บท
ตั้งค่า

3 แรกพบ [สามีปีจอ]

3

แรกพบ

“แน่ะยัยอัยย์ เล่นตัวอีกแล้ว!” กิรณาที่ฟื้นขึ้นมาหลังรถออกตัวกล่าว โดยวรรณฤดีได้ให้ไปส่งกิรณาก่อน ตามด้วยอัยย์ญาดา

“แกยังไม่ชินอีกเหรอทับทิม?”

“ก็รู้ แต่คนนี้งานดีมาก ดีกว่าของคนที่ผ่านๆ มา” คู่สนทนากล่าวด้วยแววตาเป็นประกาย

“คุณชายเยี่ยจ้าวหมิงไง” วรรณฤดีเฉลย เธอที่มีดีกรีเป็นถึงคุณหนู ดาวคณะและนางแบบ มีเหรอจะจำชายหนุ่มทรงอิทธิพลคนนี้ไม่ได้ แต่เขาคงจำเธอไม่ได้หรอก

“อ๋อ ฉันก็เคยได้ยินชื่อผ่านหูอยู่” อัยย์ญาดาเอ่ยเสียงเรียบ

“ฉันว่านะ คนที่คุณชายสนใจจริงๆ น่าจะเป็นอัยย์ญ่ามากกว่า” กิรณาออกความเห็น

“จริง แล้วอยู่ๆ แกก็ไปบังคับให้เขามาชนกับพวกฉัน”

“เขาก็ชนและขอคอนแทกต์พวกเธอไปนี่นา” ก่อนที่อัยย์ญาดาจะพูดต่อด้วยความเป็นห่วง

“ถ้าจะคุย อย่าเพิ่งคิดไปจริงจังอะไรขนาดนั้นล่ะ แล้วก็ไปตกลงกันเรื่องคิวดีๆ ฉันไม่อยากเห็นเพื่อนต้องมาทะเลาะกันเพราะผู้ชาย” ภายใต้ท่าทางเป็นมิตรของผู้ชายคนนั้น จะมีความแพรวพราวอะไรซ่อนอยู่บ้างก็ไม่รู้ และไม่เคยคิดว่าจะได้มาพบรักในสถานที่แบบนี้ด้วย

“ค่าคุณแม่” สองสาวหันมาประสานเสียงตอบอัยย์ญาดา

“นี่ๆ แล้วทำไมเธอไม่เอาเขาไปเป็นไม้กันหมาจากคุณอชิอะไรนั่นล่ะ??” กิรณาออกความเห็นอย่างเพิ่งนึกขึ้นมาได้

“ฉันยังไม่รู้จักเขาดี กลัวทุกอย่างจะวุ่นวายมากกว่าเดิม” อัยย์ญาดาตอบ

ครั้นจะให้เธอไปจ้างใครมาเป็นแฟนปลอมๆ แน่นอนว่าต้องถูกคนระดับคุณป้าอลินดาหาทางจับโป๊ะได้แหงๆ

“ที่อัยย์ญ่าพูดก็มีเหตุผล” วรรณฤดีเอ่ยอย่างเห็นด้วยแล้วให้กำลังใจพร้อมกับยกมือแตะไหล่

“ก็เอาเป็นว่าสู้ๆ กับการเจอหน้าว่าที่คู่หมั้นนะคะเพื่อนสาว”

“ขอบคุณค่ะ” อัยย์ญาดาพูดพร้อมกับยิ้มรับ...

--------------------------

“สวัสดีค่ะ” อัยย์ญาดาในชุดแขนตุ๊กตาเอ่ยพร้อมกับยกมือไหว้ชายหนุ่มหลังเขาทักทายเอเดรียนกับกาญจนา

ทว่าวินาทีที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นอชิระ เธอก็ชะงักเพราะจำได้ว่าเขาคือผู้ชายคนเดียวกับที่ไปยืนให้ยัยผู้หญิงผมดัดที่มีเรื่องกับเธอซบที่สนามบินในวันนั้น แถมถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเพื่อนจ้าวหมิง ผู้ชายที่เจอที่คลับด้วย แต่เลือกที่จะไม่พูดออกไป ขณะที่เริ่มหนักใจกับคำว่าที่ ที่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรนักหนา

“ก็ตามสบายกันนะจ๊ะทั้งสองคน อชิ คุยกับน้องเขาดีๆ นะ แล้วก็อย่าลืมไปส่งน้องเขาด้วย” อลินดาผู้เป็นตัวตั้งตัวตีเอ่ยพลางยิ้มกว้าง

“ครับ” พอได้ยินลูกชายคนรองรับคำ เธอก็แยกตัวออกไปกับสามี และพ่อแม่ของอัยย์ญาดา

“เรามาเริ่มคุยกันอย่างตรงไปตรงมาดีมั้ยครับ คุณ...อั๊ยย่ะ...” อชิระกล่าวพลางใช้มือข้างหนึ่งค้ำโต๊ะ

“ชื่อฉันอ่านว่าอัยย์ญ่าค่ะ” อัยย์ญาดานั่งลงด้วยท่าทางสบายๆ พยายามไม่ถือสา พลันอชิระก็เปลี่ยนสรรพนามทันที

“เนี่ยเหรอผู้หญิงที่คุณแม่บอกว่าเรียบร้อยและอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้?”

“คุณกำลังจะพูดอะไรคะ?” อัยย์ญาดาถามพร้อมกับเก็บความไม่พอใจที่เริ่มปะทุขึ้นมาไว้

“หรือจะให้ฉันเรียกเธอว่าดาล่ะ” พอเห็นอัยย์ญาดาชะงัก เขาก็เอ่ยอย่างรู้ทัน

“ชื่อนี้มาจากชื่อจริงสินะ”

ก่อนจะกล่าวแทรกพร้อมกับยิ้มเยาะโดยไม่รอให้เธอตอบอะไร

“วันก่อนฉันยังเห็นเธอไปเต้นเย้วๆ เล่นหูเล่นตากับผู้ชายในคลับของฉันอยู่เลย แถมให้ท่าเพื่อนฉันด้วย”

“คุณอชิ เราเพิ่งเคยเจอหน้าและพูดคุยกัน จะพูดอะไรก็ช่วยมีมารยาทและรู้จักให้เกียรติคนอื่นนิดนึงนะคะ”

อัยย์ญาดาที่ยังคงมีสีหน้านิ่งสงบตักพานาคอตต้าที่อลินดาเหมาร้านและให้คนจัดเตรียมไว้เป็นของว่างระหว่างพูดคุยเข้าปาก

“แล้วก็ฉันไม่เคยไปยั่วยวนให้ท่าใครก่อนนะคะ กรุณาอย่ามาใส่ความ”

หญิงสาวยอมรับว่าตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆ ก็เห็นท่าทางเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าของเขา แต่ไม่ใช่เธอจะรับมือไม่ได้ มีคุณลุงเดวิดกับคุณป้าอลินดาอยู่ เธอไม่จำเป็นต้องกลัวเขา

“ถ้าวันนั้นคนที่มองอยู่คือคุณ คุณก็น่าจะเห็นแหละ มีสตินิดหนึ่งเนอะ ไม่ใช่สักแต่จะพาลเป็นหมาบ้า”

“เธอว่าใครเป็นหมาบ้า!?” อชิระเอ่ยอย่างไม่พอใจ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าพูดแบบนี้กับเขามาก่อน

“คนที่พาลค่ะ ถ้าไม่ได้พาลก็อย่าร้อนตัว” อัยย์ญาดากล่าวใส่คนที่ยืนหน้าตึง แล้วพูดต่อ

“อีกอย่างถ้านั่นคือคลับของคุณ และคุณใช้คำว่าเต้นเย้วๆ เท่ากับคุณกำลังลดเกรดธุรกิจของตัวเองนะคะ”

จากนั้นก็หยิบพุดดิ้งไข่มากินต่อ ไม่วายที่จะพูดชวน

“อร่อยดีนะคะ คุณลองกินดูสิ หรือถ้าเมื่อย จะนั่งลงก็ได้”

อชิระที่หงุดหงิดจนแทบเสียการควบคุมจึงเลื่อนเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลงพร้อมกับแค่นเสียงใส่ อัยย์ญาดารีบกล่าวต่ออย่างไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไร

“แล้วก็...สิ่งที่คุณควรรู้ไว้นะคะคุณอชิ ฉันไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนเรียบร้อยและไม่ใช่ด้วยค่ะ แต่ฉันก็รู้กาลเทศะว่าตอนไหนควรทำอะไรหรือไม่ควรทำอะไร”

“อ๋อเหรอ?”

“ค่ะ ไม่เหมือนคุณที่กล้าทิ้งนัดสำคัญไปขลุกอยู่กับผู้หญิงที่คุณไปรับที่สนามบิน!”

อัยย์ญาดาพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ แล้วให้ความสนใจกับพุดดิ้งต่อ ตอนแรกเธอว่าจะไม่พูดแล้วนะ แต่เขาเริ่มก่อน

“เธอนี่เองที่ทำสายรองเท้าคนอื่นขาดแล้วเอาเงินร้อยบาทฟาดหัว” อชิระพลันจำสิ่งที่วิกกี้ นางแบบสาวหนึ่งในคู่ควงเล่าให้ฟังได้ทันที

“เหอะ!” อัยย์ญาดายิ้มมุมปากแล้วพูดต่อ

“พอมาคิดอีกที ร้อยบาทฉันว่ายังมากไปด้วยซ้ำ”

“หรือว่าคุณอชิระ เฟรดเดอริกไม่มีปัญญาซื้อรองเท้าคู่ใหม่ให้ผู้หญิงของตัวเองล่ะคะ!?”

“นี่เธอ!” อชิระขึ้นเสียง คนที่เขาควงมาเป็นเดือนๆ เขายังไม่เคยเรียกว่าเป็นคนของเขาเลย

“อีกอย่างนะคะ เรื่องทุกอย่างมันเกิดเพราะคนของคุณนั่นแหละเริ่มก่อน เธอคงไม่ได้เล่าให้คุณฟังสินะคะว่าเธอเดินมาสะดุดกระเป๋าเดินทางของฉันเอง แถมยังต่อว่าฉันด้วย!”

“อ้อ” อชิระพยักหน้ารับรู้ แล้วถามพลางหรี่ตา

“แล้วฉันจะเชื่อได้ยังไงว่าเธอพูดจริง?”

“นั่นสินะคะ ฉันดันไม่ใช่ผู้หญิงของคุณ แถมพูดจาไม่เข้าหูไปตั้งหลายคำ” อัยย์ญาดาถอนหายใจขณะพูดต่อ

“ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าหล่อนเป็นใคร แต่ฉันคือคุณหนูอัยย์ญาดา เบอร์เบิร์น วิรยาพิลาศนะคะ ฉันจะได้อะไรจากการไปหาเรื่องคนของคุณล่ะคะ? แถมเสียเงินอีก”

เขาพอมองนิสัยวิกกี้ออกอยู่หรอก แต่นางแบบขี้วีนสุดอึ๋มนั่นไม่เคยมาทำกิริยาแบบนั้นใส่เขานี่ ส่วนเหตุผลของหญิงสาวตรงหน้าก็ถูก

“จะว่าไป...คุณยังไม่ได้ขอโทษที่ดูถูกฉันเลยนะคะ” อัยย์ญาดาเอ่ยหลังจากเห็นอชิระเงียบ

“ขอโทษ” เขาพูดอย่างไม่เต็มใจนัก แต่จะเอาอะไรมาแย้งได้ล่ะ

“แล้วก็เรื่องที่คุณโกหกวันที่พ่อแม่คุณนัดกินข้าวเย็นกับพ่อแม่ฉันด้วยค่ะ”

“อันนั้นฉันไม่ได้ทำผิดต่อเธอนี่” อชิระพูดพร้อมกับยักคิ้วขณะหยิบเค้กช็อกโกแลตมากินหลังจากใจเย็นลง

ถ้าไม่ได้คิดไปเองก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณแม่ถึงคิดจะเอายัยผู้หญิงพิลึกคนนี้มาเป็นสะใภ้ จะได้ช่วยกำกับเขาแทนยังไงล่ะ!

“แล้วแต่ความละอายใจของคุณละกัน” อัยย์ญาดาเอ่ยเสียงเรียบ คู่สนทนาพลันหงุดหงิดแต่ยังคงตีหน้าเรียบเฉย

“แล้วยังไงต่อ?” สักพักอชิระก็ถามขึ้นมา

“คะ?” อัยย์ญาดารับคำด้วยความสงสัย

“ฉันถามว่าแล้วเธอจะเอายังไงกับเรื่องของเรา?”

นั่นสินะ ถ้าเธอได้เจอเขาในฐานะคุณอชิที่ไม่ได้เจอกันมานาน เธออาจจะพอหาข้อดีมาพูดเข้าข้างให้ยอมแต่งงานกับเขาได้ แต่คุณอชิในตอนนี้ที่ทำเฟิร์ส อิมเพรสชั่นติดลบ ตัวเธอที่เดิมทีก็ไม่ได้ใจเต้นแรงให้กับคนหล่อรวย ก็ยิ่งหาข้อดีอะไรมาหักลบกลบล้างไม่ได้

แถมเพิ่งเจอหน้ากันจังๆ ไม่ถึงวันก็ซัดคำพูดไม่น่าฟังใส่กันไปตั้งเยอะ ถ้าได้ร่วมหอลงโรงกันจริงๆ ไม่ใช่ว่าจะทะเลาะกันทุกวันจนตายไปข้างหนึ่งเลยเหรอ

“ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด นอกจากขอให้คุณไปบอกพ่อแม่ของคุณว่าขอยกเลิกการหมั้นกับการแต่งงานของเรา” อัยย์ญาดากล่าวหลังจากนั่งเรียบเรียงคำพูด พอเห็นเขายังนิ่งเลยแกล้งถามออกไป

“ทำไม? หรือว่าคุณอยากแต่งงานกับฉัน?”

“ไม่!” อชิระตอบกลับทันควัน

“งั้นคุณก็บอกพ่อแม่คุณไปสิ”

“คุณรู้จักพ่อแม่ผมน้อยไปแล้ว”

“เพราะฉันรู้จักน่ะสิ ฉันถึงคิดจะมาขอความร่วมมือจากคุณไง ไหนๆ ก่อนหน้านั้นก็มีเรื่องมาให้ไม่ถูกกันอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างงั้นเราก็ไม่ควรพยายามเอาชนะกันด้วยการฝืนอยู่ด้วยกันหรือเปล่า!?” แค่คิดภาพชีวิตคู่สุดฝืดเฝื่อนที่เต็มไปด้วยการพยายามเอาชนะ เธอก็รำคาญขึ้นมาแล้ว

“เหอะ...ถ้ากล้าขัดคำสั่ง ลูกชายก็ลูกชายเถอะ แบล็กลิสต์หมดไม่เว้น” อชิระเอ่ยด้วยความกลุ้มใจ เช่นเดียวกับอัยย์ญาดาที่ผิดหวังเพราะคนที่คิดว่าจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย สุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรจากเธอ

“ฉันว่าฉันคิดอะไรดีๆ ออกแล้วล่ะ” เธอกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อยหลัง วินาทีนั้นอชิระพลันรู้สึกได้ถึงแสงแห่งความหวังในชีวิตที่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน และไม่รอช้าเตรียมตั้งใจฟังแผนการจากผู้หญิงที่เขาทั้งแปลกใจ ชื่นชมและไม่ชอบเธอในเวลาเดียวกัน ที่แน่ๆ ก็เพราะเธอทำให้อารมณ์ของเขาแปรปรวนแบบนี้นี่แหละ!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel