ตอนที่ 8 หนูแอบดู
เช้าวันรุ่งขึ้น
ปาลิตาแต่งตัวสวยเตรียมตัวออกจากบ้านนึกขึ้นได้ว่าลืมกุญแจรถเลยเดินเข้าไปหยิบบนห้องนอน ไรวินท์ตื่นสายสีหน้าซีดเซียวเดินพาร่างโอนเอนลงมาดื่มกาแฟเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า
“ผมขอกาแฟเข้ม ๆ สักแก้ว” เสียงทุ้มอ่อนแรงใต้ตาบวมคล้ำคล้ายอดหลับอดนอน ป้าติ่งรีบเข้าไปชงกาแฟนำมาเสิร์ฟไรวินท์ที่นั่งอยู่เคาน์เตอร์บาร์สีดำ
“ฝันร้ายอีกหรือคะ” ป้าติ่งแค่เห็นอาการก็พอรู้เลยเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
“ครับ”
“คงต้องอยู่ห่างญาติ เจอทีไรอาการกำเริบทุกที”
“ผมพยายามห่างแต่คุณปู่ชอบลากผมไปลงเหว” เสียงทุ้มอ่อนแรงหมดพลังยกแก้วดื่มกาแฟรสเข้ม
“ท่านคงคิดว่ารักษาหายแล้ว คุณหนูต้องบอกท่านนะคะ” ป้าติ่งลองเสนอหากท่านวิชัยรู้ว่าหลายชายยังป่วยจะได้ไม่บังคับให้ไปเจอบรรยากาศเดิม ๆ ที่ทำให้อาการกำเริบ
“ไม่เป็นไรครับผมไม่อยากให้ใครรู้”
“ใครคนนั้นคือคุณปู่นะคะ”
“ถ้าปู่รู้ผมต้องพบจิตแพทย์รื้อฟื้นเรื่องนั้น ป้าคิดว่าผมจะขึ้นเหรอไม่เลยมันทรมานกว่าเดิม ความทรงจำของจิตใต้สำนึกมันชัดจนผมกลัว.....” สายตาคมวูบไหวน้ำเสียงสั่นเครือสีหน้าของเขาเศร้าหมองจนปาลิตาที่ยืนแอบดูเขาอยู่ไกล ๆ มองเห็นว่าเศร้ามากแค่ไหน
“......คุณหนู” ป้าติ่งเสียงสั่นสงสารจับใจ
“เดี๋ยวก็ดีขึ้น ผมแค่อยากพัก” ไรวินท์ลุกยืนจากเก้าอี้สูงไม่ชอบสายตาที่ดูเหมือนสงสารเขาไม่อยากน่าสมเพชไปมากกว่านี้ ร่างหนาเดินห่อเหี่ยวไปทางบันได ปาลิตาแอบมองเขาจากมุมบ้านของเธอ แม้เขาไม่เคยสนใจก็อดห่วงเขาไม่ได้อะไรกันที่ทำให้สามีผู้เคร่งขรึมไม่แคร์ใครแสดงอาการหมดเรี่ยวแรงเศร้าหมองได้
ร้านเพชรในห้างสรรพสินค้า
ปาลิตานั่งเหม่อลอยอยู่หน้าตู้กระจกเครื่องเพชรที่สว่างแวววาวเล่นแสงไฟ ปาจารีคล้องกระเป๋าใบหรูเดินสง่าเข้ามาภายในร้าน พนักงานยกมือไหว้ตลอดทางที่เธอเดินเข้าจนมาถึงลูกสาวที่นั่งนิ่งไม่รู้ตัว
“ยายหนู คิดอะไรอยู่ลูก”ปาจารีขมวดคิ้วโบกมือผ่านหน้าลูกสาวไปมา ปาลิตาสะดุ้งหน้าตาเหลอหลา
“แม่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“นี่ไม่เห็นแม่เดินเข้าร้านมาจริง ๆ เหรอ”ปาจารีหันไปมองทางที่เธอเดินมาจากหน้าร้านมาตรงมาจุดนี้เป็นไปไม่ได้ที่ลูกไม่เห็น
“ค่ะ พอดีมีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”ปาลิตายิ้มเจื่อนไม่ค่อยสู้ดี
“มีอะไรปรึกษาแม่ได้นะ”แม่แปลกใจนั่งลงบนเก้าอี้หน้าตู้เครื่องเพชรตรงข้ามลูกสาว
“แม่ก็รู้ว่าพี่วินมาดขรึมไม่ค่อยหลุดคาแรคเตอร์ นาน ๆ ทีพี่วินก็ดูเศร้าแต่ไม่ให้ใครเห็น”
“ไม่ให้ใครเห็นแล้วลูกเห็นได้ยังไงว่าพี่เขาเศร้า”
“หนูแอบดูค่ะ”
“ห่วงสามี......”แม่ยิ้มแหย่ลูกสาวที่ไม่ค่อยแสดงความหวานกับสามีให้ได้เห็น
“แม่......”ปาลิตาก้มหน้างุดอายที่โดนแซว
“ตอนเด็กเจอกี่ครั้งวินก็เศร้าทุกทีดูเป็นเด็กไม่ร่าเริง พอโตก็อย่างที่ลูกเห็นนั่นแหละ”แม่นั่งนึกย้อนกลับไปเมื่อสมัยไรวินท์ยังเล็กแววตาของลูกเขยไม่สดใสตามวัยอย่างที่ควรจะเป็น
“เพราะพ่อแม่เลิกกันและพ่อเสียตั้งแต่เล็กแน่ ๆ”
“ก็มีส่วน อันที่จริงมันเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดด้วย......”
