บท
ตั้งค่า

Chapter 2 ความทรงจำที่เมืองไทย

รองเท้ารุ่นลิมิเตดอิดิชั่นแบรนด์ดังจากมิลานพาเจ้าของเท้าเล็กก้าวเข้ามาในบ้าน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าประตูเดินตรงมาหาหญิงสาวเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง หากแต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้หลุดประโยคอะไรออกมา เสียงของคนในรั้วบ้านก็ร้องถามขึ้นมาก่อน จังหวะเดียวกันกับเจ้าของเสียงเปิดประตูออกมา

“คุณมิรา” เสียงของผักพายพี่เลี้ยงของเธอทักขึ้น

ตะกร้าที่อยู่ในมือของเธอร่วงลงกระแทกกับพื้น พร้อมกับจังหวะการเคลื่อนไหวของเจ้าของตะกร้า เจ้าของร่างป้อมวิ่งตรงเข้ามาหาคนเป็นนาย เธอโอบกอดมิราไว้ด้วยความดีใจอย่างลืมตัว

เธอคงคุ้นชินว่าเมื่อก่อนมิราติดเธอแจ จนต้องให้เธอขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยในเวลากลางคืน

หากแต่ความรู้สึกของอีกคนกลับไม่ได้รู้สึกเหมือนอย่างเดิม

“กลับมายังไงคะ” สาววัยกลางคนถามอย่างพาซื่อเพราะความดีใจเกินเหตุของเธอนั้นเอง

มิรายกมือดันร่างของหญิงวัยกลางคนออก แม้จะไม่แรงมาก แต่ก็ทำให้คนโดนผลักหน้าเสียไปนิด เธอจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพี่เลี้ยงในวัยเด็กของตัวเอง

ความรู้สึกไม่ค่อยพอใจเคลือบอยู่ใบหน้าบึ้งตึ้ง แม้ผักพายจะเป็นคนสนิทที่สุดของเธอ แต่หญิงสาวก็ไม่นิยมที่จะให้ใครโอบกอด

ผักพายหน้าเจื่อนลงอย่างรู้สึกผิด เพราะตัวเองดีใจเกินไปไม่รู้กาละ เทศะ จนตีตัวเสมอเจ้านาย เธอถอยห่างออกมา

“ขอโทษค่ะ มิราเหนื่อย” เสียงอ่อยๆ ที่ออกมาจากกลีบปากอิ่มได้รูปของเธอในเวลาต่อมา เมื่อจับสีหน้าคนฟังได้ เธอคงแสดงกิริยาไม่น่ารักออกมา

“ค่ะ” พักพายตอบรับ

มิรายิ้มมุมปากน้อยๆ อย่างพอใจ พยักพเยิดให้หญิงสาวมองกระเป๋าหลายใบเขื่องที่กองอยู่ด้านหลัง

“ช่วยจัดการของพวกนั้นทีนะคะ มิราขอตัวก่อน” หญิงสาวสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นและก้าวเข้าไปในบ้านทันที โดยไม่สนใจธุระของคนที่เดินสวนออกมาจากไหนบ้าน

หญิงสาวก้าวเดินไปบนพื้นทรายขัดหยาบสีครีมเข้มที่โรยตัวเข้าสู่ตัวบ้าน แต่อีกเพียงไม่กี่ก้าวของเธอที่จะเดินถึงตัวคฤหาสน์ ก็มีเสียงรถ หญิงสาวชะงักเท้าและหันกลับไปมอง เห็นรถตู้สีขาวคันหรูก็วิ่งผ่านเข้ามาตัวบ้าน มันเคลื่อนผ่านหน้าเธอไปอย่างช้าๆ จนสามารถมองเห็นด้านใน สายตาของหญิงสาวจับจ้องคนที่นั่งเชิดหน้าชูคออยู่ในรถตู้ที่ผ่านหน้าไปอย่างเคียดแค้นจนกระทั่งทุกอย่างผ่านหน้าเธอและเพิ่มระยะห่างออกไป

คนขับรถตู้หยุดรถที่หน้าคฤหาสน์และรีบวิ่งออกมาเปิดประตูให้คนข้างในเดินออกมา ในจังหวะที่มิราเดินไปถึงในเวลาที่ไม่ห่างกันมาก

เจ้าสัวก้าวออกมาก่อนและยื่นมือไปรับผู้หญิงที่อยู่ในรถ ประคองออกมาอย่างทะนุถนอม ส่งขึ้นจนกระทั่งพ้นบันไดสามขั้นหน้าคฤหาสน์ ไม่ได้สนใจคนที่อยู่ข้างนอกรถแม้แต่นิด หรืออาจจะยังมองไม่เห็นเธอด้วยซ้ำ คนยืนมองเบ้หน้าเหยียดริมฝีปากอย่างน้อยใจ

ใบหน้าเชิดหยิ่งของภรรยาเจ้าสัวติดตาและฝังลึกลงไปในหัวใจของหญิงสาวราวกับต้องการจารึกความริษยาเอาไว้ เธอเกลียดตั้งแต่แรกพบ ที่จริงต้องบอกว่าเกลียดตั้งแต่รู้จักชื่อก็ว่าได้ แต่พอได้เจอหน้าก็ยิ่งเกลียดมากขึ้น

หลังจากที่เจ้าสัวปราณส่งภรรยาขึ้นบ้านเรียบร้อย เขาก็หันกลับมามองหลานสาวพร้อมกับก้าวลงมาอยู่ในระดับพื้นเดียวกันกับเธอ

“กลับมาแล้วหรือมิรา” ชายสูงวัยถามด้วยเสียงราบเรียบ ไม่ได้บ่งบอกถึงอาการดีใจแต่อย่างใด

