Chapter 4 เจ้าสาวร้างหอ
Chapter 4 เจ้าสาวร้างหอ
เจ้าสาวร้างหออย่างตะวันวาดถูกนำมาวางให้นอนอยู่บนเตียง ในเพนต์เฮาส์สุดหรูกลางกรุง เปลือกตาเคลือบสีมุกยังปิดสนิท หากสิ่งที่บ่งบอกว่าเธอเป็นเจ้าสาวในยามค่ำคืนที่ผ่านมาคงจะเป็นชุดแต่งงานที่ถูกถอดวางกองอยู่ตรงปลายเตียง ซึ่งลักษณะการวางทำให้รับรู้ได้ว่าคนถอดไม่ได้ไยดีมันนัก นอกจากนี้ยังมีทรงผมที่ม้วนปอยหลวมๆ ประดับเม็ดมุกที่คนนั่งมองแกะออกให้เธอไม่ได้
พชร อดีตคนรักเก่าของเจ้าสาว หรือ แพทริก เรย์ดอน หนุ่มวัยสามสิบสี่ปี ลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ชื่อดังก้องโลกและเจ้าของธุรกิจโรงแรมที่กำลังขยายสาขามายังโซนเอเชีย
เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว พาร์คเนอร์ เรย์ดอน เปิดแถลงข่าวออกสื่อของอเมริกาว่าเขามีลูกชาย ซึ่งชายหนุ่มรูปงามที่หน้าเป็นเอเชียแท้สร้างความคลางแคลงให้กับทุกวงสังคม แต่กลับไม่มีใครสักคนตามสืบจนรู้ปูมหลังของหนุ่มคนนี้ได้เลย นั่นเพราะอำนาจแห่งเงินตรา คนภายนอกจึงรับรู้แค่เพียงว่าแพทริกคือลูกชายที่เกิดกับภรรยาคนไทยของพาร์คเนอร์ตามที่ประกาศไปเท่านั้น
แพทริกทดสอบฝีมือด้วยการรับตำแหน่งรองประธานกุมการบริหารในภาคพื้นเอเชียทั้งหมดแทนบิดา เพื่อพิสูจน์ตัวเองกับบอร์ดบริหารก่อนที่จะก้าว
ขึ้นรับตำแหน่งแทนบิดาบุญธรรมในอีกไม่นาน
งานหนักจนเขาแทบไม่มีเวลา แต่นั่นกลับไม่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับแพทริกเท่ากับหญิงสาวสวยลูกสาวมหาเศรษฐีค่อนโลกแวะเวียนมาเป็นตัวเลือกให้เขาไม่ขาด แล้วยังมีน้องสาวบุญธรรมที่บิดาเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กอีกคนที่เสนอตัว
แม้จะผ่านผู้หญิงมาเกือบทุกประเทศค่อนโลกที่เขาเดินทางไปติดต่อธุรกิจ แต่หัวใจของเขากลับยึดตราตรึงเพียงหญิงเดียวในใจตลอดมา...ตะวันวาด
เครื่องปรับอากาศในห้องทำงานได้ดีเกินคาด แต่ก็ไม่อาจลดความร้อนรุ่มในใจของเขาไปได้สักนิด ตอนนี้เขาอยากกระชากคนแพศยามาหักคอทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด สายตาคมสีนิลอย่างหนุ่มเอเชียที่ทอดมองคนบนเตียงด้วยความปวดร้าวแฝงรอยแค้นแน่นล้นอก ความรู้สึกรักและหวงแหนแต่หนหลังแปรเปลี่ยนเป็นขยะแขยงน่ารังเกียจ
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึกและพ่นออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า บรั่นดีในมือถูกกระดกขึ้นพรวดเดียวจนหมด มือหนาบีบแก้วแทบแหลกคามือ คิ้วหนาขมวดมุ่น กรามขบกันจนเป็นสันนูน เพราะเขาไม่สามารถลืมเลือนสิ่งที่เธอตอบแทนคำมั่นสัญญาของเขาได้ ภาพในอดีตตลอดช่วงระยะเวลาสิบปีที่เขาได้รับจากพลเมืองดีผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ
ภาพของหญิงสาวที่สวมชุดวาบหวิวสั้นเต่อในผับ ท่ามกลางกลุ่มผู้ชายนับสิบที่กำลังนัวเนียอยู่ไม่ห่างเรียกความรู้สึกปวดร้าวให้ก่อเกิดในแววตาทุกครั้งที่ได้เห็น จากผู้หญิงเรียบร้อยแสนหวานที่เขารักสุดหัวใจ เพียงหนึ่งปีที่เขาจากไปเธอก็เปลี่ยนไปมากจนเขาไม่อยากเชื่อ
หากแต่สิ่งที่ช่วยยืนยันให้หัวใจเขาโน้มเอียงและปักใจเชื่อก็คือ...เธอเปลี่ยนอีเมลและไม่ตอบกลับข้อความของเขาสักครั้งหลังหนึ่งปีที่จากไป จากนั้นเธอก็เริ่มเปลี่ยนแปลง และภาพแบบนี้ก็มีคนส่งมาให้เขาเป็นระยะนับสิบปี คงไม่มีเหตุผลอื่นใดมากไปกว่าคำว่าทรยศต่อคำมั่นสัญญา
หลายปีที่เขาจากไป หลายปีที่เขาเฝ้าติดตามข่าวสารของเธออย่างปวดร้าว หากแต่โอกาสไม่เอื้อให้เขาได้กลับมาเห็นกับตาสักครั้ง
ชายหนุ่มวางแก้วลงบนโต๊ะและขยับลุกออกจากเก้าอี้ ก่อนจะเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงขนาดคิงไซซ์สีขาว แพทริกก้มมองใบหน้าอันงดงามของอดีตคนรัก ความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวตรงหน้ามันมากมายหลากหลายเหลือเกิน ทั้งโกรธ ทั้งแค้น ทั้งรัก ทั้งหวง
เรียวนิ้วแข็งแรงไล้ไปตามริมฝีปากบางแผ่วเบาพลางนึกไปถึงงานแต่งงานชื่นมื่นของเธอที่ผ่านมาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ถ้าเขากลับมาไม่ทัน...เธอก็คงจะเป็นของคนอื่นไปแล้ว
สิ่งที่เธอทำครั้งนี้มันรุนแรงเกินเขาจะรับไหว เธอกล้าแต่งงานกับผู้ชายอื่นทั้งที่มีเขาอยู่ทั้งคน ต่อไปนี้ไม่ว่าผู้ชายหน้าไหนก็อย่าหวังว่าจะเข้าใกล้เธอได้อีก และเธอก็ต้องตอบแทนความเจ็บปวดของเขาให้สาสม!
เปลือกตาหนักอึ้งของหญิงสาวค่อยๆ ปรือขึ้น แม้เลือนรางตาพร่ามัวเพราะในตัวยังเหลือฤทธิ์ยาสลบ ทว่าใบหน้าของคนนั่งข้างเตียงก็ยังฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้น พยายามเพ่งมองฝ่าความพร่ามัวของม่านตาจ้องเจ้าของใบหน้าคมตรงหน้า และเมื่อเห็นชัดเต็มสองตา รอยยิ้มแห่งความยินดีก็ผุดขึ้นบนดวงหน้าเนียน เธอไม่ได้ฝันไป เขากลับมาแล้ว...กลับมาอยู่ตรงหน้าเธออีกครั้งหลังจากเฝ้าคอยมาสิบปี
“พีท” หญิงสาวเพ้อเสียงเบาหวิว รีบผวาตัวลงจากเตียงมาหาเขาทั้งที่ศีรษะยังหนักอึ้งจึงโงนเงนแทบจะทรงตัวให้ตรงไม่ไหว เพราะกลัวว่าความฝันของเธอกำลังจะหลุดลอยไป ทว่าสาวเท้าได้เพียงก้าวเดียวร่างบางก็ลอยหวือ
ตามเรี่ยวแรงของอีกคนที่เหวี่ยงเธอลงบนเตียงเหมือนเดิม
“เธอยังจำฉันได้อีกหรือ...ตะวันวาด!”
คนโมโหเลยจุดเดือดตวาดลั่น ล้มตัวทาบทับหญิงสาวไว้บนเตียง ถึงแม้จะตวาดแต่เสียงของเขาช่วยย้ำความดีใจในแววตาของหญิงสาว เธอไม่ได้ฝันไป เขากลับมาอยู่ตรงหน้าเธอจริงๆ
“คุณคือคนเดียวที่ไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำของยาหยีสักวันตลอดสิบปีที่ใจเฝ้าจดจ่อรอคุณกลับมา”
“ฮึ! จดจำ เฝ้ารอ” ชายหนุ่มเค้นเสียงถามอย่างปวดร้าว บีบแขนของหญิงสาวแน่นขึ้นจนคนถูกบีบหน้าเหยเกเพราะความเจ็บ
“ยาหยีเจ็บ”
“เธอจะปั้นหน้าใสซื่อหลอกลวงฉันไปถึงไหนตะวันวาด ฉันจะไม่มีวันเชื่อมารยาผู้หญิงแพศยาอย่างเธออีกต่อไป”
“คุณพูดเรื่องอะไร” หญิงสาวมองฝ่าความพร่าเลือนเอียงหน้าถามเขากลับไป เขาเปลี่ยนแปลงไปมากจนเธอจำแทบไม่ได้ แล้วยังคำพูดของเขาอีก เขาไม่มีอาการดีใจสักนิดที่ได้เจอเธอ
“คุณไม่ดีใจหรือ”
“เห็นแบบนี้สมควรจะดีใจงั้นหรือ...ผู้หญิงไร้หัวใจอย่างเธอจะไปรู้สึกอะไร” ยิ่งเห็นอีกคนงงงวยเขาก็ยิ่งโกรธ ความแรงที่บีบบนต้นแขนก็ยิ่งเพิ่มมาก พาให้ใบหน้าของหญิงสาวบิดเบี้ยว
“พีท...ยาหยีเจ็บ คุณดื่มมาหรือคะ” คนถูกบีบต้นแขนเอ่ยถามเมื่อได้กลิ่นลมหายใจของเขาที่โชยออกมา
“เธอไม่มีสิทธิ์เรียกชื่อนั้นอีก...พีทคนนั้นตายไปตั้งแต่ผู้หญิงอย่างเธอคบผู้ชายไม่เลือกหน้าแล้ว” ชายหนุ่มเค้นเสียงขึ้นจมูก “ไงล่ะ...ฉันไปแค่ปีเดียวเธอก็ทนเปล่าเปลี่ยวไม่ไหว ออกไปกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้า เธอเห็นฉันเป็นอะไร”
“ยาหยีไม่เคยทำอย่างที่คุณพูด ยาหยีรอคุณจนถึง...” ไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบ ไม่ทันที่เธอจะได้อธิบาย ชายหนุ่มก็ตวาดสวนกลับมาก่อน
