บท
ตั้งค่า

Chapter 1 พินัยกรรม

“ข้าพเจ้านายปราณ กนกชนากาญจน์ ขณะทำพินัยกรรมฉบับนี้มีสภาพร่างกายและจิตใจสมบูรณ์ดี ข้าพเจ้าของแบ่งทรัพย์สินของข้าพเจ้า ดังนี้ ทรัพย์สินทั้งหมดของข้าพเจ้าจะถูกแบ่งเป็นสามส่วนเท่ากัน ส่วนแรกมอบให้นางสาวมิรา กนกชนากาญจน์ทายาทโดยชอบธรรมของนายปุรา กนกชนากาญจน์พี่ชายของข้าพเจ้า ส่วนที่สองมอบให้นางเมขลา เด็กหญิงปารานินและเด็กหญิงนารานิน กนกชนากาญจน์ภรรยาและบุตรของข้าพเจ้า ส่วนที่สามมอบให้นายปถวี กนกชนากาญจน์ บุตรบุญธรรมของข้าพเจ้า ซึ่งนางสาวมิราจะมีสิทธิในกองมรดกสองส่วนหากเธอแต่งงานกับนายปถวี กนกชนากาญจน์ กรณีดังกล่าวสมบัติสองส่วนจะตกเป็นสินสมรส และเมื่อเกิดกรณีหย่าร้างไม่ว่ากรณีใดๆ ภายหลังการแต่งงานเกินสองปี นายปถวีจะไม่มีสิทธิเรียกร้องทรัพย์สินใดๆ ในกองมรดกทั้งสิ้น นอกจากที่ดินหนึ่งร้อยไร่ริมแม่น้ำ อันเป็นสมบัติที่เกิดจากเงินส่วนตัวของนายปถวีเอง”

มิราอ่านทวนข้อความในจดหมายที่ทนายความส่งมาให้ซ้ำๆ ทุกตัวอักษรผลึกตราตรึงอยู่ในหัวใจด้วยความเคียดแค้น สมบัติที่คิดว่ามันต้องเป็นของเธอทั้งหมดกลับถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คนพวกนั้นแค่ชุบมือเปิบอย่างหน้าไม่อาย

หญิงสาวเหม่อมองบนหน้าจอตรงหน้า จ้องมองเวลาของเครื่องบินที่เธอโดยสารขยับเข้าใกล้เวลาแตะพื้นเมืองไทยอย่างใจจดใจจ่อ...

ทันทีที่เครื่องบินแลนดิ้งลงแตะพื้นสนามบิน หญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ดึงสายตาจากจอกลับคืนมาสำรวจตัวเอง เธอตอบตัวเองว่าพร้อมที่เผชิญทุกปัญหา

สิบสองปีที่เธอเดินทางไปเรียนที่ต่างประเทศ เธอมีโอกาสเหยียบย่างกลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทยอีกเพียงครั้งเดียว หลังจากที่ปู่เล็กของเธอก็แต่งงานใหม่เธอก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย เพราะความโกรธและทิฐิถือดีที่อยู่ในตัวหญิงสาวทำให้เธอเลือกที่จะต่อต้านแทนการยอมรับ

หากแต่ครั้งนี้เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งยวด ทุกเหตุผลบีบบังคับให้เธอต้องกลับมาทวงคืนสิทธิของตัวเอง เธอจะไม่มีวันยอมให้ทายาทนอกไส้อย่างนายปถวีได้สมบัติที่เป็นส่วนของเธอไปได้อย่างเด็ดขาด

หญิงสาวรูดซิปเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูจากด้านในออกมา กรีดกรายปลายนิ้วลงบนหน้าจอทัชสกรีน เช็คและคำนวณ

เวลาคร่าวๆ ในการเดินทางกลับบ้าน

หญิงสาวกลับมาโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวใครทั้งสิ้นแม้กระทั่งคนในครอบครัว เธออยากรู้และอยากเห็นหน้าคนพวกนั้นใจแทบขาด หลังจากได้รับจดหมายแจ้งจากทนายความประจำตระกูลเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนเธอก็แทบอดทนรอวันไม่ไหว แต่ด้วยภาระหน้าที่การงานทำให้เธอต้องสะสางงานที่ยังคั่งค้างอยู่ให้จบลงเสียก่อน

สิ่งที่กระตุ้นให้หญิงสาวเกิดความร้อนรนในใจ คือข่าวที่พี่เลี้ยงคนสนิทในวัยเด็กแอบส่งให้เธอ เจ้าสัวกำลังหลงครอบครัวใหม่มาก สิ่งนั้นยิ่งทำให้เธอจะกลับมาเจอหน้าพวกเขา

มิราประกาศก้องกับตัวเองในใจ เธอไม่ยอมให้ปู่เล็กของเธอยกสมบัติในส่วนที่เป็นของเธอให้กับคนอื่นอย่างปถวีเด็ดขาด

ใบหน้าบึ้งตึงบอกถึงความไม่พอใจอย่างหนักหน่วง เมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่ทำให้เธอต้องรีบกลับมา หญิงสาวรอสัญญาณเตือนของเครื่องบินให้หยุดลงด้วยหัวใจร้อนรุ่ม จนกระทั่งไฟเตือนหยุดกระพริบ เครื่องจอดสนิทที่งวงเชื่อมตัวเครื่องกับสนามบิน

มิรารีบคว้ากระเป๋าที่วางอยู่บนตัก กรีดปลายเท้าเรียวก้าวออกมาจากที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสของเธอและก้าวออกไปอย่างเร็วด้วยท่าทางมุ่งมั่น แม้จะอยู่บนส้นรองเท้าสูงเกือบหกนิ้วก็ตาม

หลังจากที่พ้นออกจากเกตขาเข้าไม่ถึง 10 นาที สายตาของหญิงสาวก็เหลือบไปเห็นภาพข่าวงานเปิดตัวธุรกิจอะไรสักอย่าง สิ่งที่เห็นบ่งบอกได้ถึงความหรูหรามีระดับ เธอจะไม่ใส่ใจสักนิดหากบนจอนั้นไม่มีเจ้าสัวปราณยืนอยู่ มือเล็กของหญิงสาวกำแน่นเข้าหากันด้วยความโกรธ ริษยาผู้หญิงที่ยืนขนาบข้างเจ้าสัววัยเลยปลดเกษียณ คาดเดาด้วยสายตาผู้หญิงคนนั้นคงจะอายุไม่ต่างจากเธอมากเกินหนึ่งรอบ

หญิงสาวเบ้หน้าด้วยความไม่พอใจ

“คนนี้นะหรือเมียปู่เล็ก มีเมียเด็กอย่างนี้ก็น่าอยู่หรอกที่จะหลงหัวปักหัวปำ” หญิงสาวพูดกับตัวเองอย่างหมั่นไส้ ทิ้งหางตามองจออีกครั้งก่อนจะก้าวเดินฉับฉับออกไปจากตัวอาคาร เป้าหมายคือบริการขนส่งมวลชนที่สะดวกที่สุดของคนกรุงเทพ

“ไปคฤหาสน์กนกชนากาญจน์ สุขุมวิท21” หญิงสาวสั่งพนักงานขับรถทันทีที่เธอขึ้นไปนั่งบนรถเป็นที่เรียบร้อย ใบหน้าของเธอยังคงเชิดรั้นตึง

“ครับ” พนักงานขับรถ บอกอย่างนอบน้อมและออกรถไปอย่างนิ่มนวล

ล้อรถค่อยๆ ชะลอตัวและหยุดนิ่งอยู่หน้าอาณาจักรต้นตระกูลของเธอ หญิงสาวมองป้ายสีทองที่ติดอยู่บนประตูอัลลอยสีเงินนิ่งเกือบห้านาที กระทั่งคนขับแท็กซี่หันกลับมามองเธอและถามเบาๆ

“ใช่บ้านหลังนี้หรือเปล่าครับ”

มิราดึงสติตัวเองกลับมาอีกครั้งพยักหน้าเบาๆ เป็นคำตอบให้คนพนักงานขับรถพร้อมกับยื่นธนบัตรที่อยู่ในมือเธอส่งให้เขา

“ฉันมีแค่เงินยูโร พอดีว่าฉันแลกเป็นเงินบาทไม่ทัน คิดว่าแค่นี้คงเพียงพอกับค่าโดยสารนะ”

พนักงานขับรถก้มลงมองธนบัตรในมือหญิงสาว “มันมากเกิน

ไปครับ”

“รับไปเถอะ” หญิงสาวบอกเสียงเบา ส่งธนบัตรให้เขาก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ ในขณะที่คนขับรีบกุลีกุจอมายกกระเป๋าลงให้เธอ

ปลายเท้าเรียวบนรองเท้าส้นสูงเกือบหกนิ้วกรีดกรายลงจากรถแท็กซี่สีสดและยืนตั้งมั่นรับน้ำหนักตัวของเธอ หญิงสาวกวาดสายตามองรอบๆ คฤหาสน์ที่เป็นเหมือนดังอาณาจักรของตระกูลนิ่ง ในขณะที่แท็กซี่เคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ

ทุกสิ่งตรงหน้าเปลี่ยนไปอย่างที่เธอคาดไม่ถึง ปีกขวาของบ้านที่เป็นสระว่ายน้ำมุมโปรดปรานของเธอในวัยเด็ก บัดนี้ถูกเปลี่ยนเป็นสวนกุหลาบทั้งพื้นที่ แม้กระทั่งลานด้านปีกขวาที่เธอชอบเล่นสเก็ตตอนเย็นก็ถูกเปลี่ยนเป็นสวนหย่อมเล็กๆ รับกับสวนกุหลาบ ทุกสิ่งในอาณาจักรเปลี่ยนแปลงจนไม่เหลือเค้าเดิม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel