2 ปรับทุกข์ [สามีปีจอ]
2
ปรับทุกข์
Black phoenix pub
ท่ามกลางไฟแสงสีรับกับเสียงเพลงในคลับหรู อัยย์ญาดาในชุดแซกสายเดี่ยวพราวเสน่ห์เผยให้เห็นผิวขาวเนียนกำลังนั่งอยู่กับสองเพื่อนซี้ที่สนิทกันมาตั้งแต่มัธยมกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย วันนี้ผมยาวสลวยข้างหลังบางส่วนถูกแบ่งไปถักเป็นเปียเจ้าหญิง ที่เหลือก็ปล่อยยาว ใบหน้าจิ้มลิ้มถูกแต้มแต่งจนกลายเป็นสาวสมัยใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
ถึงทุกคนจะเลี้ยงดูเธอมาอย่างดี แต่ก็ไม่ได้เลี้ยงแบบไข่ในหินชนิดที่ว่าปิดกั้นไม่ให้รู้อะไรภายนอกเลย อัยย์ญาดาจึงมาเที่ยวได้ตามใจ ขอแค่ต้องบอกเอเดรียนกับกาญจนา ซึ่งเธอมาอย่างอยู่ในขอบเขตเสมอ ไม่เคยทำให้ความไว้ใจของทั้งคู่สูญเปล่า
“ฉันเซ็งอะทับทิม กลิตเตอร์” เธอบ่นพลางยกค็อกเทลในมือขึ้นจิบหลังจากบ่นเรื่องที่จะถูกจับคลุมถุงชนโดยสังเขป จริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะบ่นหรอก แต่พอถามไถ่สารทุกข์สุกดิบแล้วได้พูดถึงก็ไหลยาวไปโดยปริยาย
“ดีออก แสดงว่าพ่อแม่เขาต้องไว้ใจแกมากๆ และเชื่อว่าจะคุมลูกชายเขาอยู่” วรรณฤดีออกความเห็น
“แต่ฉันชอบผู้ชายแบ๊ดๆ แบบนี้นะ หล่อ รวย ร้าย แถมเป็นประธานบริษัทครบเลย” กิรณากล่าวยิ้มๆ แล้วพยายามจะยื่นโทรศัพท์มือถือที่มีรูปใบหน้าหล่อเหลาให้คนที่ทำหน้ามุ่ยดู แต่พอเห็นอัยย์ญาดาไม่สนใจก็ปรับเปลี่ยนท่าที
“ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงรอพูดคุยไม่ใช่เหรอ?”
“ก็ใช่ แต่พอเอาเข้าจริงก็อดไม่ได้ที่จะเก็บมาคิดอยู่ดี” อัยย์ญาดาเอ่ยพร้อมกับส่ายหน้า อดไม่ได้ที่จะบ่นเรื่องที่ตัวเองอาจจะได้มีคู่หมั้นให้กิรณากับวรรณฤดีฟัง สเป็กในฝันของเธอก็ไม่มีอะไรมากหรอก ขอแค่รักกัน มีความอดทนและซื่อสัตย์จริงใจกับเธอแบบคู่ของพ่อเอเดรียนกับแม่กาญจนาก็พอแล้ว แต่สำหรับอชิระ แค่ข้อแรกเขาก็สอบตกแล้ว
“ไม่แน่นะแก ถึงเขาจะเจ้าชู้แต่หลังแต่งกันไป เขาอาจจะหลงแกแล้วกลับตัวกลับใจทันทีก็ได้ ในนิยายกับซีรีส์มีแบบนี้เยอะจะตาย”
“นั่นก็นิยายกับซีรีส์ปะคะเพื่อนสาว?” วรรณฤดีอดไม่ได้ที่จะปรามคนที่กำลังมโน
“ถึงจะมีความเป็นไปได้ก็เถอะ”
“ให้ฉันได้นโมหน่อยเถอะ” กิรณาบ่นอุบอิบ
“มโนจ้ะ” วรรณฤดีแก้ให้
“ก็เหมือนกันเปล่า” คู่สนทนาพูดพลางทำท่ากระเง้ากระงอดใส่เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนสาวทั้งสองคน
“ทำไมแกไม่บอกไปล่ะว่ามีแฟนแล้ว?”
“แหมกลิตเตอร์ พูดยังกะไม่รู้จักนิสัยยัยอัยย์” กิรณาเอ่ยยิ้มๆ
“อืม ก็นะ” วรรณฤดีถอนหายใจเบาๆ
“แต่จะว่าไป มันก็มีวิธีดูที่ใช้ได้ในระดับหนึ่งว่าแกกับเขาเหมาะสมกันจริงๆ หรือเปล่า”
“จะเริ่มแล้วสินะคุณศิราณี” อัยย์ญาดาแซวอีกฝ่าย วรรณฤดียิ้มรับแล้วพูดพร้อมกับเชิดหน้า
“รอบนี้ฉันแนะนำให้ใช้เรื่องของปีนักษัตรนะ เธอเกิดปีฉลูใช่มั้ยล่ะ ลองหาประวัติผู้ชายคนนั้นว่าเขาเกิดปีอะไร จากนั้นก็เอาไปเทียบกับตารางจับคู่ว่าไปด้วยกันได้ไหม”
“ถ้ามันบังเอิญตรงขึ้นมา ฉันจะทำยังไงล่ะทีนี้?” อัยย์ญาดาถามหยั่งเชิง
“ก็คิดว่านี่คือโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้แล้วและยอมรับมันไงจ๊ะสาวน้อย” วรรณฤดีเอ่ยพร้อมกับขยิบตาทำให้หญิงสาวยิ้มออกมาอีกครั้ง
แก๊งของเธอ คนหนึ่งก็สายโลกจินตนาการ คนหนึ่งก็สายมูเตลู ส่วนอีกคนอยู่บนสายโลกแห่งความจริง อยู่กันคนละทิศคนละทาง ไม่รู้เป็นเพื่อนกันได้ไง แถมไปไหนไปกันแทบทุกครั้งด้วย
“ขอบใจพวกแกมากนะ” อัยย์ญาดากล่าวด้วยรอยยิ้ม แล้วเป็นคนเปลี่ยนประเด็นการสนทนา
“วันนี้พวกเรานัดกันมาแฮงค์เอาท์นี่ ลืมเรื่องของฉันแล้วมาสนุกกันให้เต็มที่ดีกว่า”
ไหนๆ กว่าจะได้ไปเจอก็อีกตั้งเกือบอาทิตย์นู่นแน่ะ
“ต้องแบบนี้สิเพื่อนรัก” กิรณาเอ่ยสนับสนุนแล้วลุกขึ้นด้วยท่าทางกระตือรือร้น
“งั้นฉันไปก่อนนะ เผื่อมีโชคได้พบรักแบบคู่โซยางกับซังฮุน”
“ตามสบายจ้า” อัยย์ญาดากับวรรณฤดีพูดพลางยิ้มขณะยกมือขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่วรรณฤดีจะเดินไปอีกคน ตามด้วยอัยย์ญาดา แยกกันเต้นคนละมุมตามแสงสีที่ชอบ
โซนวีไอพีชั้นสอง
“เซ็งว่ะ” เจ้าของส่วนสูงเกินร้อยแปดสิบบวกกับรูปร่างกำยำและใบหน้าหล่อเหลาที่ประดับด้วยดวงตาคมสีน้ำตาลเข้ม หันไปพูดกับเพื่อนที่นัดมาดื่มอย่างหัวเสีย ก่อนจะปรายตามองบรรยากาศชั้นล่างผ่านระเบียงแก้วแล้วถอนหายใจ ขณะโบกมือให้บริกรเอาวอดก้ามาให้อีก
“ไม่รู้ว่าอยู่ๆ พี่กับแม่คิดยังไงถึงจะจับฉันหมั้น”
“อาจจะอยากให้แกเป็นฝั่งเป็นฝาแบบพี่อคิไง” หนุ่มฮอตสายตาแพรวพราว ‘ฟิลิปเป้’ ออกความเห็น
“ก็เพราะอคิเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว แถมยังมีหลานให้ด้วย ฉันเลยไม่เข้าใจว่าจะมาอะไรกับฉัน” คู่สนทนายังคงบ่นอย่างไม่เข้าใจ เขามีชื่อว่า ‘อชิระ’ ลูกชายคนรองของเดวิด เฟรดเดอริก งานหลักสำหรับอชิระคือทำธุรกิจสถานบันเทิง Back phoenix และร้าน ส่วนงานรองคือเข้าออฟฟิศ โดยมากก็ไปนั่งเป็นหัวหลักหัวตอของพวกคณะกรรมการกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ตามที่เดวิดมอบหมายในฐานะประธานบริษัท ขณะที่ ‘อคิราห์’ พี่ชายเลือดร้อน ผู้ชื่นชอบการต่อสู้คุมธุรกิจสีมืดทั้งหลายอยู่ต่างแดนกับพี่สะใภ้
“ดวงของแกด้วยมั้ง เหมือนฉันจะเห็นแวบๆ ว่าเดือนนี้คนเกิดปีจอจะได้สละโสด” หนุ่ม (ท่าทาง) เนิร์ดลูกครึ่งแดนมังกร ‘จ้าวหมิง’ กล่าว
“เรื่องโชคลางปีนักษัตรอะไรนั่นเอาไปไกลๆ ฉันเลย” คู่สนทนากล่าว เขาไม่เชื่ออะไรแบบนี้หรอก
“ก็แล้วแต่” จ้าวหมิงเอ่ยยิ้มๆ
“หรือเพราะแกควงผู้หญิงออกนอกหน้ามากเกินไปหรือเปล่า?”
“ก็ไม่เคยเสียการเสียงานปะวะ?” อชิระส่ายหน้าอย่างไม่ยอมรับ
“เอาน่า ดีไม่ดี พอได้เจอหน้าผู้หญิงคนนั้นจริงๆ แกอาจจะตกหลุมรักเธอก็ได้”
“แค่ฟังจากที่แม่เล่าก็ไม่ใช่สเป็กฉันละ” ลองนึกภาพว่าตัวเองต้องแต่งงานกับคนหน้าสวยเรียบร้อยที่จืดชืดและเอาแต่ยิ้มให้ตามประสากุลสตรี หลานผู้ดีเก่า เขาก็เบื่อละ ครั้นจะให้ไปหาสาวอื่น อชิระก็รู้ว่าอลินดาต้องออกหน้าจัดการจนไม่มีใครกล้าเข้าหาเขาแน่นอน
“แล้วที่ผ่านๆ มายังไม่ใช่อีกรึไง?”
“หึ” อชิระยิ้มมุมปาก แล้วเอ่ยต่อ
“พอดีว่าฉันเกิดปีหมา แต่ดันเป็นเสือว่ะ”
“ดูมันพูด”
“พวกแกก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? โดยเฉพาะแก...จ้าวหมิง” อชิระพูดพร้อมกับมองเจ้าของชื่ออย่างรู้ทัน
“เกิดมาหล่อทั้งที ก็ต้องใช้ความหล่อให้คุ้ม” คู่สนทนาเอ่ยพร้อมกับยกมือเสยผม ก่อนจะลุกขึ้นเมื่อเจอคนที่เข้าตา
“เดี๋ยวมา ไปหาอะไรสนุกๆ ทำแปบ”
“เชิญ” อชิระผายมือ
“แล้วแกล่ะอชิ?”
