ตอนที่ 7 สวยจัง
บรรยากาศยามค่ำ บนเรือหรูล่องแม่น้ำเจ้าพระยา
บรรดาญาติเกือบห้าสิบคนมาร่วมสังสรรค์ทานอาหารตามนัดหมายของท่านวิชัยคุณปู่ของไรวินท์ วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองให้กับดิเรกลูกพี่ลูกน้องของไรวินท์ที่ไปรยาภรรยาของเขาใกล้จะคลอดลูกอีกทั้งยังเป็นลูกชายอย่างที่ตระกูลต้องการ ปาลิตายิ้มแย้มทักทายญาติของสามีอย่างคุ้นเคยและร่วมยินดีกับไปรยาน้องสะใภ้ที่แต่งงานหลังเธอสองปีแต่นำหน้าแซงเธอไปแล้ว
ไรวินท์แยกตัวไปนั่งดื่มไวน์อยู่คนเดียวเขานั่งหันหลังให้กับญาติที่วุ่นวายกันอยู่กลางเรือ สายตาคมทอดมองไปยังแม่น้ำกว้างบ้านเรือนวัดวาอารามข้างเส้นทางที่เรือแล่นผ่าน เขาไม่ค่อยสุงสิงกับญาติที่มองเขาเป็นฆาตกร อีกทั้งยังเป็นหลานชายคนโปรดของคุณปู่ บรรดาญาติไม่ชอบและไม่อยากยอมรับไรวินท์เข้าสกุลติดที่คุณปู่ผู้มีอำนาจสูงสุดในบ้านให้ท้ายหลานชายฆาตกรคนนี้เลยไม่มีใครกล้าต่อต้าน
ท่านวิชัยนั่งดื่มไวน์กับลูกหลานและญาติพี่น้องสักพักก็ลุกเดินไปหาไรวินท์ที่นั่งปลีกวิเวกอยู่คนเดียวตรงท้ายเรือ
“เมียแกทำหน้าที่แทนสามีได้ดี ปู่ไม่ผิดหวังจริง ๆ ที่เลือกคนนี้ให้แก” ปู่ยิ้มอ่อนยกไวน์ขึ้นจิบมองผืนแม่น้ำยามค่ำคืน
“ผมไม่ชอบเสแสร้ง” ไรวินท์ปรายตามองปู่เล็กน้อย
“แกคิดมากเกินไป เรื่องมันผ่านมายี่สิบกว่าปีไม่มีใครอคติกับแกแล้ว”
“สายตาของพวกเขาบ่งบอกว่ารังเกียจ คงไม่อยากเข้าใกล้ฆาตกรอย่างผม” เสียงทุ้มแข็งขึ้นแววตาสั่นไหวเบือนหน้ามองไปทางอื่นมือหนากุมก้านแก้วไวน์แน่น ปู่เห็นทีท่าของหลานชายยิ่งหนักใจห่วงว่าหากวันใดไม่มีท่านอยู่ไรวินท์จะปรับตัวอยู่ท่ามกลางญาติพี่น้องได้ยังไง
“ปล่อยวางบ้าง ไม่อย่างนั้นคนที่แย่คือตัวแกเอง”
“ผมไม่เป็นไร ผมอยู่กับเรื่องแย่ ๆ มาตลอดชีวิต ไม่มีอะไรหนักไปกว่านี้อีกแล้ว.......” สายตาคมตัดพ้อมองผืนน้ำกว้างใหญ่มีคลื่นเบา ๆ ท่ามกลางความมืดทำให้เขายิ่งหดหู่และอ้างว้าง
“คุณปู่ พี่วิน” ดิเรกเดินยิ้มมาแต่ไกล ปู่กับไรวินท์หันไปมองพร้อมกัน
“เชิญที่หน้าเรือหน่อยครับ ผมสั่งจุดพลุให้ช่างภาพถ่ายรูปครอบครัวมีฉากหลังเป็นพลุเต็มท้องฟ้าและสะท้อนกับพื้นน้ำ อยากเก็บภาพสวย ๆ ไว้ให้ลูกชายดูตอนโตว่าทุกคนดีใจที่เขากำลังจะเกิดมา” ดิเรกยิ้มกว้างเหล่สายตามองไรวินท์ที่พ่อแม่ไม่ต้องการแล้วนึกยิ้มเยาะในใจ
“อืม ไอเดียดี ไปกันเถอะ” ปู่พยักหน้ายิ้ม ๆ หันไปชวนไรวินท์ที่นั่งนิ่งไม่ยอมลุก พอคุณปู่เอ่ยชวนเขาถึงยอมลุกเดินตามอย่างเสียไม่ได้
บริเวณพื้นที่โล่งกว้างหัวเรือลำใหญ่ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา
ญาติ ๆ รวมตัวกันเรียงสามแถวหน้ากระดานเตรียมตัวถ่ายรูปพร้อมกับพลุที่จะแสดงขึ้นด้านหลัง สายลมโชยอ่อนอากาศเย็นสบายทุกคนต่างยิ้มแย้มมีความสุข ไรวินท์ก้มมองภรรยาข้างกายปอยผมปลิวไสวตามแรงลมนิ้วแกร่งเกลี่ยปอยผมไม่ให้บดบังดวงหน้าสวย ปาลิตาเงยมองหน้าสามีสบสายตากันหวานซึ้ง เสียงพลุดังขึ้นทางด้านหลังช่างภาพส่งสัญญาณเก็บภาพถ่ายญาติ ๆ ยิ้มให้ตากล้องมีเพียงสองสามีภรรยาที่ยืนมองหน้ากันคล้ายกับถ่ายภาพพรีเว็ดดิ้ง เมื่อถ่ายรูปเก็บความทรงจำเรียบร้อย ญาติ ๆ พากันหันมองด้านหลังเพื่อดูการแสดงพลุต้อนรับสมาชิกใหม่ลูกชายในครรภ์ของไปรยา
ดิเรกโอบไหล่ภรรยาแล้วเหลือบมองญาติผู้พี่คู่แข่งตลอดกาลตอนนี้พลาดท่าให้เขาแซงนำโดยมีทายาทสืบสกุลก่อน ริมฝีปากหนายกยิ้มสะใจในความช้าของญาติผู้พี่
ด้านไรวินท์มองสบตาภรรยาไม่สนใจรอบข้าง ปาลิตารู้สึกตัวรีบหลุบตาลงเขินอายแก้เขินด้วยการหันไปมองพลุทางด้านหลังเสียงอื้ออึงทั่วท้องฟ้าผสมเสียงเฮของญาติพี่น้องค่อนข้างดังแต่เมื่อครู่เธอกลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกจากเสียงหัวใจตัวเอง
“พี่ไม่ดูพลุเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถามสายตาจ้องมองดูพลุหลากสีกระจายอยู่บนท้องฟ้า
“ดูอยู่.....” ไรวินท์ตอบในขณะที่จับจ้องภรรยาไม่ละสายตา หางตาสวยเห็นว่าเขามองเธออยู่เลยหันมองสามี
“ดูอะไร พี่มองแต่ลิตา”
“ดูพลุในตาของลิตา.......สวย........จัง.........” เสียงทุ้มอ่อนลงจ้องมองภรรยาอย่างหลงใหล หญิงสาวนิ่งงันเขินจนหน้าแดงสายตาหลุกหลิกทำตัวไม่ถูก
“อยากให้เป็นลมอีกหรือไง”
“ไม่ต้องห่วงพี่จะประคองไว้” ริมฝีปากหนายกยิ้มเขยิบเข้าใกล้โอบเอวภรรยาหลวม ๆ แล้วเงยมองไปบนท้องฟ้าที่สว่างวาบด้วยแสงจากพลุหลากสี
“เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เป็นไบโพล่าร์แหง ๆ”
“กฎของการนินทาต้องไม่ให้เจ้าตัวเขาได้ยิน......” เขาเหล่มองเล็กน้อย
“ไม่ได้นินทา ตั้งใจพูดให้ได้ยิน”
“ฮึ.....ไม่เคยจะยอมกันเลย” ไรวินท์กระตุกยิ้มก้มมองภรรยาข้างกาย
“ยอมไม่ได้หรอกค่ะ สามีใจร้ายยิ่งหงอยิ่งโดนแกล้ง......” หน้าสวยทำขึงขังแก้เขิน ไรวินท์เลิกคิ้วขึ้นหันมองพลุทำเป็นไม่สนใจ ปาลิตาอมยิ้มมองพลุด้วยใจที่ลิงโลดอยากให้เขาอ่อนโยนแบบนี้กับเธอตลอดเวลา
คุณปู่วิชัยแอบมองหลานชายและภรรยายืนข้างกายกันมีความสุข ถัดไปจากคุณปู่เล็กน้อยอาภาคภูมิยืนมองไรวินท์ด้วยสายตาเดียดฉันท์ไม่อยากเห็นไรวินท์มีชีวิตที่ดี.......
กลางดึกในห้องนอนสีทึบ
เสียงหายใจหืดหอบดังขึ้นภายในห้องนอนสีทึบ ไรวินท์นอนกระตุกขมวดคิ้วเหงื่อผุดเต็มหน้าแม้อยู่ในห้องแอร์เย็นเฉียบก่อนจะสะดุ้งตื่นกระถดตัวขึ้นไปยังหัวเตียงงอตัวกอดเข่าสายตาหวาดระแวง แขนแกร่งโอบล้อมเข่าตัวเองเช่นทุกครั้งน้ำตารื้นความเหงาเดียวดายไม่เคยมีใครปลอบประโลม เขานั่งคุดคู้อยู่นานกว่าจะคลายกังวลหายใจสม่ำเสมอ ในความฝันคือภาพจากจิตใต้สำนึกที่เจ็บปวดมันไม่เคยจางหายแม้เขาจะเคยเข้ารับการบำบัดสภาพจิตใจมาแล้วก็ยังไม่ดีขึ้นเพราะปมที่อยู่ในใจยังค้างคา
