2.แผนร้าย
*** ทักทยคร้า ***
เกือบหกโมงเย็นแสงสว่างจากหลอดไฟส่องสว่างไปทั่วลานจอดรถ ร่างบอบบางสวมสูทสีน้ำตาลของขิมทรายก็ก้าวออกจากประตูหน้าบริษัท ยามสูงอายุโค้งคำนับในเธออย่างนอบน้อม หญิงสาวหันมายิ้มทักทายอย่างคุ้นเคย
“ลูกสาวออกจากโรงพยาบาลหรือยังจ๊ะลุงแสวง” นายแสวงคนเก่าแก่ถึงกับน้ำตาคลอด้วยความตื้นตัน ที่เห็นเจ้านายเอาใจใส่ลูกน้องทุกคนเท่าเทียมกัน
“ยังเลยครับคุณหนู ขอบพระคุณครับ”
“มีอะไรให้ช่วยก็บอกฝ่ายบุคคลนะลุง ฉันไปละ” หล่อนยิ้มให้แววตาเต็มไปด้วยความเอื้ออารี ลุงแสวงมองตามแผ่นหลังบางด้วยความตื้นตัน ไม่เสียแรงที่อยู่รับใช้เจ้านายดีๆ แบบนี้มาเกือบสิบปี ใจดีและเมตตากับผู้ตกทุกข์ได้ยากมาตลอด พอหมดคุณท่านทั้งสองก็มาถึงรุ่นลูกสาวที่ถ่ายแบบความเมตตาเหมือนกันไม่มีผิด
ขิมทรายนั่งมองทิวทัศน์สองข้างทาง ผู้คนต่างเดินขวักไขว่เพื่อกลับบ้านหลังเลิกงาน ดวงตากลมสวยหลับลงอย่างเหนื่อยล้าในหัวใจ นายไกรชายสูงวัยที่ทำหน้าที่ขับรถมองลูกหนูของแกอย่างสงสาร
“คุณหนูจะไปกลับบ้านเลยไหมครับ” หญิงสาวลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะหันไปยิ้มให้
“กลับเลยจ้ะลุง ป่านนี้ป้าลำดวนคงทำกลับข้าวอร่อยๆ รอแล้วล่ะ”
“ครับ เห็นลำดวนโทรมาบอกว่าทำของโปรดของคุณหนูทั้งนั้นเลย” นายไกรเอ่ยถึงเมียคู่ทุกข์คู่ยากของแกแววตาเป็นประกาย
“ขอบคุณลุงไกรกับป้าลำดวนมากนะจ๊ะ ที่ไม่ทิ้งขิมกับพี่ช่อไปไหน” หล่อนบอกเสียงเครือ ตั้งแต่พ่อเธอเสียชีวิตไปก็มีเพียงคนเก่าแก่เท่านั้นที่คอยปลอบใจ คอยอยู่เป็นเพื่อนและดูแลเธอ
“สู้นะครับคุณหนู อีกไม่นานคุณช่อก็จะกลับมาแล้ว เธอคงไม่ใจดำทิ้งให้คุณหนูเผชิญเรื่องเลวร้ายตามลำพังหรอกครับ” หล่อนยิ้มพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าแรงๆ เพื่อเรียกกำลังที่หดหายให้กลับคืนมา หล่อนชูกำปั้นไปข้างหน้าพร้อมกับพูดออกมาว่า
“สู้ๆ ๆ” นายไกรยิ้มทั้งน้ำตา เมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสกลับมาอีกครั้ง ดวงหน้าหวานเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอย่างมีกำลังใจที่จะต่อสู้อีกครั้ง
รถของขิมทรายเลี้ยวเข้าไปในบ้าน คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นรถยนต์หลายคันจอดอยู่ที่ประตู สงสัยวัชรีคงจัดงานปาร์ตี้อีกแล้ว