“ไม่อะ ยังไม่มีรมณ์” อชิระพูด ก่อนจะเอ่ยต่อเมื่อเห็นฟิลิปเป้หยิบอะไรบางอย่างออกมา
“ถ้าเสี้ยนก็เชิญไปสูบที่อื่น” ถึงจะเป็นชั้นวีไอพี แต่เขาก็ไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนมาสูบของพวกนี้หรอก แม้จะเป็นบุหรี่ไฟฟ้าหรือคนสูบจะเป็นเพื่อนก็ตาม
“ถ้าไม่เห็นว่าเป็นเพื่อนนะ” ฟิลิปเป้กล่าวอย่างหมั่นไส้ มันพูดซะซิการ์พรีเมี่ยมในมือกลายเป็นบุหรี่กังๆ ไปเลย อชิระทำเพียงยิ้มเยาะใส่คนที่มองมาอย่างคาดโทษ
สักพักจึงมองลงไปข้างล่างบ้าง ก็เห็นสาวสวยสะดุดตาคนหนึ่งกำลังยืนพูดคุยกับชายหนุ่มหน้าตาดีแต่เก้งก้างไปหน่อย ก่อนจะเหลือบไปเห็นจ้าวหมิงยืนเลียบๆ เคียงๆ เตรียมหาจังหวะเข้าไป
สมกับเป็นเพื่อนของเขาจริงๆ
“เพลงจบแล้ว ขอตัวนะคะ” อัยย์ญาดาพูดกับชายหนุ่มตรงหน้า ยกมือลูบอกเขาเบาๆ ครั้งหนึ่ง
“สนใจแลกคอนแทกต์กันไว้มั้ยครับ?” คู่สนทนากล่าวด้วยแววตากรุ้มกริ่ม
“ยังเร็วเกินไปค่ะ” เธอพูดพร้อมกับขยิบตา ก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะเพื่อรอเพื่อนหลังจากได้บริหารเสน่ห์ไปนิดๆ หน่อยๆ ไม่แยแสต่อสายตาเสียดายที่มองมา
อัยย์ญาดาถอนหายใจเบาๆ รู้ดีว่าตัวเองทำได้แค่นี้แหละ ยังไม่กล้าพอถึงขั้นจะจูบหรือขึ้นเตียงไปมีวันไนท์สแตนด์กับใคร คงเพราะความหัวโบราณที่แฝงอยู่ในตัวห้ามเธอไว้
“ชนแก้วกันหน่อยไหมครับ?” เสียงทุ้มดังมาจากร่างของชายหนุ่มท่าทางสุภาพที่มีใบหน้าหล่อเหลากว่าคนก่อนซึ่งเดินมายืนอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ได้ค่ะ” อัยย์ญาดายิ้มรับ พลางยกแก้วค็อกเทลในมือแตะแก้วของเหลวสีอำพันของคนที่ถือวิสาสะนั่งลงเบาๆ ก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อรู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้อง พอเงยหน้าขึ้นไปตามทิศทางนั้นก็พบเป็นสายตาของผู้ชายคนหนึ่ง ใบหน้าภายใต้แสงไฟเลือนรางดูลึกลับ แต่อัยย์ญาดากลับคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
“นั่นเพื่อนผมเองครับ ไม่ต้องไปสนใจหรอก” จ้าวหมิงกล่าวยิ้มๆ แล้วส่งสายตาขุ่นเคืองใส่อชิระ แล้วชูมือยกนิ้วให้คนที่ส่งยิ้มกวนประสาทกลับอย่างไม่ยี่หระ
ขณะที่เธอครุ่นคิดในใจ งั้นก็แสดงว่าผู้ชายคนนี้กับเพื่อนของเขาต้องกระเป๋าหนักพอสมควร ถึงได้ขึ้นไปอยู่โซนวีไอพีได้
“ทำไมคุณถึงลงมาตรงนี้ล่ะคะ?”
“ผมเห็นคุณ ผมเลยสนใจครับ” จ้าวหมิงตอบอย่างไม่อ้อมค้อม แล้วแนะนำตัว
“ผมชื่อหมิงครับ คุณล่ะ?”
