2
แต่แล้วเกิดความเปลี่ยนแปลงแบบไม่มีใครคาดคิด ชรัญภัทร์ยอมแต่งงานแบบเงียบๆ ภายใจกับสตรีที่ผกาหาให้ เขาตอบตกลงโดยง่าย ง่ายเสียจนบิดามารดาและเพื่อนสนิทที่รู้เรื่องนี้ ต่างพากันตั้งคำถามในใจ ทว่าไม่มีใครเอ่ยปากถาม เพราะเกรงว่าจะสะกิดแผลใจ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี กับการเปิดใจออกมานอกโลกแห่งความเจ็บปวด คงไม่มีใครเดาได้ว่า ชรัญภัทร์คิดอะไรอยู่
เค้กรสส้มถูกนำออกจากเตาอบ กลิ่นของมันหอมยั่วน้ำลายคนอยู่ในห้องครัว ก่อนเค้กก้อนนั้นถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะเตรียมอาหาร เพื่อทำขั้นตอนต่อไปคือ ตกแต่งหน้าเค้กด้วยซอสส้มสูตรพิเศษที่คนทำ คิดค้นสูตรนี้เอง หวังให้เค้กชนิดนี้ นำรายได้มาสู่ตนในอนาคต
“แกจะไหวเหรอ” นวลปรางถามโสภิตา เจ้าของสูตรเค้กรสส้มหน้านิ่ม ที่ทดลองทำเค้กสูตรนี้มาแล้วหลายครั้ง
“ไหวสิ ฉันมั่นใจนะว่า สูตรนี้แหละลงตัว” โสภิตาตอบเพราะคิดว่า เพื่อนรักถามถึงเรื่องนี้
“เรื่องร้านน่ะ ฉันคิดว่าแกไหวอยู่แล้ว ออกจะขายดีขนาดนี้” นวลปรางแย้ง “ฉันหมายถึงเรื่องที่แกเป็นเมียพ่อหัวใจน้ำแข็งต่างหากล่ะ ว่าแกไหวเหรอ ฉันกลัวว่าแกจะกลายเป็นคนเฉยชา ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเหมือนเขาน่ะสิ”
โสภิตาชะงักมือที่กำลังจัดเตรียมซอสส้ม หล่อนถอนหายใจออกมากับคำพูดกระแทกใจ ทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ อย่างคนหมดเรี่ยวแรง
“ที่ฉันถามหรือพูด ไม่ใช่เพราะอยากให้แกเศร้าหรือคิดมากหรอกนะ แต่ฉันสงสารแกน่ะ ที่แกต้องมาเป็นเมียคนไร้หัวใจแบบนั้น ทำดีแค่ไหนหรือทำดียันตาย เขาก็ไม่เห็นค่าแก ฉันเลยอยากให้แกดึงตัวเองออกมา โลกของแกจะได้สดใส ไม่ใช่หม่นหมองแบบนี้” นวลปรางเตือนด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรัก “แกเลิกยึดติดกับคำว่าบุญคุณเสียที ฉันว่านะ แกตอบแทนบุญคุณคุณย่าจอมบงการมามากพอแล้ว แกควรถอยออกมาได้แล้วนะ”
หากเป็นคนอื่นคงยกธงขาว ไม่ทนอยู่กับชายไร้หัวใจอย่างชรัญภัทร์ ที่เป็นตามคำพูดนวลปรางที่ว่า ทำดีให้ตาย ก็ทลายน้ำแข็งก้อนมหึมาใจหัวใจด้านชาของเขาไม่ได้ ม้วนเสื่อกลับบ้านนานแล้ว หาใช่ปล่อยเวลานานถึงสองปี
โสภิตาไม่ใช่ ตลอดสองปีที่ผ่านมา หล่อนมีน้ำอดน้ำทนสูงมาก นอกจากอดทนกับสามีไร้หัวใจ ต้องแบกรับแรงกดดันจากผกา ที่เร่งให้ตนตั้งครรภ์ เพื่อทำหน้าที่แม่อุ้มท้องให้ทายาทธนบูระพันธ์ แลกกับการช่วยเหลือครอบครัวหล่อนให้พ้นจากวิกฤต ฟื้นตัวเป็นผู้เป็นคน หากไม่ได้นางช่วยไว้ ป่านนี้ครอบครัวหล่อนคงแตกสลาย
โสภิตาสำนึกในบุญคุณผกามาก ยอมทำตามเงื่อนไขทุกอย่าง และอดทนเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าหัวใจสาวกลัดหนอง เสียใจ เสียความรู้สึก น้อยใจ เจ็บร้าวระบมกับการกระทำ คำพูดของชรัญภัทร์มากแค่ไหนก็ตาม น่าแปลกกับหัวใจตัวเอง ที่กลับรักคนไร้หัวใจคนนี้ แบบปักหลักแน่นหนามาก แกะไม่ออกสักนิดเดียว และเป็นเหตุผลที่หล่อนบอกนวลปรางไม่ได้
“คุณว่านน่าสงสารนะ แกคิดดูสิ คนที่เสียเมียกับลูกไปพร้อมกัน เป็นการจากที่ไม่ได้มีการร่ำลา จากกันโดยไม่ทันตั้งตัว สำคัญที่สุดคือ คุณว่านเห็นต่ออุบัติเหตุต่อหน้าต่อตาตัวเอง แต่ช่วยคุณน้องไม่ได้ หัวใจคุณว่านแตกสลาย ร้ายที่สุดคือ คนที่ทำให้คุณน้องกับลูกตาย คือคุณย่า คุณว่านยิ่งช้ำใจหนักขึ้น เขาถึงได้เป็นคนแบบนี้ไง” โสภิตาเข้าใจความรู้สึกชรัญภัทร์ “เหมือนฉันไงแก แกเข้าใจที่ฉันพูดใช่มั้ย ถ้าใช่แกก็อย่าโกรธเคืองคุณว่านเลยนะ”
นวลปรางมองหน้าคนพูด ถอนหายใจพรืดยาว จนต่อวาจา นวลปรางรู้ว่า โสภิตาเคยผ่านช่วงเวลาคล้ายกับชรัญภัทร์มาก่อน ตอนนั้นโสภิตาในวัยยี่สิบเอ็ดปี พบรักกับว่าที่นายแพทย์อนาคตไกล ทั้งสองแอบคบหากันนานร่วมสองปี แพลนว่าหากกิจจาเรียนจบจะหมั้นหมายกัน เพราะเขาต้องศึกษาเพิ่มเติมแพทย์เฉพาะทาง ทว่าเส้นทางความรักไม่ได้ราบรื่น เนื่องจากฐานะต่างกัน ทางบ้านกิจจากีดกัดสุดฤทธิ์
กิจจาทะเลาะกับทางบ้านเรื่องนี้ หุนหันออกจากบ้านเพื่อขับรถมาหาโสภิตา เหตุการณ์เกิดขึ้นคล้ายกับตอนสุภัทราเสียชีวิต กิจจาจากโสภิตาไปด้วยอุบัติเหตุ นอกจากเสียคนรัก หล่อนไม่ได้รับอนุญาตให้ไปร่วมงานศพ หล่อนเสียใจมาก ได้แต่ร่ำลาคนรักผ่านสายลมให้เขารับรู้แทน และพบกิจจาในความฝัน ในกรณีชรัญภัทร์ใกล้เคียงกับโสภิตา ที่ต่างเสียคนรักโดยไม่ร่ำลา ต่างกันตรงที่ว่า โสภิตาดึงตัวเองออกจากความเสียใจได้ ส่วนชรัญภัทร์ยังคงจมดิ่งในห้วงนั้น
“ฉันแค่ห่วงแก แต่ถ้าแกโอเค ฉันก็โอเค และเป็นกำลังใจให้แกเสมอ” นวลปรางคงพูดได้เพียงแค่นี้ “ฉันรอชิมเค้กแกดีกว่า แกจะได้เอาเค้กนี้ขึ้นร้านขายสักที ปรับสูตรอยู่นั่นแหละ ฉันว่านะมันอร่อยตั้งแต่สูตรแรกแล้ว”
“ขอบใจนะที่แกห่วงฉัน ฉันโอเค แกอย่าลืมสิว่าฉันเก่งจะตายไป ผ่านได้อยู่แล้ว” โสภิตาพูดให้กำลังใจตัวเองด้วย
“ย่ะ แม่คนเก่ง เก่งที่สุดในปฐพี ฉันขอชิมเค้กแม่คนเก่งก่อนล่ะกันนะ เรื่องอื่นช่างมัน” นวลปรางปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามพรหมลิขิต เพราะหล่อนคิดเสมอว่า ทุกอย่างบนโลกใบนี้ ถูกพรหมลิขิตจัดสรรไว้แล้วทั้งสิ้น
โสภิตามองนวลปรางชิมเค้กรสส้มหน้านิ่มสูตรของตนด้วยรอยยิ้ม พรางมองร้านเบเกอรี่กึ่งร้านคาเฟ่ของตน ร้านในฝันที่ตนอยากมี เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ให้ลืมตาอ้าปากได้ หรือแค่ไม่ขัดสนเช่นอดีต แม้ต้องแลกมากับน้ำตาและความเสียใจ หล่อนก็ยอม