“ไปหลังบ้านนะคะลุง” ลุงไกรขับรถเลยไปที่บ้านริมน้ำ ซึ่งคุณหนูของแกแยกตัวไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่ที่คุณพ่อแต่งงานใหม่
ไม่นานรถก็วิ่งเข้าไปจอดที่หน้าเรือนไม้หลังงามสีเนื้อไม้มันวาวทั้งหลัง ปลูกยื่นเข้าไปในสระบัว ป้าลำดวนเห็นร่างบอบบางของหญิงสาวก้าวลงจากรถก็รีบพาร่างเจ้าเนื้อออกไปรับทันที
“กลับมาแล้วเหรอคะ ทำไมวันนี้กลับค่ำนักล่ะคะ”
“งานยุ่งนิดหนึ่งจ้ะป้า” หล่อนยิ้มหันไปมองตึกหลังใหญ่เมื่อได้ยินเสียงเพลงแว่วมา
“คุณวัชรีจัดงานปาร์ตี้อีกแล้วค่ะ เด็กที่ตึกใหญ่วิ่งวุ่นกันทั้งวัน” ขิมทรายยิ้มน้อยๆ ก้าวเท้าขึ้นบันไดไปพื้นกระดานมันวาวเป็นเงา
“ช่างเขาเถอะค่ะป้า เขาอยากทำอะไรก็ปล่อยเขาเถอะ แค่เขาไม่มายุ่งกับเราก็พอแล้ว” ร่างบอบบางเดินไปนั่งม้านั่งยาวที่ระเบียง สายลมเอื่อยพัดพากลิ่นหอมของดอกไม้ไทยลอยมาให้ผ่อนคลายลงไปได้บ้าง ผมยาวสลวยปลิวพลิ้วไปตามแรงลม
“คุณหนูก็ใจดีอย่างนี้ทุกที เป็นคุณช่อไม่ได้ รายนั้นต้องตาต่อตาฟันต่อฟัน” ป้าลำดวนออกท่าทางรำดาบทำให้ขิมทรายพลอยหัวเราะไปด้วย
“แล้วพรุ่งนี้คุณหนูแน่ใจนะครับว่าไม่ให้ลุงไปเชียงใหม่ด้วย” ลุงไกรหิ้วกระเป๋าเอกสารไปวางบนโต๊ะเล็ก
“จ้ะ เพราะขิมไปกลับ คงไม่มีอะไรหรอก” สองสามีภรรยามองสบตากัน ในใจอดเป็นห่วงไม่ได้เพราะความโลภไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้ว
“ไม่ประมาทดีที่สุดนะคะคุณหนู เราไม่รู้ว่าคนที่เจอหน้ากันทุกๆ วันเขาเป็นยังไง” ป้าลำดวนเดินเข้ามาจับมือบางบีบเบาๆ
“ขอบคุณค่ะป้า ขิมจะระวังตัว” ขิมทรายมองหน้าป้าลำดวนแล้วยิ้มให้ก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำ สองสามีภรรยาได้แต่มองด้วยความสงสาร มีบ้านหลังใหญ่แต่ก็อยู่ไม่ได้ ทำงานหนักเพื่อให้สองแม่ลูกนั้นสบายฟ้าดินช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ
ตอนสายของวันขิมทรายในชุดกางเกงยีนสีเข้มกับเสื้อเชิ้ตสีขาวท่าทางทะมัดทะแมง ก้าวขึ้นรถตู้ที่มาจอดรอหน้าสนามบินเชียงใหม่พร้อมกับถวิลผู้จัดการแผนกจัดซื้อวัตถุดิบ เพื่อจะไปดูตัวอย่างสินค้าเกษตรที่จะป้อนเข้าโรงงาน รถแล่นออกนอกชานเมืองมุ่งไปยังจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งการจราจรในต่างจังหวัดค่อนข้างเงียบเหงา นานๆ จะมีรถสวนมาสักคัน
ทางเข้าไร่ของชาวบ้านเป็นถนนลูกรังสองข้างทางเป็นไปด้วยป่าทึบ ใบหน้าเนียนสวยนั่งมองทิวทัศน์นอกตัวรถอย่างเหม่อลอย จึงไม่ทันเห็นคนขับรถตู้แสยะยิ้มที่มุมปาก แววตาน่ากลัวมองเธอผ่านกระจกหลังและด้านหลังก็มีรถกระบะสีดำขับตามมาตั้งแต่ออกจากสนามบิน พอมาถึงทางเข้าไร่รถตู้ที่แล่นมาด้วยความเร็วปกติก็กระตุกสามสี่ครั้งแล้วจอดนิ่งอยู่กับที่ ขิมทรายชะเง้อคอมองไปยังถนนเบื้องหน้าแล้วเอ่ยถามออกมา
“รถเป็นอะไร”
“สงสัยน้ำมันจะหมดครับ” คนขับตอบอย่างไม่ร้อนใจแต่อย่างใด ถวิลเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจนักที่ต้องเสียเวลา แถมอากาศข้างนอกก็ร้อนระอุอีกด้วย
“ขับรถประสาอะไร เดินทางไกลขนาดนี้ทำไมไม่รู้จักเช็กน้ำมันให้เรียบร้อย” หน้าเหี้ยมเกรียมของคนขับหันขวับมาด้านหลัง ดวงตาใต้แว่นกันแดดอันใหญ่ลุกวาวน่ากลัว
“แล้วจะทำยังไง ฉันไม่อยากเสียเวลา นี่ก็บ่ายแล้วด้วย” ขิมทรายก้มมองนาฬิกาข้อมือ ถวิลเปิดประตูรถออกกว้าง เมื่ออากาศภายในรถเริ่มร้อนขึ้น
“ก็ต้องรอคนผ่านมาล่ะครับ” คนขับพูดอย่างไม่เดือดร้อน พลางเปิดประตูฝั่งคนขับลงจากรถ รถกระบะสีดำที่วิ่งตามมาเลี้ยวจอดข้างทาง ขิมทรายเอี้ยวตัวไปมองชายฉกรรจ์สามคนที่เปิดประตูลงจากรถ คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจเพราะหนึ่งในสามเธอรู้สึกคุ้นหน้า
“มีรถผ่านมาแล้วครับคุณขิม” ถวิลยิ้มอย่างดีใจก้าวลงจากรถ แต่ขิมทรายกลับรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของคนขับรถตู้และชายสามคนที่เดินตรงมาที่รถ
“รถเป็นอะไรเหรอน้องชาย” ทรงชัยเดินมาหยุดตรงหน้าคนขับ ก่อนจะหันไปมองขิมทรายที่นั่งอยู่ข้างใน มือบางกำกระเป๋าสะพายแน่น
“น้ำมันหมดน่ะครับพี่”
“พวกคุณมีน้ำมันไหม ถ้ามีเราขอซื้อเติมรถหน่อยสิ” นายถวิลถามพลางยกมือปาดเหงื่อที่ไหลออกมาข้างแก้ม
“ไม่มีหรอกครับ ว่าแต่คุณจะไปไหน ผมไปส่งให้เอาไหม” ทรงชัยหันไปถามขิมทราย
“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวฉันโทรให้คนที่ไร่อดิศรเอาน้ำมันมาให้ก็ได้” ขิมทรายบอกอย่างใจเย็น ทรงชัยยิ้มหยันสบตากับคนรถรถตู้
“ไม่รบกวนหรอกครับ มาครับ เราจะได้ไม่เสียเวลา” ว่าแล้วทรงชัยก็ขึ้นไปดึงขิมทรายลงจากรถ
“ว้าย! นี่พวกนายจะทำอะไร” ขิมทรายร้องออกมาอย่างตกใจสะบัดแขนให้หลุดออก เพราะรู้แล้วว่าพวกนี้ไม่ได้มาดีอย่างที่บอกเอาไว้ พวกมันหัวเราะออกมาอย่างสะใจ เมื่อทำงานสำเร็จและนึกถึงเงินที่กำลังจะเข้ากระเป๋า
“เฮ้ย! ปล่อยคุณขิมนะ” ถวิลร้องสั่ง ถลาเข้ามาหวังจะช่วยหญิงสาว หากชายร่างผอมเหมือนคนติดยายกเท้าขึ้นเตะไปที่ท้อง ทำให้ร่างท้วมของถวิลล้มลงไปกับพื้น แล้วตามไปซ้ำอีกสองสามครั้งจนสลบไป
“โอ๊ย!” ขิมทรายก้มลงกัดแขนของทรงชัยจนมันร้องลั่นด้วยความเจ็บ แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือจากแขนของเธอ มือใหญ่ของมันจึงจิกผมยาวสลวยกระชากไปข้างหลังจนหน้างามแหงนหงายขึ้น
“โอ๊ย! ปล่อยนะ พวกแกต้องการอะไร” ทรงชัยยิ้มอย่างน่ากลัวกระชากร่างบอบบางอย่างไม่ปรานี ขิมทรายหันไปมองคนขับรถหวังจะขอความช่วยเหลือ
“ขอบใจที่พาตัวเงินตัวทองมาส่งถึงที่” พอได้ยินคนที่ฉุดกระชากเธอขอบใจคนขับรถ เธอก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร
“นี่มันอะไรกันนายชัย” หล่อนสาวถามเสียงเข้ม ใบหน้าหวานซีดเผือดอย่างหวาดหวั่น
“เงินมันซื้อความซื่อสัตย์ได้เสมอคนสวย” ขิมทรายมองคนขับรถของบริษัทด้วยแววตาผิดหวัง นายชัยจึงรีบขอตัวกลับไป หญิงสาวอ้าปากค้างเมื่อรถที่คิดว่าน้ำมันหมดวิ่งออกไปต่อหน้า
“นี่มัน...”
“ฮ่าๆ ๆ ไม่ต้องตกใจคุณหนูขิมคนสวย ผมจะไปส่งให้ถึงสวรรค์เลย” ทรงชัยบอกด้วยแววตาหื่นกระหายแล้วฉุดลากเธอไปที่รถกระบะ หญิงสาวพยายามขืนตัวไว้เต็มที่ แต่ก็สู้แรงของทรงชัยไม่ได้
“ปล่อย! ปล่อย!” ขิมทรายดิ้นไม่ยอมเข้าไปในรถ
“เฮ้ย! จะกระแดะดิ้นทำไมวะ” ทรงชัยร้องด่า ขิมทรายจึงยกเข่าขึ้นทะลวงกล่องดวงใจของมันเต็มแรง มือหยาบกร้านของมันจึงคลายออกจากร่างบอบบาง ทรุดนั่งกับพื้นกุมเป้ากางเกงหน้าเขียวปัด ขิมทรายได้โอกาสจึงรีบวิ่งหนีเข้าไปในป่าทันที
“อีเวร! ขึ้นเข่ามาได้” ทรงชัยกรนด่าออกมาอย่างหยาบคาย ลูกน้องที่นั่งรออยู่ในรถรีบเปิดประตูออกมาดู
“พี่ชัยเป็นไงบ้างพี่” พวกมันหิ้วร่างชายหนุ่มลุกขึ้น
“จะเป็นยังไงวะก็เจ็บน่ะสิ เร็ว รีบตามไปจับตัวมันมาให้ได้เร็ว”
“ครับ ครับ” ลูกน้องรับคำแล้ววิ่งตามหญิงสาวเข้าไปในป่า ทรงชัยทุบกำปั้นลงบนหลังคารถอย่างระบายอารมณ์ขุ่นแค้นที่ถูกหญิงสาวทำร้าย
“ถ้าหามันไม่เจอ อย่ากลับมาให้กูเห็นหน้าเชียวนะพวกมึง” เสียงขู่ของทรงชัยไล่หลังมา
****
