงเท่านั้นแล้วก็ หอบเอาทั้งเครื่องเพชรเครื่องทอง นำกลับไปที่คฤหาสน์หลังงามแห่งนั้น
“นายผู้หญิงคะ..เฉลาเองค่ะ”
เสียงเรียกปลุกในตอนเช้าตรู่ของวันใหม่ หลังจากที่รักษ์สิยาเพิ่งจะข่มตาให้หลับได้ในช่วงก่อนสว่างเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำให้เธอรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับทบทวนเรื่องราวและสถานที่ที่เธออยู่ในปัจจุบัน
“เข้ามาจ้ะ..”
เธอก้าวลงจากเตียงแล้วหยุดยืนอยู่ที่กับที่เมื่อเฉลาเดินเข้ามาหา
“นายหัวบอกว่าให้นายผู้หญิงเตรียมตัว นายหัวให้เวลาสิบนาที แล้วขอให้นายผู้หญิงลงไปด้านล่าง..”
เฉลาพูดพร้อมกับวางห่อผ้าที่ถือติดมือมาไว้ที่ตั่งปลายเตียง
“นี่คือเสื้อผ้าที่นายหัวให้เฉลานำมามอบให้นายผู้หญิงค่ะ..”
เฉลาพูดจบก็เดินออกจากห้องไป ทำให้รักษ์สิยาก้าวไปหยิบห่อผ้ามาเปิดออกดูและแล้วก็นิ่งงัน
“เสื้อผ้า..”
เธอมองดูเสื้อผ้าที่เป็นเสื้อแขนยาว คอปิดมิดชิด กับกางเกงขายาวเอวจ้ำ สามารถสวมใส่ได้ทันทีอย่างง่ายดาย เป็นผ้าฝ้ายสีน้ำตาล แม้จะยังดูใหม่ แต่เธอรู้สึกคุ้น ๆ กับสีของเสื้อผ้า
รักษ์สิยาไม่มีเวลามากนักเธอรีบจัดการกับตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วลงไปด้านล่าง เธอรู้สึกใจเต้นแรงเมื่อได้เผชิญหน้ากับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอ
ชายหนุ่มเจ้าของผิวสีแทน เขาสวมเสื้อแขนยาวสีเขียวอ่อนกับกางเกงเหมือนเธอสีดำ ทำให้เธออดคิดเสียไม่ได้ว่า มันคงเป็นเครื่องแบบที่เธอต้องสวมใส่ เพราะแม้แต่เขายังสวมใส่เหมือนเธอ ที่แตกต่างเห็นจะมีผ้าคาดเอวที่เขาสามารถมาคลุมศีรษะได้ในช่วงเวลาที่ต้องอยู่กลางแจ้ง
“นั่งสิ..”
น้ำเสียงทุ้มกังวานขึ้นก่อนจะยกข้อมือมองนาฬิกา
“ช้าไปสองนาที..”
เขาช้อนสายตาคมมองดวงหน้าเรียวสะอาดที่เผยเด่นเมื่อเธอรวบผมที่ยาวสยายเกือบถึงบั้นเอว ไปผูกเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง
“หวังว่าคราวหน้าจะตรงเวลา..”
เธอค่อย ๆ ช้อนสายตามองดวงหน้าสี่เหลี่ยมรู้ที่คร้ามคมแต่ว่าดูหล่อเหลา ผิวหน้าของเขาเรียบเนียนไร้ริ้วรอย แม้จะมีร่องรอยการโกนหนวดและเคราออกไป
ชายไทยที่สมสัดส่วนรูปร่างสูงใหญ่ กำยำ บ่าไหล่กว้าง ศีรษะตั้งตรง ดูสง่างามและภูมิฐานด้วยความสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนฯ มันทำให้เธออดที่จะชำเลืองมองเขาบ่อย ๆ เสียไม่ได้ เมื่อเห็นเขาตักอาหารเช้าทานเงียบ ๆ ไม่คิดจะใส่ใจกับเธอแม้แต่น้อย
“จัดการที่นี่ให้เรียบร้อยก่อนไป..”
“ครับนายหัว..”
พฤกษ์หันไปบอกนายถาวรคนสนิทหรือเรียกว่ามือขวาของเขาก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้
“เราจะไปอยู่ที่อื่นกัน..”
เขาบอกเธอเมื่อเธอยังนั่งอยู่ที่เดิม ทั้งที่ตักอาหารทานไปเพียงไม่กี่คำ และดูเหมือนเขาจะไม่รอให้เธอทานอิ่มก็เดินออกไป มีสิ่งหนึ่งที่บอกเธอว่า เธอควรจะรีบตามเขาไปอย่างรวดเร็ว
“คุณคะ..นายหัว?..”
แต่เมื่อเธอเดินตามเขาออกมา ปรากฏว่าเขาขับรถจิ๊บออกไปกับนายสุกิจ คนสนิทของเขาอีกคนหนึ่ง ทำให้เธอพยายามจะร้องเรียกแล้ววิ่งตามแต่ดูเหมือนเขาจะไม่หันมาให้ความสนใจแม้แต่น้อย ทำให้เธอได้แต่ยืนมองตามเขาไปเงียบ ๆ
“นายหัวบอกว่า ให้นายผู้หญิงไปถึงที่ริมหาดในอีกหนึ่งชั่วโมง..”
“ริมหาด?..”
เธอหันมาหาเฉลา
“ค่ะ พวกเราจะย้ายไปอยู่ที่นั่นกัน..”
“แล้วที่นี่ล่ะจ๊ะ..”
“บ้านหลังนี้ นายหัวจะแวะมาพักผ่อนในบางครั้งเท่านั้น..”
เฉลาพูดจบก็เดินนำหน้า พร้อมกับหยิบผ้ามาคลุมศีรษะ
“ไกลไหมจ๊ะ..”
“ประมาณสามกิโลเห็นจะได้..”
เฉลาพูดพร้อมกับเดินนำหน้าเธอไป ทำให้เธอรีบก้าวตามไปติด แต่แรก ๆ ก็ทำให้เธอเดินได้ทัน แต่พอเฉลาเลี้ยวตัดเข้าป่า เดินขึ้นที่สูง และสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เธอเริ่มอ่อนแรง
“เหลืออีกไม่กี่นาทีจะครบชั่วโมงแล้วนะนายผู้หญิง ถ้าเราไปช้ากว่าหนึ่งชั่วโมง นายหัวจะลงโทษ..เพราะนายหัวไม่ชอบให้ใครผิดเวลา และไม่ชอบคนพูดมาก..”
เฉลาตะโกนกลับมาทั้งที่อยู่ห่างกับเกือบร้อยเมตร ทำให้รักษ์สิยารีบก้าวเดินต่อ แต่เพราะหนทางเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหินและรากไม้ ประกอบเธอไม่เคยได้เดินขึ้นภูเขาที่สูงแบบนี้ ทำให้เดินได้ล่าช้าและเหน็ดเหนื่อยจนแทบเป็นลม