“ดาค่ะ” อัยย์ญาดาตอบอย่างเคยชิน จะไม่มีใครได้รู้ว่าเธอคืออัยย์ญาดา เบอร์เบิร์นหรืออัยย์ญาดา วิรยาพิลาศเด็ดขาด
“หล่อโฮก” กิรณากับวรรณฤดีที่กลับมาพอดียกมือปิดปากกรีดร้องกับภาพตรงหน้า
“ถ้าคุณหมิงไม่รังเกียจ ชนกับเพื่อนฉันด้วยก็ได้นะคะ” อัยย์ญาดาพูดกับจ้าวหมิงพลางยิ้มให้อย่างมีไมตรีจิต แล้วพยักหน้าให้เพื่อนสาวที่รู้สึกราวกับเลือดกำเดาจะไหล
“ได้สิครับ” จ้าวหมิงตอบ ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม
“ขอบคุณนะคะ”
“มาค่ะ”
วรรณฤดีกับกิรณากล่าว มือไม้สั่นอย่างเก็บอาการไม่อยู่ จบที่สุดท้ายกิรณาก็ตื่นเต้นดีใจจนเป็นลมในตอนที่จ้าวหมิงขอคอนแทกต์ ร้อนถึงอัยย์ญาดากับวรรณฤดีต้องช่วยกันพากันโดยมีจ้าวหมิงช่วยแบกคนที่นอนไม่ได้สติ
“แล้วพวกคุณจะกลับกันยังไงครับ?”
“มีคนขับรถรออยู่แล้วค่ะ” วรรณฤดีตอบ แอบเสียดายเล็กน้อย ถ้าไม่ติดกิรณาก็อยากทำตัวให้ดูน่าสงสารอยู่หรอก เผื่อเขาจะใจดีไปส่ง
“อ๊ะ! พูดถึงก็มาพอดีเลย!”
“เดี๋ยวก่อนครับ” จ้าวหมิงรั้งหญิงสาวทั้งสองที่กำลังจะก้าวเท้าขึ้นรถ
“ผมขอคอนแทกต์ของคุณกลิตเตอร์กับคุณดาไว้ด้วยได้ไหมครับ?”
“ได้สิคะ” วรรณฤดีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“แล้วของคุณล่ะครับ?” เขาถามหญิงสาวที่ตัวเองตั้งใจเข้ามาชวนคุย
“ความลับค่ะ” อัยย์ญาดากล่าวพลางขยิบตาพอเป็นพิธี ยอมรับว่าไม่เคยเจอผู้ชายงานดีเท่านี้ แต่เธอยังไม่คิดจะทำความรู้จัก
“ไว้เจอกันใหม่ค่อยว่ากันนะคะ”
“ครับ” จ้าวหมิงยังคงพูดพร้อมกับยิ้มให้และโบกมืออำลา จากนั้นก็กลับเข้าคลับ เดินขึ้นชั้นสองไปหาเพื่อน
“ได้ไหม?” อชิระถามเพื่อนของตน
“ได้ 1 แถม 1...” จ้าวหมิงพูดพร้อมกับชูนิ้วก่อนจะพูดต่อพร้อมกับทำหน้ามุ่ย
“แต่ไม่ได้ของคนที่อยากว่ะ...ยังเล่นตัวอยู่...”
“ใครกันที่กล้าเล่นตัวกับคุณชายเยี่ย?” อชิระพูดยิ้มๆ
“อยากรู้เหมือนกัน แต่ตอนนี้รู้แค่ว่าชื่อดา”
“ให้พี่ช่วยสืบไหมน้อง??” เขาเอ่ยกวนประสาทเพื่อนรัก
“เอาเวลาไปสืบเรื่องคนที่ตัวเองต้องหมั้นก่อนเถอะ ไอ้ลูกหมา!”
“แรงว่ะ” อชิระกลั้นขำอย่างไม่ถือสา
“ไว้แกโดนแบบฉันเมื่อไร เดี๋ยวเรียกคืนเป็นร้อนเท่าเลย!”
“คุยอะไรถึงไหนกันแล้ว?” ฟิลิปเป้ที่เพิ่งปล่อยมือจากเอวคู่เต้นสาวสวยแล้วเดินกลับมาร่วมโต๊ะถาม
“เสืoก!”
“เอ้าไอ้หมาพาล!” ฟิลิปเป้ตอบกลับ
“แกก็หมา แกด้วยอชิ!” จ้าวหมิงเอ่ย
“เออ หมาเอง หมาทั้งแก๊ง” อชิระพูดพร้อมกับหัวเราะร่วน...
