1 แต่งงาน [สามีปีจอ]
1
แต่งงาน
“อะไรนะคะ!? แต่งงาน!?” อัยย์ญาดาทวนคำอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เอเดรียนพยักหน้ารับแล้วพูดต่อ
“ตอนลูกยังเด็ก พ่อกับเดวิดเคยคุยกันไว้ครั้งหนึ่ง ตอนแรกพวกเราก็คิดว่าเป็นเรื่องเล่นๆ จนเดือนก่อน และพ่อกับแม่คุยกันแล้ว”
เดือนก่อนที่ ‘เดวิด เฟรดเดอริก’ มาเฟียผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนและหุ้นส่วนมาหาแล้วชวนพูดคุยเรื่องนี้ เขาก็ตกใจเหมือนกัน
“แต่อัยย์ยังเรียนไม่จบเลยนะคะ” อัยย์ญาดาแย้ง นี่ยังไม่รวมเหตุผลอื่นอีก แถมตอนเย็นยังจะนัดทานข้าวเพื่อฟังคำตอบอีก กะทันหันเกินไปแล้ว!
“ใช่จ้ะ แม่เลยคิดว่าจะให้พวกลูกหมั้นกันไว้ก่อน จนกว่าอัยย์ญ่าจะเรียนจบ” กาญจนากล่าว แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“แม่หมายถึง...ถ้าอัยย์ญ่าตกลงน่ะ...”
“แล้วพ่อกับแม่คิดว่ายังไงคะ?”
“แม่คิดว่าแต่งกับลูกชายคุณเดวิดก็ดีจ้ะ อย่างน้อยแม่จะได้สบายใจว่าอัยย์ญ่าจะไม่ลำบากในอนาคต” กาญจนาตอบ อัยย์ญาดาพยักหน้ารับ
“พ่อก็คิดเหมือนแม่ อีกอย่างอชิก็เป็นคนที่หน้าตาดีและเก่งไม่แพ้พ่อของเขาเลยทีเดียว” เอเดรียนเอ่ยบ้าง ก่อนจะพูดกับลูกสาว
“แต่ก็แล้วแต่อัยย์ญ่านะลูก ถ้าไม่เต็มใจจริงๆ พ่อกับแม่จะไม่บังคับ”
“ใช่ เพราะยังไงแม่น่ะ...ก็ไม่ใช่แม่ที่จะใจร้ายถึงขั้นบังคับจิตใจลูกสาวตัวเองขนาดนั้นหรอก” กาญจนาเอ่ยเสียงเครือพร้อมกับยกมือปาดน้ำตาโดยมีเอเดรียนขยับตัวเข้าไปหาแล้วหยิบทิชชู่มาซับให้ อัยย์ญาดาพลันถอนหายใจเมื่อเห็นบทละครที่นานๆ ทีกาญจนาจะงัดออกมาเมื่อรับรู้ได้ถึงการที่เธอตั้งใจจะปฏิเสธ และมันก็ได้ผลเสียด้วย
“ใช่ๆ พ่อก็คิดเหมือนแม่” เอเดรียนรับไม้ต่อจากภรรยา พลางลูบหน้าลูบหลังภรรยาอย่างปลอบประโลม
นี่คือคนที่กล้าแหกคอกตระกูลใหญ่จริงหรือเปล่าเนี่ย!? เธออดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดอย่างขบขัน
แต่เอาเข้าจริงนี่ก็ยังเรียกไม่ได้อย่างเต็มปากว่าเป็นการคลุมถุงชนสักหน่อย ก่อนจะพูดต่อ
“เอาเป็นว่า...อัยย์ขอคิดดูก่อนนะคะ” เธออยากบอกคนทั้งคู่ว่าเธอแกร่งพอที่จะดูแลตัวเองได้ แต่ฟังจากคำตอบบวกกับท่าทาง ถึงบอกไม่บังคับแต่ทั้งคู่ดูคาดหวังพอสมควร ที่สำคัญนี่จะนับเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ด้านธุรกิจกับความสัมพันธ์กลายๆ ด้วย
“ได้เลยจ้ะ” กาญจนาเปลี่ยนท่าทีกลับมายิ้มสดใส อัยย์ญาดามองแม่แล้วถอนหายใจก่อนจะยิ้มออกมาบ้าง เทียบกับเรื่องอื่นๆ แล้ว เธอไม่เอาข้อเสียเล็กๆ น้อยๆ ของแม่มาทำให้ตัวเองขุ่นเคืองใจหรอก ยังไงทั้งคู่ก็ต้องรักและหวังดีกับเธอมากกว่าใครอยู่แล้ว
อีกอย่างทำไมเธอจะไม่รู้ว่านิสัยของเพื่อนคุณพ่อคนนี้เป็นยังไง เล็งอะไรไว้แล้วต้องได้ ขืนไปขัดใจ ธุรกิจที่พ่อกับเขาทำร่วมกันต้องล่มไม่เป็นท่าแน่ แต่ที่ไม่เข้าใจคือ...ไหงอยู่ๆ ฝ่ายนั้นถึงต้องการให้เธอแต่งเข้าไปเป็นลูกสะใภ้ล่ะเนี่ย
“ว่าแต่...ลูกชายของคุณเดวิดคนไหนนะคะ?” อัยย์ญาดาถามด้วยความสงสัย คลับคล้ายคลับคลาจะจำได้ว่าเดวิด เฟรดเดอริกมีลูกชายสองคน
“อชิระไงลูก อคิราห์เขาแต่งและมีลูกไปนานแล้ว” กาญจนาตอบ แล้วพูดต่อ
“ตอนเป็นเด็ก อัยย์ญ่ากับพี่เขาก็เคยเจอกันอยู่”
“อ๋อ” อัยย์ญาดาพยักหน้ารับรู้พร้อมกับภาพความทรงจำที่สุดแสนจะเลือนราง น่าจะเคยเล่นกับอชิระไม่กี่ครั้งก่อนเขาจะถูกส่งไปเรียนที่ต่างประเทศล่ะมั้ง
“แล้วคุณอชิระ เขายังโสดเหรอคะ?” ห่างเหินกันมาขนาดนั้น อยู่ๆ จะให้ไปเรียกพี่ก็กระไร
“จ้ะ เขายังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน” กาญจนาตอบ แต่ตรงท้ายประโยคน้ำเสียงของเธอก็เบาลง
“ค่ะ” อัยย์ญาดาเริ่มรู้สึกตงิดใจกับคำตอบของผู้เป็นแม่ซะแล้วสิ ส่วนคุณหญิงย่าอะแมนด้า ถ้าเธอบอกไป อัยย์ญาดามั่นใจถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ว่าคุณหญิงย่าจะต้องเห็นดีเห็นงามและสนับสนุนแน่นอน อย่างนั้นตอนนี้เหยียบไว้ก่อนละกัน...
--------------------------
“ขอโทษทุกคนด้วยนะ พอดีว่าตาอชิมีงานด่วน มื้อนี้เลยไม่ได้มาร่วมด้วย” หญิงสาววัยกลางคนที่หน้าตาสะสวยโฉบเฉี่ยวพูดพร้อมกับค้อมศีรษะ เธอคือ ‘อลินดา’ ภรรยาสุดที่รักของเดวิด เฟรดเดอริก ก่อนจะชมอัยย์ญาดาที่นั่งตรงข้ามด้วยรอยยิ้ม
“หนูอัยย์ญ่าน่ารักแบบที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด”
“ใช่ไหมล่ะ? เหมาะสมกับตาอชิลูกเราที่สุดแล้ว” เดวิดกล่าว ตอนนี้ลูกชายก็ได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาและมีเจ้าหลานตัวน้อยที่เดินได้ให้แล้วสองคน ถึงเวลาจัดการลูกชายคนรองให้กลับเข้าลู่เข้าทางเสียที
“พวกเธอนี่เลี้ยงลูกได้ดีจริงๆ”
“ขอบคุณนะคะ” เป็นกาญจนาที่ยิ้มรับเมื่อได้รับคำชมจากอลินดา
“พวกเราก็รู้จักกันมานานแล้ว พูดคุยอย่างเป็นกันเองก็ได้นะ ฉันไม่ถือหรอก”
“ฉันชินแบบนี้ไปแล้วค่ะ” กาญจนากล่าวยิ้มๆ
“ภรรยาของนายนี่นะ” เดวิดพูดกับเอเดรียน ซึ่งเจ้าตัวก็หันไปมองกาญจนาแล้วยิ้ม
“กว่าเธอจะยอมเรียกชื่อฉันเฉยๆ ก็วันแต่งงานโน่น”
อัยย์ญาดาค่อยๆ ตักอาหารใส่ปาก ขณะฟังผู้ใหญ่คุยกัน ตอนไหนที่ถูกถามถึงค่อยตอบ ซึ่งดูจากสีหน้าท่าทางทั้งเดวิดกับอลินดาถูกใจเธอมากทีเดียว ก่อนที่บรรยากาศรอบๆ จะเปลี่ยนไปเมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาที่ทั้งคู่ต้องการคำตอบ
“ใจเย็นๆ ค่ะคุณ” อลินดาสะกิดสามีที่กว่าจะรู้ตัวก็ดันปล่อยรัศมีความกดดันออกไปไม่รู้เท่าไรแล้ว
“ขอโทษด้วย” เดวิดพูดกับทุกคนบนโต๊ะพลางกระแอมเบาๆ จากนั้นก็ปรับเปลี่ยนทุกอย่างให้ดูเป็นกันเองมากที่สุด
“แล้วสรุป...พวกนายคิดว่ายังไง?” เอเดรียนเหลือบตามองกาญจนา แล้วตอบตามตรง
“ฉันกับกาญคุยกันแล้ว พวกเราโอเค แต่ก็ไม่อยากบังคับจิตใจลูก เลยจะให้อัยย์ญ่าเป็นคนตอบเอง”
ทั้งที่เตรียมตัวเตรียมใจมาแล้ว แต่อัยย์ญาดากลับรู้สึกว่าอยู่ๆ ก็เหมือนโดนโยนมันร้อนมาใส่ซะงั้น! ความลำบากใจพลันตีตื้นขึ้นมาทันที
“แล้วหนูอัยย์ญ่าคิดว่ายังไงจ๊ะ?” อลินดาหันมาถามอีกฝ่าย
“หนู...ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?” อัยย์ญาดารวบรวมความกล้ากล่าวออกไป
“จ้ะ”
“ทำไม...พวกคุณถึงเลือกหนูเหรอคะ?”
“เพราะหนูเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมและก็เป็นลูกสาวเพื่อนไงจ๊ะ” อลินดาตอบ ก่อนจะเอ่ยตามตรง
“ปีนี้ เจ้าอชิก็อายุใกล้เข้าเลขสามเพิ่มแล้ว ป้าก็อยากให้มีผู้หญิงดีๆ อยู่ข้างเข้าสักคน คอยเป็นคู่คิดในการก้าวเดินไปตามทางชีวิตในอนาคต”
โอ้ ช่างเป็นอุดมการณ์ที่น่านับถือ แต่ป้าถามลูกชายหรือยังคะ... อัยย์ญาดาได้แต่คิดในใจ จากนั้นก็ถามตามตรง
“แล้ว...มีอะไรเกี่ยวกับคุณอชิที่หนูควรรู้ไหมคะ?”
พวกโปรไฟล์หล่อรวย มีธุรกิจนั่นนี่ หาดูเอาในโซเชียลก็ได้ แต่หญิงสาวรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในกอไผ่เป็นแน่แท้
“ป้าถึงได้บอกว่าหนูเป็นคนที่ฉลาดและเหมาะสม” อลินดายิ้มพลางถอนหายใจ แล้วตอบคำถาม
“ป้าบอกหนูตรงๆ เลยละกัน ตอนนี้อชิค่อนข้างจะเจ้าชู้จ้ะ ชอบควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า...ป้าก็ไม่รู้จะพูดกับเขายังไงให้หยุด เลยต้องใช้วิธีนี้”
เวร... อัยย์ญาดาพลันเข้าใจอากัปกิริยาของกาญจนาในตอนนั้นทันที
“แต่ป้าให้สิทธิ์หนูกำราบเขาได้เต็มที่เลยนะจ๊ะ และป้าก็กล้ารับประกันว่าถ้าแต่งกันไปแล้ว ป้าจะจัดการไม่ให้มีผู้หญิงหน้าไหนเข้ามายุ่งกับชีวิตคู่ แต่ป้าคิดว่าสวยๆ และน่ารักแบบหนู ดีไม่ดีแค่ได้เจอหน้ากันครั้งแรก อชิก็น่าจะตกหลุมรักหนูแล้ว” อลินดาเอ่ยแล้วคว้ามือหญิงสาวมากุมไว้อย่างนุ่มนวลแต่ความรู้สึกกดดันที่แผ่มาด้วยทำให้อัยย์ญาดารู้สึกว่าเป็นคำถามที่ไม่ได้เปิดช่องให้เธอปฏิเสธสักนิด ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือดีใจกับประโยคที่ได้ยินดี
“ที่สำคัญ ป้ายังยืนยันคำเดิม พวกเราอยากให้หนูมาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเฟรดเดอริก” อลินดากล่าวชัดถ้อยชัดคำ
นี่สิการคลุมถุงชนของจริง... บางทีก็ไม่ใคร่เข้าใจความคิดความอ่านของคนที่มีอำนาจระดับนี้สักเท่าไร
ฝ่ายเอเดรียนกับกาญจนาก็ส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้ลูกสาว พวกเขาเชื่อว่าอัยย์ญาดาสามารถรับมือได้
“ใจเย็นๆ” คราวนี้เป็นตัวของเดวิดที่สะกิดภรรยาบ้าง อลินดาจึงยอมลดไอความกดดันลง
“โทษทีจ้ะ”
สุดท้าย อัยย์ญาดาจึงตัดสินใจทำใจดีสู้เสือตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มนุ่มนวล
“ยังไง หนูขอพูดคุยกับคุณอชิระก่อน แล้วค่อยให้คำตอบอีกทีได้ไหมคะ?”
“ได้เลยจ้ะ งั้นเดี๋ยวป้าจะนัดวันให้พวกหนูได้เจอกันนะ” อลินดาพูดด้วยสีหน้าพึงพอใจ
“ค่ะ” เธอตอบพร้อมกับยิ้มให้อีกฝ่าย ถ้าเขาเป็นพวกผู้ชายเจ้าชู้ เขาก็ไม่มีทางจะปล่อยให้ตัวเองถูกจำกัดอิสรภาพอยู่แล้ว และในฐานะที่เขาเป็นลูกชายของเดวิดกับอลินดา เขาก็พูดกับพ่อแม่ตัวเอง ส่วนเธอจะทำแค่นั่งทำตาปริบๆ อาจจะร้องไห้เช็ดน้ำตาพอเป็นพิธีในตอนที่ข้อตกลงโดนยกเลิกละกัน...
