ตอนที่ 8 ความเจ็บแสบของความรู้สึก ep.3
จุฑาดารีบตบหลังมือของนริศฌาอย่างปลอบโยน
“ฉันไม่รับ ออกไปจากบ้านนี้ ไป..”
“ดวงใจก็ขอโทษแล้วไงลูก เดี๋ยวนี้คนรับใช้ที่ไว้ใจได้หาไม่ง่ายนะลูก..”
จุฑาดาปลอบโยนในขณะที่อุษณีหันไปมองหน้าดวงใจ
“ดวงใจกลับไปหาลูกที่ห้องพักเถอะจ้ะ..นายก้านก็ไปทำงานเถอะนะ..”
ทั้งนายก้านและดวงใจต่างออกไปจากที่นั่น แต่จุฑาดากลับจ้องหน้าอุษณีนิ่ง
“ฉันเพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้เธอมีสิทธิ์มาสั่งคนในบ้านได้..”
“ขอโทษค่ะคุณ อิฉันเพียงแค่สงสารดวงใจกับลูกค่ะ ให้เขาอยู่ที่นี่ไปก่อนเถอะนะคะ ไว้รอให้อิฉันหาคนรับใช้มาแทนดวงใจกับนายก้านได้ เราค่อยให้เขาย้ายออก..”
“ผมก็คิดว่าดีเหมือนกันนะ ไล่เขาไปตอนนี้มันก็กระไรอยู่..”
นายโกสินทร์หันมาหานริศฌา
“ดวงใจมันกำลังเสียใจ หนูก็อย่าโกรธไปเลยนะลูกนะ พ่อขอล่ะ..”
นายโกสินทร์พูดจบก็ลุกเดินออกไปติดตามด้วยร่างของอุษณี
“ทำไมวู่วามแบบนี้ลูก หนูไม่ควรไปให้คุณพ่อเลือกระหว่างหนูกับอะไรทั้งนั้น เพราะหนูต้องอยู่ที่นี่ ไม่ควรจะลดตัวลงไปเปรียบเทียบกับมัน..”
นริศฌาก้มหน้านิ่ง
“ทำไมต้องโกรธแบบนี้ด้วย..”
“แม่ไม่ได้เป็นนริศนี่คะ จะรู้สึกอะไร จู่ ๆ ขี้ข้าในบ้านลุกมาชี้หน้าหาว่าเป็นคนร้าย..”
“นางดวงใจมันก็ทำเกินไปจริง ๆ..”
หล่อนผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ
“ปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาจะสืบหาคนร้ายเถอะ..แม่ว่าตอนนี้..”
จุฑาดาหันมายิ้มกับนริศฌาที่ยังนั่งนิ่งด้วยหัวใจที่กระสับกระส่าย เพราะหวาดกลัวว่า จะมีร่องรอยอะไรให้ตำรวจสาวมาหาหล่อนได้
“แม่ว่า เราเอาสินสอดที่ได้จากนายหัวหนุ่มหน้าโง่นั่น ไปแปลงเป็นเงินดีกว่าไหมลูก..”
นริศฌาค่อย ๆ หันมาหาผู้เป็นแม่
“ทั้งทองคำแท่ง ทั้งเครื่องเพชร คงได้มากโขเลยนะลูก..”
“แล้วเงินสดล่ะคะ..”
“ได้มาเป็นเช็ค แม่จะเอาเข้าในส่วนเงินกองกลาง..”
“ทำไมล่ะคะ..”
“มันเป็นควรเป็นนริศนะคะ..”
“แต่เราก็ต้องพยุงกิจการของครอบครัวไว้บ้างนะลูก ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ เราต้องช่วยกันก่อน..”
“นริศไม่สน ธุรกิจเป็นของคุณพ่อนี่คะ ไม่เกี่ยวกับนริศสักหน่อย..”
“แต่ถ้าคุณพ่อไม่ยอม เราหรือจะทำได้..”
คำพูดของจุฑาดาทำให้นริศฌากำมือแน่นด้วยความแค้นเคืองเมื่อนึกถึงความสวยงามแล้วอ่อนโยนของรักษ์สิยา เด็กสาวที่หวานละไมคนนั้น เธอเป็นที่รักของผู้เป็นพ่อ
“นางลูกคนชั้นต่ำทำไมคุณพ่อต้องรักมันด้วย..”
คำพูดนี้ทำให้จุฑาดาต้องเม้มปากแน่น
“อะไรนะ!เพชรปลอม?!..”
“เป็นไปได้ยังไง?..แม่คะ!”
นริศฌามองหน้าจุฑาดานิ่ง
“ดูอีกครั้งสิคะ เพชรนี่เกือบสามสิบกะรัตนะคะ..”
“ปลอมค่ะ ดูยังไงก็ปลอม จะให้ร้านไหนดูก็ได้ค่ะ..”
จุฑาดากำมือแน่น
“เลวที่สุด มันกล้าเอาเพชรปลอมมาเป็นสินสอดหรือนี่..”
หล่อนรำพึงกับตัวเองก่อนจะเลื่อนกล่องทองคำแท่งไปตรงหน้าของเจ้าของร้านวัยเกือบห้าสิบ ที่ซื้อขายกับหล่อนมานานจนเรียกว่าเป็นขาประจำกันก็ได้
“ทองคำนี่ สามร้อยบาท..”
เจ้าของร้านนำกล้องมาส่องทำการตรวจสอบ อยู่หลายครั้งก่อนจะมองหน้าหล่อน
“ทองปลอมค่ะคุณ..”
“อะไรนะ!ทองปลอมหรือ?..”
“ค่ะ”
สองแม่ลูกมองหน้ากันนิ่ง
“นริศจะเอาไปร้านอื่นค่ะแม่ขา..ร้านนี้บางทีอาจจะกดราคา เพราะอยากได้ของถูก..”
นริศฌาพูดจบก็หอบเอาเครื่องเพชรและเครื่องทองไปอีกร้าน แล้วก็ต่อไปเกือบทุกร้านที่อยู่บนถนนสายนั้น
“นี่มันอะไรกันค่ะ ทุกร้านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ปลอม..ของปลอมค่ะแม่ แม่แบกของปลอมขึ้นเครื่องบินกลับมาหรือคะ ทำไมไม่ตรวจสอบก่อนล่ะคะแม่ขา..”
“แม่ไม่รู้ ไม่นึกว่า มันจะกล้าทำ..”
หล่อนแค่นเสียงออกมาด้วยความแค้นเคืองอย่างที่สุด
“แล้วเช็คล่ะคะแม่ หวังว่าคงจะไม่..”
เพียงแค่นริศฌาเอ่ยถึง จุฑาดาก็ไม่รอช้ารีบนำเช็คฉบับนั้นไปขึ้นเงินทันที แต่ผลออกมาก็ทำให้หล่อนถึงกับเข่าอ่อน
“เช็คเด้ง!นี่มันอะไรกัน..”
“แม่คะ ทุกอย่างไม่สามารถแปลงเป็นเงินได้เลย เพราะอะไรคะ..เพราะอะไร..”
“ไอ้สารเลวนั่น มันกล้าทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง..”
จุฑาดากำมือแน่นพลางเม้มปากสนิท ดวงตาฉายแววโกรธแค้นอย่างเห็นได้ชัด
“จะทำอย่างไรคะแม่..”
“ฉันไม่ยอมหรอก ไม่ยอม ยังไงก็ไม่ยอม..”
หล่อนเอ่ยออกมาเพียงเท่านั้นแล้วก็ หอบเอาทั้งเครื่องเพชรเครื่องทอง นำกลับไปที่คฤหาสน์หลังงามแห่งนั้น
“นายผู้หญิงคะ..เฉลาเองค่ะ”
เสียงเรียกปลุกในตอนเช้าตรู่ของวันใหม่ หลังจากที่รักษ์สิยาเพิ่งจะข่มตาให้หลับได้ในช่วงก่อนสว่างเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำให้เธอรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับทบทวนเรื่องราวและสถานที่ที่เธออยู่ในปัจจุบัน
“เข้ามาจ้ะ..”
เธอก้าวลงจากเตียงแล้วหยุดยืนอยู่ที่กับที่เมื่อเฉลาเดินเข้ามาหา
“นายหัวบอกว่าให้นายผู้หญิงเตรียมตัว นายหัวให้เวลาสิบนาที แล้วขอให้นายผู้หญิงลงไปด้านล่าง..”
เฉลาพูดพร้อมกับวางห่อผ้าที่ถือติดมือมาไว้ที่ตั่งปลายเตียง
“นี่คือเสื้อผ้าที่นายหัวให้เฉลานำมามอบให้นายผู้หญิงค่ะ..”
เฉลาพูดจบก็เดินออกจากห้องไป ทำให้รักษ์สิยาก้าวไปหยิบห่อผ้ามาเปิดออกดูและแล้วก็นิ่งงัน
“เสื้อผ้า..”