“ปู่เล็ก...” หญิงสาวเรียกชื่ออีกคนเสียงแผ่วแผ่ว น้ำตาของเธอ

พานจะไหลออกมาเสียดื้อๆ เธอเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างปู่เล็กก็เห็นรอยยิ้มมุมปากเล็กๆ ของอีกฝ่าย

น้ำตาที่พานจะรินไหลออกมาถูกกดเอาไว้ เธอพยายามข่มกลั้นความรู้สึกทั้งหมดและกลืนลงคอไปก่อน เพราะไม่อยากให้ใครได้เห็นความอ่อนแอ และหัวเราะเยาะสมน้ำหน้าเอาได้ โดยเฉพาะคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูของเธอ

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง 5 นาทีกลับยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของคนเป็นหมาหัวเน่าได้อย่างชัดเจน เมื่อเห็นอย่างนี้เธอก็ยิ่งเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ผักพายรายงานไปมีโอกาสเกิดขึ้นได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ และนั่นเป็นสิ่งที่เธอจะไม่ยอมเด็ดขาด โดยที่เธอไม่รู้ว่าทุกขอมูลที่เธอได้รับมีเบื้องหลังแอบแฝง

“ไหว้ย่าเล็กก่อนสิ” เจ้าสัวเดินกลับขึ้นไปสมทบและประคองเมียสาวที่ยืนอยู่บนพื้นเสมอตัวบ้าน ทอดสายตามองหญิงสาวที่ยืนต่ำกว่า “ย่าผิง หรือ เมขลาเป็นเมียของปู่เล็ก” เจ้าสัวแนะนำภรรยาอย่างภูมิใจ

หญิงสาวเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง เสหน้าหันไปมองทางอื่นเพื่อหลบซ่อนรอยน้ำตาที่กำลังรืนเอ่อขึ้นมาอีกรอบ ทั้งที่เธอพยายามขบกลั้นสติอารมณ์ของตัวเอง ไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น

เธอไม่สนใจที่จะทำตามที่ปู่เล็กของเธอสั่ง เหมือนเป็นอาการประท้วงที่ใครๆ ในบ้านก็รู้ดี มิราไม่เคยยอมใคร

เพราะเธอ...เป็นหลานคนเดียว เป็นทายาทคนเดียวของตระกูล อีกหนึ่งคือเธอถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ เพราะปู่เล็กของเธอต้องการชดเชยให้เด็กกำพร้าคนนี้อย่างเต็มเปี่ยม แต่ก็ไม่รู้ว่านั่นเป็นการรังแกหลานทางอ้อมอย่างสิ้นเชิง

มิรากลายเป็นเด็กมุ่งมั่นเอาแต่ใจ เชื่อมั่นในตัวเอง ถือดีและทิฐิมานะสูงเป็นที่หนึ่ง หากสิ่งไหนที่เธอเชื่อว่าถูกเธอจะต้องหาเหตุผลหักล้างทำให้คนอื่นเชื่อว่าเป็นจริงอย่างที่เธอคิด และถ้าหากสิ่งไหนที่ขัดใจเธอตั้งแต่ต้นเธอก็จะก่อกำแพงต่อต้านอย่างสุดพลังเช่นกัน

มือเล็กของเมขลาบีบข้อมือเจ้าสัวอย่างให้กำลังใจ เธอส่งยิ้มอ่อนโยนให้สามี

เจ้าสัวยิ้มน้อยๆ ตอบรับ พยักหน้าบอกให้ภรรยาเดินเข้าบ้านไปก่อนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “คุณเข้าบ้านไปก่อนนะ”

เมขลาก็ทำตามอย่างว่าง่าย หลังจากลับหลังภรรยาเจ้าสัวปราณก็เดินลงมาหาหลานสาวอีกครั้ง

“ขอปู่เล็กกอดที คิดถึงหลานมาก” เจ้าสัวยกมือกางแขนออกให้หลานสาวโผเข้ากอดเหมือนอย่างเคย แต่มิรากลับถอยห่าง เงยหน้ามองปู่เล็กของเธอด้วยแววตาว่างเปล่า

“มิราอยากรู้ว่าสิ่งที่มิรารู้มาเป็นความจริงแค่ไหน ปู่เล็กกำลังจะยกสมบัติให้คนอื่น ปู่เล็กไม่รักมิราแล้ว” หญิงสาวตัดพ้อด้วยน้ำตา

แขนของชายชราค่อยๆ ลดลงและแนบลู่ข้างลำตัว ตอบกลับหลานสาว

“พักให้หายเหนื่อยก่อนดีไหม” ชายชราบอกด้วยน้ำเสียงเนิบนาบเหมือนเดิมอย่างไม่รู้สึกทุกข์ร้อน

“ไม่” มิราตอบเสียงแข็งทันที โดยที่เจ้าสัวปราณยังไม่ทันพูดจบประโยคดี

“มิราต้องการคำตอบตอนนี้”

“อย่ามาทำตัวเป็นเด็กไร้เหตุผลนะ”

“มิราก็กำลังขอเหตุผลจากปู่” หญิงสาวสบตาเจ้าสัวนิ่งบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ชายชราพยักหน้าเบาๆ

“งั้นไปคุยกับปู่ในห้องทำงาน” เจ้าสัวยกมือข้างหนึ่งผายมือเข้าไปในตัวบ้าน บอกหลานสาวเสียงอ่อนลง ก่อนจะเดินนำหญิงสาวเข้าไป

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวบอกขอบคุณและเดินตามหลังคนเป็นปู่เข้าไปยังห้องทำงานที่เธอคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel