บท
ตั้งค่า

5.ปริศนา (ต่อ)

*** ทักทายคร้า ***

แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องสอดหน้าต่างเข้าไปในห้องนอน ร่างบอบบางที่นอนอยู่บนเตียงเกือบสองวันขยับตัว ขนตางอนงามกะพริบถี่ๆ หลายครั้งติดกันก่อนจะลืมตาขึ้นมาไปรอบๆ ห้อง สมองเริ่มลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ขิมทรายค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งแล้วก้มมองเสื้อผ้าที่สวมใส่ น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาเป็นทาง

ที่ไหนกันนะ...ดวงตากลมโตคู่งามที่แฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยมองไปรอบๆ ห้องที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม เสียงเปิดประตูดังขึ้นจากคนที่อยู่ด้านนอก ทำให้ร่างบอบบางสะดุ้ง รีบก้าวลงจากเตียง นมอุ่นก้าวเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้เธอ

“ฟื้นแล้วเหรอคะ” นมอุ่นเดินเข้ามาวางถาดอาหารลงบนโต๊ะ มองร่างบอบบางที่ยืนกอดผ้าห่มอยู่ข้างเตียงด้วยแววตาตื่นกระหนก

“ที่นี่ที่ไหนคะ แล้วใครเป็นคนพาฉันมาที่นี่”

“ที่นี่ไร่ปลายตะวันค่ะ คุณหนู เอ่อ เจ้าปลายตะวันเห็นคุณนอนสลบอยู่กลางถนนก็เลยพาคุณมาที่นี่ ว่าแต่คุณอาการเป็นยังไงบ้างคะ ยังมีไข้อยู่หรือเปล่า” เสียงอ่อนโยนที่ทอดมองมา ทำให้ขิมทรายค่อยคลายความกลัวลงไปได้บ้าง นมอุ่นเดินเข้ามากุมมือบางแล้วตบเบาๆ บนหลังมือ ก่อนจะเงยหน้ามองใบหน้านวลเนียนของหญิงสาว

“เจ้าปลายตะวันเหรอคะ” คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน แล้วเดินตามแรงดึงของนมอุ่นมานั่งลงที่ขอบเตียง

“ค่ะ คุณมาจากไหนคะ แล้วชื่ออะไร” เสียงอ่อนโยนถามออกมาอย่างห่วงใย มือเหี่ยวย่นยังคงจับมือบางเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“หนูชื่อขิมทราย ชื่อเล่นชื่อขิมค่ะ”

“ป้าชื่ออุ่นใจนะคะ เรียกนมอุ่นก็ได้ แล้วบ้านอยู่ที่ไหนคะ” เมื่อนมอุ่นเอ่ยถามถึงบ้าน ขิมทรายถึงกับนิ่งไป พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา หญิงชรามองอาการนั้นด้วยความสงสาร ก่อนจะถึงร่างบอบบางเข้ามากอดอย่างปลอบโยน

“ไม่เป็นไรนะคะ ถ้ายังไม่อยากบอกตอนนี้ก็ไม่เป็นไร” มือหนาอูมลูบหลังแผ่นหลังบางไปมา ร่างงามสั่นไหวไปด้วยแรงสะอื้นเมื่ออยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นอ่อนโยนของคนที่เธอเพิ่งเจอครั้งแรก

“ไม่ร้องนะคะคนเก่งของนม ไม่ว่าคุณขิมจะหนีอะไรมาหรือกำลังทุกข์ร้อนเรื่องอะไรมาก็ตาม ให้รู้ไว้นะคะว่าที่นี่ปลอดภัยสำหรับคุณขิมเสมอ” คำพูดจริงใจที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของนมอุ่น ยิ่งทำให้ขิมทรายกลั้นสียงสะอื้นเอาไว้แทบไม่อยู่ ฟันซี่เล็กๆ กัดเม้มริมฝีปากแน่น หยาดน้ำตาไหลทะลักออกมา นมอุ่นดันร่างบอบบางออกห่างยกมือเช็ดน้ำตาบนแก้มนวล

“มาค่ะทานข้าวกัน นมให้เด็กทำข้าวต้มหมูร้อนๆ มาให้”

“นมเป็นคนดูแลขิมมาตลอดเลยเหรอคะ เจ้าของไร่ไม่บ่นขิมแย่เหรอ” หล่อนถามพลางรับชามข้าวต้มมากินช้าๆ

“รายนั้นดูท่าทางจะเป็นห่วงคุณขิมออกนะคะ”

“ห่วงขิมน่ะเหรอคะ” นมอุ่นยิ้มเมื่อหญิงสาวหายจากอาการหวาดกลัว และเริ่มคุยกับเธออย่างเป็นกันเองมากขึ้น

“ค่ะ ก่อนออกไปไร่ก็เข้ามาดูคุณแล้วรอบหนึ่ง ยังกำชับให้นมโทรไปบอกด้วยว่าคุณฟื้นหรือยัง” ขิมทรายนั่งกินข้าวต้มไป ฟังนมอุ่นคุยเรื่องคุณหนูของเธอไปจนข้าวต้มหมดชาม

“ที่นี่ยังอยู่ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ใช่ไหมคะนม” หล่อนวางชามข้าวต้มลงบนถามแล้วรับยาหลังอาหารแล้วแบมือรับยาจากนมอุ่น

“ค่ะ แต่ก็ไกลจากตัวเมืองมากโขอยู่เหมือนกัน”

“เหรอคะ” หล่อนพูดเหมือนละเมอออกมา ใบหน้างามซีดขาว ดวงตาสุกใสเมื่อครู่หายไป มีน้ำใสๆ ปริ่มขอบตาเข้ามาแทน ทำให้นมอุ่นมองหน้าเนียนเรียบ ก่อนจะถามออกไป

“คุณขิมไม่ใช่คนเชียงใหม่ใช่ไหมคะ แล้วมาไกลขนาดนี้บอกที่บ้านหรือเปล่า” ขิมทรายส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ ก้มหน้ามองพื้นเพื่อซ่อนน้ำตา นมอุ่นดึงเธอเข้ามากอดอีกครั้งอย่างสงสาร

“ที่บ้านขิมไม่มีใครแล้วค่ะนม ทุกคนจากขิมไปหมดแล้ว” ร่างบอบบางสะอื้นไห้ นมอุ่นยกมือลูบผมนุ่มยาวสลวยเบาๆ พร้อมถ่ายทอดไออุ่นจากอ้อมกอดไปให้คนที่กำลังหลงทาง

“ถ้าปัญหามันหนักมากก็วางมันไว้นะคะ พักให้หายเหนื่อย แล้วค่อยกลับไปลุยกับมันอีกครั้งอย่างมีสติก็ยังไม่สาย”

“ขอบคุณนมมากนะคะที่ดูแลขิม ฝากขอบคุณคุณหนูของนมด้วย ขิมต้องไปแล้วเพราะกว่าจะหาที่พักได้ก็คงจะค่ำพอดี” หญิงสาวดันตัวออกจากอ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่นของนมอุ่น มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้ม แล้วก้มลงกราบที่อกอย่างขอบคุณ

“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นล่ะค่ะ ผู้หญิงตัวคนเดียวจะไปค้างอ้างแรมคนเดียวได้ยังไงกัน”

“แต่ขิมเกรงใจเจ้าของไร่ท่านน่ะค่ะ อีกอย่างขิมกลัวทำให้คนที่นี่จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย” หล่อนบอกพลางก้มมองมือตัวเองที่ประสานกันอยู่บนตัก

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ นมว่าคุณหนูต้องเต็มใจอยู่แล้ว”

“คุณนมรู้ได้ยังไงคะ”

“นมจะไม่รู้จิตใจคนที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยได้ยังไงคะ”

“ขิมกลัวว่าจะนำความเดือดร้อนมาให้นมอุ่นกับท่านน่ะสิคะ” ขิมทรายบอกด้วยแววตากังวล ในใจกลัวว่าคนที่ต้องการตัวเธอจะตามมาถึงที่นี่

“ไม่มีใครกล้าเข้ามาทำเรื่องไม่ดีที่เขตของเจ้าปราบดา ทิฆัมพร หรอกค่ะ คุณขิมไม่ต้องห่วงนะคะ” นมอุ่นเอ่ยให้เธอคลายกังวล ก่อนจะดึงร่างบอบบางเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะใกล้ได้เวลาที่หมอการันต์จะแวะมาตรวจอาการหญิงสาวแล้ว

3

เกือบสิบเอ็ดโมงเช้า ร่างบอบบางของขิมทรายในชุดกางเกงสี่ส่วนสีน้ำตาลเข้มกับเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาทำให้คนที่เพิ่งฟื้นไข้ดูสดชื่นขึ้นมา เมื่ออาการดีขึ้นหญิงสาวก็ลงมชั้นล่าง ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ ห้องนั่งเล่นที่ถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนอย่างกลมกลืน

“สวัสดีครับคนป่วย” หมอการันต์ยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง รอยยิ้มเป็นมิตรส่งมาให้หญิงสาว มือบางจับขอบบันไดไว้แน่น อย่างไม่ไว้ใจชายหนุ่ม พอดีกับนมอุ่นเดินนมเดินถือของว่างมาให้ชายหนุ่มพอดี

“อ้าวคุณขิม ลงมาแล้วเหรอคะ” นมอุ่นเดินมาจับมือหญิงสาว พาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างสูงเพรียว ท่าทางจิตใจดีของนายแพทย์หนุ่ม

“หวัดดีครับ หมอการันต์ครับ”

“สวัสดีค่ะ ขิมทรายค่ะ เรียกขิมเฉยๆ ก็ได้” รอยยิ้มหวานถูกส่งไปให้ชายหนุ่ม

“ครับคุณขิม วันนี้ดูท่าทางสดใสขึ้นแล้วนะครับ” เขาถามพลางมองหน้าหญิงสาวยิ้มๆ ผู้หญิงคนนี้สวยทีเดียวแม้ว่าเพิ่งฟื้นไข้ แต่ก็ยังคงความสวยเอาไว้ หากดวงตายังคงแฝงไปด้วยความหม่นเศร้า

“ไปนั่งกันที่ระเบียงดีกว่านะคะ เดี๋ยวนมให้เด็กเอาของว่างไปให้อีก”

“แล้วคุณหนูของนมยังไม่กลับจากไร่เหรอครับ”

“เห็นบอกจะกลับมาทานข้าวเที่ยงที่บ้านค่ะ” นมอุ่นตอบแล้วก็เดินเข้าไปในห้องครัว

“ขอบคุณคุณหมอมากนะคะที่ดูแลอย่างดี” หล่อนยิ้มตอบ แล้วเดินตามชายหนุ่มออกมานั่งที่ระเบียงด้านหน้าเรือนที่ยื่นออกไปหน้าน้ำตก สายน้ำไหลเอื่อยมาตามลำธารขนาดเล็ก รอบๆ ตัวบ้านมีกระถางดอกไม้กำลังชูช่อแข่งขันกันออกดอกพร้อมส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยฟุ้งไปทั่ว ต้นไม้นานาพันธุ์ปลูกยาวไปถึงทิวเขาเบื้องหน้าเขียวชอุ่ม มือบางจับขอบระเบียงมองออกไปอย่างตื่นตากับทิวทัศน์รอบตัวและความสดชื่นของธรรมชาติตรงหน้า

“ชอบเหรอครับ” การันต์ถามพลางยกกาแฟขึ้นหยิบ

“ค่ะ ที่ไร่ปลูกอะไรบ้างคะ”

“หลายอย่างครับ มีทั้งผลไม้เมืองหนาว ดอกไม้ แล้วก็มีโรงไวน์” ชายหนุ่มตอบพลางลอบสังเกตคนตรงหน้าอย่างพิจารณาอีกครั้ง

“ที่นี่สวยแถมอากาศดีมากเลยนะคะ” หล่อนบอกชายหนุ่มตาโต การันต์ยิ้มอย่างเอ็นดูในความเป็นธรรมชาติของหญิงสาว

“คุณขิมค่อยชมต่อหน้าเจ้าของไร่เองดีกว่าครับ โน่นครับมาพอดี” ขิมทรายมองตามสายตาของการันต์ ดวงตากลมโตมองรถฟอร์จูนเนอร์สีดำที่วิ่งมาตามถนนตรงมาจอดหน้าบ้าน หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวเมื่อจะได้เจอคนที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้

ร่างสูงใหญ่ในชุดกางเกงยีนสีซีดกับเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลเข้ม ก้าวลงจากรถอย่างมั่นคง ขิมทรายมองใบหน้าคมเข้มที่รกไปด้วยหนวดเครา เรือนผมดำเป็นมันวาว คิ้วหนาทอดมาตามดวงตาคมดุสีสนิม จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักได้รูป แขนเสื้อพับจนถึงข้อศอก เผยให้เห็นผิวสีน้ำตาลเข้มของอีกฝ่าย

ปลายตะวันเงยหน้ามองดูหญิงสาวที่เชิงบันได ดวงตาสองคู่ประสานกันนิ่งนานพอสมควร ขิมทรายหัวใจเต้นระรัวเมื่อสบตาคมทรงอำนาจของชายหนุ่ม

“หายแล้วเหรอถึงมายืนจ้องหน้ากันอยู่ที่นี่” เสียงทรงอำนาจเอ่ยออกมา ทำให้ขิมทรายตื่นจากภวังค์ ร่างสูงเดินผ่านหญิงสาวเข้าไปในบ้าน โดยไม่ได้หยุดทักทายการันต์ หมอหนุ่มแอบซ่อนยิ้มเอาไว้เมื่อเห็นสายตาไม่พอใจของเจ้าของไร่ที่มองมา

“เอ่อ...” ร่างบอบบางเดินตามชายหนุ่มเข้ามายืนกลางห้องนั่งเล่น แต่คนตัวโตก็ยังไม่สนใจวางเอกสารลงบนโต๊ะเล็ก แล้วเดินไปหานมอุ่นในห้องครัว ก่อนจะเดินกลับออกมาพร้อมกัน

“คุณขิมคะ เจ้าปลายตะวันเจ้าของไร่ปลายตะวันค่ะ” เสียงนมอุ่นแนะนำคนทั้งสองให้รู้จักกัน ปลายตะวันมองหญิงสาวด้วยใบหน้าเรียบเฉย มือใหญ่ยกขึ้นรับไหว้หญิงสาวหากสายตายังคงจ้องเธอไม่วางตา

“คุณคือเจ้าปลายตะวันเหรอคะ ฉันนึกว่า...” หญิงสาวบอกได้เท่านั้นก็หยุดพูดไปเฉยๆ เมื่อเห็นดวงตาคมดุส่งผ่านมาให้เธอ

“นึกว่าอะไร” ปลายตะวันถามเสียงห้วน

“ฉันก็นึกว่าอายุจะมากแล้วน่ะสิคะ” หล่อนบอกไม่เต็มเสียงนัก การันต์และนมอุ่นได้แต่ยืนยิ้มอย่างขำๆ หากใบหน้าคมเข้มเริ่มเคร่งเครียดขึ้นตามอารมณ์ของเจ้าของ

“เธอ...” ปลายตะวันทำเสียงฟึดฟัดที่ไม่สามารถว่าเธอแรงๆ ได้เพราะเกรงใจสายตานมอุ่น พอหันไปเห็นรอยยิ้มหมอการันต์ที่มองหญิงสาวดวงตาแพรวพราว ก็ยิ่งทำให้อารมณ์ปลายตะวันหงุดหงิดขึ้นไปอีก

“แล้วนี่มาทำไมวะไอ้หมอ”

“เอ้า ผมก็มาดูคนไข้ผมน่ะสิ” ร่างสูงเพรียวของการันต์ไหวไหล่ เดินไปนั่งที่โซฟารับแขกอย่างไม่กลัวสายตาคมเข้มของอีกฝ่าย

“เขาหายแล้วไม่เห็นเหรอ” ปลายตะวันบอกสีหน้าบึ้งตึง ก่อนจะเหลือบไปมองร่างบอบบางที่ยืนอยู่ข้างนมอุ่น

“เป็นหมอด้วยเหรอคุณน่ะ ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย พาลคนเขาไปทั่ว” ขิมทรายบอกอย่างไม่เกรงกลัวคนตัวโต ที่ปลายตามองเธอ

“นายเชื่อหรือยังว่าเขาหายแล้ว ถ้ายืนว่าฉันได้แบบนี้ คงไม่ต้องตรวจกันแล้วมั้ง รู้ว่าช่วยแล้วจะมาต่อว่ากันแบบนี้ปล่อยให้นอนตากฝนอยู่กลางถนนซะก็ดี” ปลายตะวันบ่นพึมพำ ยกมือขึ้นเท้าสะเอวอย่างหัวเสีย ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าต่อว่าเจ้าปลายตะวันแบบนี้สักครั้งเลย ให้ตายสิ ชายหนุ่มคิดอย่างหงุดหงิด

“ถ้าช่วยแล้วพูดแบบนี้ก็ไม่ต้องช่วยหรอกนะคะ ปล่อยให้ฉันตายอยู่ตรงนั้นก็ได้” หล่อนบอกเขาน้ำตาคลอ ก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไป ดวงตาคมอ่อนแสงทันทีที่เห็นน้ำตาของหญิงสาว

“ได้เรื่องจนได้นะครับเจ้า” การันต์แซวคนตรงหน้ายิ้มๆ

“คุณหนูทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ ถ้าคุณขิมไปจริงๆ คุณหนูทนได้เหรอคะ”

“ก็ไม่ได้บอกให้ไปไหนเสียหน่อยนี่ครับนม แล้วนี่ไม่มีใครอยู่ข้างผมเลยเหรอ” ปลายตะวันเอ่ยเสียงอ่อยๆ อย่างสำนึกผิด ก่อนจะเป่าลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“เจ้าต้องขอโทษคุณขิมเธอนะครับที่พูดไม่ดีกับเธอแบบนั้น” การันต์บอกพลางมองหน้าคนที่ทรุดกายลงนั่งข้างๆ

“ใช่ค่ะ ถ้าคุณหนูไม่ยอมขอโทษคุณขิม นมโกรธคุณหนูจริงๆ ด้วย”

“เอากันเข้าไป ติดใจอะไรเธอหนักหนาทั้งนายหมอทั้งนม ถึงได้เห็นเธอดีกว่าคนที่นมเลี้ยงมาครับ” ชายหนุ่มบอกน้ำเสียงแฝงไปด้วยความน้อยใจ นมอุ่นหันมาส่งค้อนให้วงใหญ่แล้วลุกไปดูโต๊ะอาหารเที่ยงที่ให้เด็กจัดสำรับเอาไว้ ก่อนจะให้เด็กมาตามสองหนุ่มไปกินข้าว

****

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel