2 สามีที่เริ่มคุ้นเคย
“เอ่อ...” รุ่งนภารู้สึกสมองตื้อไปชั่วขณะ หูคล้ายจะอื้อ แต่กลับได้ยินเสียงลมหายใจของเขาเด่นชัด
เสน่ห์แห่งบุรุษเพศในยามตื่นนอนนั้น ช่างรุนแรงจนเธอไม่อาจจะควบคุมจังหวะหัวใจและทีท่าได้
“ว่ายังไง” จักรพันธ์ มณฑลพฤกษ์ ขยับเลื่อนตัวขึ้นไปพิงที่พนักหัวเตียง เอื้อมมือไปเปิดโคมไฟหัวเตียง ทำให้แสงสีส้มอ่อนจ้าขึ้น
แววตาลุ่มลึกที่ดูงัวเงียของเขาทอดมองไปยังนาฬิกาแขวนเรือนใหญ่ กรอบไม้สัก ที่สลักลวดลายโบราณ เป็นของขวัญวันแต่งงานจากญาติผู้ใหญ่
“ขอโทษค่ะ ที่ทำให้คุณต้องตื่นขึ้นมาด้วย” ความขี้เกรงใจและยินยอมผู้คนทั้งโลกมาทั้งชีวิตของรุ่งนภา
ทำให้เธอรวบรวมสติและว่าไปอย่างนั้น เหลือบหันไปมองนาฬิกาตามเขาด้วย
และเวลาที่แสดงนั้นก็ทำเอาเธอรู้สึกโกรธตัวเองไม่หาย
“ตื่นแบบนี้ทุกวันมานานแค่ไหนแล้ว” น้ำเสียงที่แสดงความอาทรของเขา ทำเอาแววตาใสสะดุด...รูหูเองก็สะดุด
ไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังผิดไปหรือไม่
ไม่เห็นความรำคาญใจหรือหงุดหงิดที่ตัวเองต้องตื่นมาในยามวิกาลจากเขาเลยแม้แต่น้อย
“เอ่อ...เพิ่งมีวันนี้ค่ะ” และแน่นอนว่าผู้หญิงที่ไม่เคยเล่าความทุกข์ร้อนของตัวเองให้ใครฟังมาก่อน
และไม่คิดว่ามันสำคัญอะไร ตัดสินใจบอกเขาแบบนั้นอย่างเร็วรี่
“มีวันนี้มากี่วันแล้วล่ะ” เขาสวนกลับทันทีเช่นกัน จนเธอเบรกตัวเองจนหน้าแทบทิ่ม
สบตากับเขาท่ามกลางแสงสีส้มสลัวที่พอให้ได้เห็นใบหน้ากันถนัด แต่เธอก็รีบหลบสายตาคู่นั้นทันที
ใครมันจะไปสบตาได้ด้วยไหวล่ะ ความหล่อเหลาของเขาเคล้ากับแสงไฟสีส้ม ไม่ใช่ธรรมดาเลย...หัวใจเธอสามารถวายได้ ถ้ายังฝืนมองมันต่อไป
“เงยหน้าขึ้นมา” ฝ่ามือใหญ่เอื้อมมาเชยคางเธอขึ้น เหมือนฉากหนึ่งในละครที่เธอชอบดูไม่มีผิด จากที่เคยรำคาญนางเอกว่าจะเหนียมอายอะไรนักหนา
ครานี้เห็นทีว่าจะต้องเป็นฝ่ายรำคาญหัวใจตัวเอง เธอได้ยินเสียงมันเต้นเร่าๆ คล้ายจะหลุดออกมาจากอกแบนๆ ของตัวเองอยู่รอมร่อ
“คะ...คะ?” ดวงตารีเล็กสบเข้ากับแววตาคมกล้าที่ฉายความฉงนออกมาเล็กน้อย
“ทำไมต้องโกหก ผมถามอะไรผิดไปเหรอ” ยิ่งน้ำเสียงที่อบอุ่นระคนเห็นใจของเขาแสดงออกมาแบบนี้
ยิ่งทำเอาหัวใจของเธอเต้นไม่เป็นส่ำมากขึ้น
“ปะ...เปล่าค่ะ”
“เหงื่อแตกขนาดนี้ ฝันร้ายด้วยรึเปล่า” ฝ่ามือใหญ่ของเขา ปัดปอยผมที่ระหน้าเธอออกไปให้ด้วย กิริยานี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและใส่ใจ
จนรุ่งนภาเริ่มไม่แน่ใจ ว่าตัวเองกำลังตื่นนอนมากลางดึกจริงๆ หรือกำลังฝันหวานอยู่กันแน่
ระยะเวลาหลังแต่งงานเขาใจดีกับเธอมากจริงๆ แต่ก็ไม่เคยมากขนาดนี้...เขาไม่เคยถึงเนื้อถึงตัวกับเธอขนาดนี้
“เห็นตื่นขึ้นมาทุกคืน ทีแรกก็คิดว่าคงจะยังไม่คุ้น แต่นี่หนึ่งเดือนแล้ว น่าจะคุ้นได้แล้ว” คนตกใจช้อนสายตาขึ้นมองหน้าเขาในทันที
เธอไม่เคยรู้เลย...ว่าเขารู้ตัวในทุกค่ำคืนที่เธอตื่นขึ้นมา
ก็เห็นหลับตา...ก็คิดว่าหลับสนิท
แววตาตรงไปตรงมาของจักรพันธ์ ทำเอาความตื่นเต้นของหญิงสาวค่อยๆ ทุเลาเบาบางลง แม้จะเพียงนิดแต่ก็พอให้เธอสบตากับเขาตรงๆ ได้
“ยังไม่คุ้นค่ะ ยังไม่คุ้นเท่าไหร่” เธอจำต้องบอกเขาไปแบบนั้น เพราะไม่รู้จะอธิบายอาการของตัวเองอย่างไร เธอเป็นมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบแล้วนะ
“ให้แยกเตียงนอนไหม” คำถามนี้เต็มไปด้วยความห่วงใยและใจดีเหลือแสน
“มะ ไม่ต้องค่ะ!” แต่เธอสิ ตกใจเกินล้านไปมาก
คิ้วเข้มของเขาเลิกขึ้น จนเธอต้องรีบอธิบายจนลิ้นแทบพันกัน
“คือว่า...ที่ไม่คุ้นเพราะว่าสถานที่ค่ะ ไม่ใช่เพราะว่าคน” เธอแก้ต่างด้วยเหตุผลที่ฟังขึ้น หากแต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
ว่าทำไมต้องเดือดร้อนขนาดนั้น เพียงแค่เขาต้องการจะแยกเตียง
“แต่ถ้า...การที่รุ้งตื่นกลางดึกแบบนี้แล้วทำให้คุณตื่นมาด้วยทุกครั้ง แยกเตียงก็ได้นะคะ” เขาส่ายหน้าออกมาพร้อมรอยยิ้มเชิงเอ็นดู
“แบบนั้นยิ่งไม่ได้ใหญ่”
“ทำไมเหรอคะ?” เขาไม่ยอมตอบคำถามที่เธออยากรู้ แต่เลือกมองไปรอบห้องนอนใหญ่เชิงคิดวิเคราะห์ในหัว
“หรือห้องมันใหญ่ไป ปกติที่บ้านนอนแบบไหน” เธอมองตามสายตาของเขาพร้อมตอบในใจ เล็กกว่านี้แบบเอาสิบติดลบเข้าไป
เพราะว่าห้องหอของเธอและเขา ในคฤหาสน์หลังใหญ่ของมณฑลพฤกษ์นั้น มีความใหญ่พิเศษ
แบ่งโซนส่วนตัวออกเป็นสองฝั่ง ของเขาอยู่ปีกขวาและของเธออยู่ปีกซ้าย และมีส่วนกลางคือ เตียงนอน ห้องน้ำและมุมแต่งตัวร่วมกัน
โซนของจักรพันธ์จะมีห้องทำงาน ห้องหนังสือและมุมเครื่องดื่มของเขา ที่แบ่งสัดส่วนเอาไว้อย่างลงตัว
ส่วนโซนของรุ่งนภานั้น ถูกจัดให้มีมุมบันเทิง ห้องทำงานหรืออ่านหนังสือและมุมของสะสมเล็กๆ
ที่เธอเองก็ประหลาดใจเหมือนกันว่าเขารู้ได้อย่างไร ว่าเธอมักจะมีมุมแบบนี้อยู่ในห้องนอนของตัวเองเสมอ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวอยู่ๆ ไปก็คงจะชินเอง ขอบคุณมากนะคะ” เขาสะดุดเล็กน้อยคล้ายจะคัดค้าน หากแต่ก็ยอมพยักหน้าแต่โดยดี
“อื้อ ตามนั้น” ว่าพร้อมลุกไปเข้าห้องน้ำ...ปล่อยให้เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกและสูดอากาศเข้าไปจนเต็มปอด
“เกือบขาดใจตายแล้วไหมล่ะ ไอ้รุ้ง” เธอว่าพร้อมเอามือโบกพัดวีให้ตัวเอง มองตามประตูห้องน้ำที่ปิดลงอย่างโล่งใจ