“อุบัติเหตุ?”คำพูดของแม่ทำให้ปาลิตาสงสัยเอ่ยถามอย่างสนใจ ยังไม่ทันที่ปาจารีจะอ้าปากเล่าเสียงโทรศัพท์ของปาลิตาก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน ปาลิตาเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นชื่อแจนเลขาของสามีเลยกดรับสายสีหน้าเบื่อหน่าย
“ว่าไง”
“แจนติดต่อคุณวินไม่ได้เลยค่ะ บ่ายวันนี้คุณวินต้องไปเปิดตัวรีสอร์ตเปิดใหม่ที่ต่างจังหวัดกับหุ้นส่วนท่านอื่นด้วย”แจนน้ำเสียงร้อนรนจากปลายสาย ปาลิตาเหลือบมองบนเธอรู้ความสัมพันธ์ของสามีกับเลขาเลยไม่ค่อยอยากคุยด้วย
“เธอเป็นเลขาก็หาทางติดต่อสิ โทรมาหาฉันทำไม”
“แจนคิดว่าคุณเป็นภรรยาอาจติดต่อสามีได้ ถ้าคุณลิตาติดต่อไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะคะ”แจนตอบกลับเหน็บเบา ๆ ปาลิตาถึงกับหน้าตึงเหมือนถูกหยาม
“ฉันจัดการเอง”ปาลิตาเสียงเหวี่ยงไม่สบอารมณ์ ปาจารีมองลูกสาวเหวี่ยงใส่ปลายสายด้วยความสงสัยว่าลูกจะหงุดหงิดทำไม
“หนูขอติดต่อพี่วินก่อนนะแม่”ปาลิตารีบกดโทรศัพท์โทรหาสามีอยู่พักใหญ่เขาก็ไม่รับสายเลยโทรหาป้าติ่งให้เอาโทรศัพท์ไปให้สามีเธอคุย
ห้องนอนของไรวินท์
ป้าติ่งมายืนเคาะประตูเรียกอยู่นาน ไรวินท์เดินโอนเอนมาเปิดประตูห้องออกกว้าง
“คุณลิตาบอกว่ามีธุระด่วนค่ะ”ป้าติ่งรีบยื่นโทรศัพท์ให้เจ้านาย ไรวินท์ถอนหายใจก่อนจะรับโทรศัพท์มาคุย
“ฮัลโหล...............โอเค เดี๋ยวพี่ขับรถไป”เสียงทุ้มเชื่องช้าเหนื่อยหน่ายในวันที่เขารู้สึกไม่ดีงานก็ล้มเลิกไม่ได้ มือหนาส่งโทรศัพท์คืนให้ป้าติ่งแล้วหันหลังกลับเข้าไปในห้อง ป้าติ่งรีบเอ่ยทักด้วยความเป็นห่วง
“คุณหนูขับรถไหวหรือคะ สีหน้ายังไม่ดีขึ้นเลย”
“ไหวครับ ผมไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน”หน้าซีดเซียวเอียงมองป้าติ่งเล็กน้อยน้ำเสียงเหนื่อยล้า การสนทนาของสามีกับป้าติ่งดังเข้ามาในโทรศัพท์ที่ยังไม่ได้กดวางสาย ปาลิตาได้ยินการสนทนาทั้งหมดเลยกดวางสายหันไปหาแม่
“หนูต้องไปธุระต่างจังหวัดกับพี่วินไว้วันหลังคุยกันนะ”
“จ้า รีบไปเถอะ รอบนี้เอาหลานมาฝากพ่อกับแม่ด้วย.........”แม่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เฝ้ารอคอยหลานตัวน้อย ปาลิตาหน้างอเมื่อถูกแม่กระเซ้าก่อนจะเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าสะพายวิ่งอ้อมไปหอมแก้มแม่แล้วโบกมือบ้ายบายเดินดุ่มออกไปทันที ปาจารีมองตามลูกสาวแล้วนึกขึ้นได้
“อุ้ย ลืมเลยถ้ายายหนูรู้เรื่องนั้นอาจกลัวสามีจนไม่อยากมีลูกก็ได้ เกือบไปแล้ว....คงต้องเก็บไว้เป็นความลับก่อน”ปาจารีบ่นพึมพำกับตัวเองสีหน้าครุ่นคิดขึ้นชื่อว่าฆาตกรเป็นใคร ๆ ก็กลัว.........
