บท
ตั้งค่า

3

ซอยร่มสุข

รถยนต์สีขาวแล่นมาจอดหน้าบ้านไม้สองชั้น บนพื้นที่ห้าสิบตารางวา บ้านจากน้ำพักน้ำแรงของตาหวันกับยายลออ และเกือบหลุดมือไปอยู่กับนายทุนหน้าเลือด ที่ขูดดอกเบี้ยเกินกว่าเงินต้น ทว่าตอนนี้มันกลับมาเป็นของโสภิตา หล่อนตั้งใจว่า จะไม่ปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

หญิงสาวก้าวลงมาจากรถ ในมือถือถุงอาหารหลายอย่างเข้ามาด้วย หนึ่งในนั้นคือกล่องเค้กรสส้มหน้านิ่มสามชิ้น ที่นำมาให้ทางบ้านชิม หล่อนเดินเข้าไปในบ้าน ที่คนเป็นแม่กำลังจัดสำรับอาหารเย็น

“มาพอดีเลยลูก แม่จัดสำรับเสร็จพอดี” ฤทัยวรรณบอกลูกสาวคนโต

“แม่ทำกับข้าวทำไม ตาลโทรมาบอกแม่แล้วนี่คะว่า จะซื้อกับข้าวเข้ามา แม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อย”

โสภิตาบ่นคนเป็นแม่ ที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง กลัวว่าโรคหัวใจจะกำเริบ

“แค่ตำน้ำพริกกับต้มผักเอง ยายเอ็งอยากกินน่ะ แม่ทำได้ ไม่ต้องห่วง”

“ก็กับข้าวที่เอ็งซื้อมาให้ข้ากิน ข้ากินไม่ลง ข้าอยากกินน้ำพริกนี่หว่า” ลออพูดขึ้นทันที

“เอาน่า แม่เอ็งทำตำน้ำพริกกับต้มผักเอง ไม่ตายหรอก แต่ถ้ายายเอ็งไม่ได้กินน้ำพริก คนในบ้านหูดับแน่” ตาหวันพูดเรื่องจริง เลยถูกภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากตีแขน

“จริงพี่ บ่นทีข้ามวันข้ามคืน ผมก็ไม่ไหวนะ สมองตื้อ”

น้องชายโสภิตาตานามว่า เทพพนมเจอจนชิน แต่ไม่ชินสักที โสภิตายิ้มไม่พูดอะไร ช่วยมารดาเทอาหารที่ซื้อมาใส่จานชาม ก่อนนั่งล้อมวงกินข้าวร่วมกันหกชีวิต

บ้านหลังนี้ไม่ใหญ่ อาหารไม่เลิศหรู นั่งกินบนพื้นแม้มีโต๊ะอาหาร เนื่องจากสองตายายชอบนั่งกับมือ ใช้มือจกข้าวใส่ปากมากกว่าใช้ช้อน ซึ่งทุกคนคุ้นชินมาตั้งแต่เกิด และผ่านความทุกข์ยากมาด้วยกัน กว่าจะลืมตาอ้าปาก หมดหนี้หมดสิน มีเงินต่อชีวิตก็ตอนโสภิตาแต่งงานกับชรัญภัทร์ ถือเป็นการเสียสละอันใหญ่หลวง ซึ่งทุกคนต่างรู้ดีว่า หล่อนต้องเผชิญกับอะไรบ้าง

ทว่าบ้านหลังนี้กลับความสุข ความอบอุ่นมากกว่าบ้านอีกหลัง ที่มีความพร้อมทุกอย่างมากกว่าเป็นพันเท่า กลับไร้ความสุข โอบล้อมด้วยความเศร้า ตกอยู่ใต้หมอกควันแห่งความทุกข์ หากไม่มีใครคิดทลายความรู้สึกทั้งหลายแหล่ ก็คงต้องติดอยู่กับมันไปตลอดชีวิต

ตีหนึ่งยี่สิบนาที

ชีวิตประจำวันโสภิตาไม่มีอะไรมาก เช้ามาจัดเตรียมกาแฟพร้อมของว่างง่ายๆ แซนวิชบ้าง คุกกี้บ้าง ขนมปังปิ้งกับแยมผลไม้บ้าง หลังจากชรัญภัทร์ออกไปทำงาน อีกหนึ่งชั่วโมงหล่อนออกจากบ้าน ไปทำงานในร้านของตน ตอนเย็นแวะกินข้าวกับครอบครัว หรือไม่บางวันนัดกับนวลปรางและพาสัน สองเพื่อนสนิท

เมื่อโสภิตามีความทุกข์ จมความเสียใจ หล่อนต้องหาทางระบายมันให้ออกไปจากตัวบ้าง หากไม่พร่องเกรงว่า สติตนคงเตลิด หลุดไปจากตัวสักวัน การไปหาครอบครัวที่มีความรัก ความอบอุ่น และเข้าใจเรื่องที่ตนทำ เปรียบเสมือนเติมพลังไปในที

“ไหวแน่นะลูก ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านเรา” ฤทัยวรรณพูดกับลูกสาวขณะช่วยกันล้างจาน

“ไหวสิแม่ ไหวมาสองปีแล้ว ก็ต้องไหวต่อไปได้สิคะ อีกอย่างนะ ลูกสาวคนนี้ของแม่เก่งจะตายไป” โสภิตายิ้มให้คนเป็นแม่ “ตาลรู้ว่าแม่เป็นห่วง แต่ตาลขอให้แม่เชื่อตาลนะว่า ตาลไหวค่ะ”

“แม่แค่ห่วง คุณย่าร้ายนะ ไม่เบาหรอกคนแก่คนนี้น่ะ ไม่งั้นคงไม่ทำอย่างนี้ ทั้งที่รู้ว่า หลานตัวเองเป็นยังไง แม่ล่ะสงสารคุณว่านจริงๆ เลย” ฤทัยวรรณรู้เรื่องความเศร้าโศกเสียใจของชรัญภัทร์ นางจึงเข้าใจความรู้สึกลูกเขย แต่ไม่เข้าใจผกาว่า นางทำแบบนี้ทำไม

“คุณว่านน่าสงสารจริงค่ะแม่ เขาไร้หัวใจ แต่ก็มีที่มาที่ไปที่เข้าใจได้ค่ะ ตาลเลยไม่โกรธเขา ที่เขามักว่าตาลแรงๆ ตาลหวังว่าสักวัน คุณว่าจะเปิดประตูเดินออกมาจากกรอบที่ขังตัวเองไว้ สักวันนึงค่ะแม่”

“เรื่องหัวใจและความรู้สึก ว่ากันไม่ได้นะ บางคนฟื้นตัวเร็ว บางคนฟื้นตัวช้า บางคนก็ไม่ฟื้นตัวเลย แม่ว่ามันขึ้นอยู่กับคนคนนั้นด้วยแหละว่า จะจมตัวเองอยู่กับความทุกข์หรือเปิดโอกาสให้ตัวเองพบกับความสุข แม่ก็หวังว่า คุณว่านจะเปิดโอกาสให้ตัวเองนะ” ฤทัยวรรณเอ่ยจากใจ

“ค่ะ ตาลก็หวังแบบนั้นค่ะ” เป็นความหวังที่คนพูดคิดว่า มันไกลแสนไกล หล่อนแทบมองไม่เห็นเส้นทางนั้นเลย เส้นทางแห่งแสงสว่างจากปลายอุโมงค์อันมืดมิด

กว่าโสภิตาจะถึงบ้านและใช้เวลาส่วนตัว รวมถึงสวดมนต์ก่อนนอนเสร็จ เวลามาหยุดที่ห้าทุ่ม หล่อนใช้เตียงขนาดห้าฟุตเป็นที่หลับนอนประจำ ส่วนเตียงขนาดสามจุดห้าฟุตที่เว้นะระยะห่างราวหนึ่งเมตร เป็นเตียงนอนของชรัญภัทร์

คนนอนร่วมห้องหลับไปแล้ว แต่เจ้าของห้องเพิ่งกลับมา ในสภาพดื่มหนัก มึนเมาจนแต่ยังครองสติได้ เขาเปิดประตูห้องนอน ที่ห้องนี้แยกเป็นสัดส่วน เปิดออกมาจะพบกับห้องโถง ไว้ดูทีวี ฟังเพลง หรือนั่งทำงาน ทางด้านขวามือเป็นห้องแต่งตัว เดินเข้าไปอีกหน่อยเป็นห้องน้ำ ห้องนอนจะอยู่ทางด้านหลังโถง

ชรัญภัทร์มองภรรยาไม่ปรารถนาบนเตียงตาขุ่น เขาก้าวเดินไปหาร่างงามไป ถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นไป เท้าใหญ่หยุดข้างเตียงปลดกางเกงในตัวสุดท้ายออกจากตัว ใช้เข่าก้าวขึ้นไปบนเตียงที่ยังไม่รู้ว่า ซานตานหัวใจน้ำแข็งกลับมาแล้ว

“ตื่น...ตื่น” ชรัญภัทร์สะบัดผ้าห่มออกจากตัวโสภิตา นำตัวไร้เครื่องนุ่งห่มคร่อมร่างหล่อนไว้ ปลุกคนนอนด้วยเสียง และเขย่าตัว “ตื่นสิ...ตื่น”

โสภิตางัวเงียตื่นตามเสียงปลุก หล่อนมองเห็นสามีผ่านแสงไฟหัวเตียงที่เปิดทิ้งไว้ รอให้คนเข้าห้องคนสุดท้ายมาปิด หล่อนไม่ได้ตกใจกับภาพชินตา แต่ตกใจเมื่อรู้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับตนต่างหาก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel