ตอนที่ 11 ใจมันเรียกร้อง
ช่วงหัวค่ำ
ไรวินท์แต่งตัวออกไปงานเปิดตัวรีสอร์ตกับหุ้นส่วนและผู้หลักผู้ใหญ่นักธุรกิจในพื้นที่ บรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงมีการแสดงโชว์ท้องถิ่นของเด็ก ๆ จากโรงเรียนใกล้เคียง ไรวินท์นั่งชมการแสดงกับผู้หลักผู้ใหญ่และหุ้นส่วน
“ได้ยินว่าหนูลิตามาด้วย ทำไมไม่มาร่วมงาน” สารัชหุ้นส่วนที่คุ้นเคยเอ่ยถามขึ้น
“เกิดปัญหาทางร่างกายนิดหน่อย เลยไม่ค่อยสะดวกครับ” ไรวินท์ยิ้มอย่างเป็นมิตรก้มหน้านอบน้อมก่อนจะอมยิ้มเมื่อนึกถึงริมฝีปากภรรยาที่โดนเขาจูบจนปากบวมแดง
ด้านปาลิตาเปิดกล้องคุยกับไอรินคนสวยเพื่อนที่เป็นสาวลูกครึ่งเปรี้ยวซ่าต่างจากปาลิตาสิ้นเชิง ที่สนิทกันเพราะเป็นรูมเมทตอนเรียนต่างประเทศ
“กรีดร้อง.......เพื่อนแรดจ้า” ไอรินนั่งอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งบรรจงกรีดอายไลน์เนอร์อย่างตั้งใจ
“ก็ทำกับสามีแหละ” ปาลิตาอมยิ้มหยิบเสื้อผ้ามาที่ยัดใส่กระเป๋ามาแบบลวก ๆ ขึ้นทาบตัวอยู่หน้ากระจก
“สามียูคือโนเซ็กกับยูไง อยู่แบบคนข้างบ้านนี่ใจกล้าปีนรั้วบ้านไปจูบเขาเฉย” ไอรินเหลือบมองเพื่อนแล้วยิ้มกว้าง
“ใจมันเรียกร้อง.......แต่ก็คุ้มอยู่นะ คิดไปคิดมาน่าจะแรดมาตั้งนานแล้วไม่น่าเล่นตัวมาตั้งสามปี........” ปาลิตายิ้มเขินบิดตัวไปมา
“บอกแล้วว่าของแบบนี้ต้องพุ่งชนอย่าไปกลัว เออ.....เพื่อนมีคำถามสมมุติว่ายูมีซัมติงกับสามีแล้วต้องหย่า ยูจะโอเคเหรอ” ไอรินผละมองหน้าเพื่อนก่อนจะหยิบลิปสติกสีแดงสดทาลงริมฝีปาก
“เขาจะเอาหรือเปล่า.....”
“บ้า ถ้าไม่อยากได้ยูก็น่าจะมีรสนิยมอื่น เอาจริง ๆ นะถ้าสามียูไม่มีเมียน้อยไอคิดว่าเขาเป็นเกย์ไปแล้ว ผู้ชายอะไรเมียสวยมาก..........แต่ไม่แตะต้อง เขาคงไม่รู้สินะว่ามีผู้ชายหลายคนคลั่งไคล้ยูขนาดไหน” ไอรินมองกระจกเกลี่ยริมฝีปากให้เรียบเนียนพลางนึกถึงหนุ่ม ๆ โปรไฟล์ดีตามตื๊อตามจีบปาลิตาเยอะแยะดันไม่เอากลับมาแต่งงานกับผู้ชายไทยที่ไม่สนใจเธอ
“สวยก็เท่านั้นเรามันอ่อนหัด พี่วินชอบผู้หญิงเซ็กซี่เร้าใจ”
“ช่างเถอะ หย่าเมื่อไหร่มีใหม่หยามสามีหน้าโง่ไปเลย” ไอรินเบะปากยักไหล่กับเพื่อน
“ไอจะตัดใจจากเขาได้ไหมก่อน” ปาลิตาส่ายหน้ายิ้มอ่อนยังคงหลงรักเขาข้างเดียว
“สู้ ๆ นะยู”
“อื้ม....สู้ ๆ ไอได้ชุดแล้วไปแต่งตัวก่อนนะ เสร็จงานแล้วพี่วินคงมารับไปกินข้าว” ปาลิตาหยิบชุดสายเดี่ยวกระโปรงยาวสีฟ้าสดใสมาทาบตัวให้เพื่อนดู
“เลือกที่โชว์เยอะ ๆ หน่อย ตัดกระโปรงให้สั้นเอาให้ใจสั่นกันไปข้างหนึ่ง” ไอรินยิ้มกรุ้มกริ่ม
“พอเถอะแค่จูบก็ตั้งตัวไม่ทันแล้ว” ปาลิตายิ้มแห้งแค่เขาจูบก็แทบไม่มีสติถ้ามากกว่านี้คงได้เป็นลมอีกแน่ สองสาวโบกไม้โบกมือแล้วกดวางสาย ไอรินหุบยิ้มเงยหน้ามองกระจกที่สะท้อนใบหน้าสวยเซ็กซี่
“มีแค่เรื่องเดียวที่ไอไม่ได้บอกยู” ไอรินน้ำเสียงหนักใจมองกรอบรูปข้าง ๆ เป็นรูปของเธอกับปาลิตากอดกันยิ้มกว้างในวันสำเร็จการศึกษาที่ต่างประเทศ..................
รีสอร์ตริมชายหาด
ปาลิตาแต่งหน้าแต่งตัวสวยนั่งมองวิวทะเลรอสามีมารับไปทานอาหารจนเวลาล่วงเลยเกือบสามทุ่มเขาก็ยังไม่มา มือเรียวกำโทรศัพท์แน่นไม่กล้าโทรหรือส่งข้อความไปหาสามี หน้าสวยบึ้งตึงหมดความอดทนเดินกระฟัดกระเฟียดออกนอกห้องตรงไปยังห้องจัดเลี้ยง เท้าเรียวก้าวเดินยังไม่ถึงก็ต้องชะงักเมื่อเห็นห้องจัดเลี้ยงปิดไฟมืดมีเพียงพนักงานผู้ชายสามคนกำลังยกข้าวของเก็บข้างหลัง
“งานเลี้ยงเลิกแล้วเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถามพนักงานที่กำลังเก็บของ
“เลิกตั้งแต่ตอนสองทุ่มครับ” พนักงานหันมาตอบอย่างอ่อนน้อม
“.........ขอบคุณค่ะ” ปาลิตางง ๆ เอ่ยขอบคุณก่อนจะหันหลังเดินกลับอย่างครุ่นคิด งานเลิกตั้งแต่สองทุ่มผ่านมาหนึ่งชั่วโมงเขายังไม่กลับห้องคงแอบไปจู๋จี๋กับเลขาอยู่แน่มีคนอื่นแล้วมาจูบเราทำไม หน้าสวยหม่นเศร้าถอนหายใจแรงแม้จะหึงก็ทำอะไรไม่ได้มันอยู่ในเงื่อนไขที่ตกลงกันก่อนแต่งงานว่าจะไม่ก้าวก่ายชีวิตเขา เธอเดินเหยียบลงสนามหญ้าฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่งยามค่ำคืนลมพัดโชยอ่อนเย็นสบายพลางนึกย้อนกลับไปในวันที่คุณปู่ขอนัดให้เธอมาดูตัว
ย้อนกลับไปสี่ปีที่แล้ว
ปาลิตาสำเร็จการศึกษากลับมาสืบทอดกิจการร้านเพชรชื่อดังที่มีมากมายหลายสาขา ในช่วงศึกษาเกี่ยวกับงานบริหารของสาขาใหญ่ บรรดาเพื่อนแม่ที่เป็นคุณหญิงคุณนายต่างแนะนำลูกชายให้ปาลิตาพิจารณาหลายคน แต่เธอไม่รับนัดทานอาหารแค่มื้อเดียวก็ไม่ไปในตอนนั้นเธอต้องการโฟกัสงานใช้ชีวิตวัยรุ่นให้คุ้มยังไม่อยากมีสามีมาคอยคุม อยากมีโอกาสเลือกผู้ชายที่เธอถูกใจจริง ๆ
ไม่นานนักวันนั้นก็มาถึง วันที่เธอรู้จากแม่ว่าคุณปู่ของไรวินท์อยากแนะนำหลานชายให้รู้จัก ตอนนั้นปาลิตาดีใจคิดว่าไรวินท์รุ่นพี่ที่แอบชอบเป็นคนอยากสานสัมพันธ์กับเธอ ทว่าไม่ใช่อย่างนั้นในวันนัดทานอาหารดูตัวระหว่างที่นั่งทานอาหารโดยมีคุณปู่ ไรวินท์ ปาลิตาและพ่อแม่ของเธอร่วมโต๊ะอาหารกันนั้น อยู่ ๆ ไรวินท์ที่นั่งเฉยมาเกือบชั่วโมงก็ลุกพรวดมองหน้าเธอ
“พี่ขอคุยด้วยหน่อย” พูดจบไรวินท์ก็เดินออกไปห้องอาหารทันที ปาลิตาหันมองพ่อกับแม่ที่พยักพเยิดให้เธอออกไปคุยกับไรวินท์ ปาลิตาเดินตามออกมาเห็นไรวินท์ยืนหันหลังมองผู้คนที่นั่งทานอาหารชั้นล่างก่อนจะหันมาหาเธอ
“พี่โดนนัดดูตัวหกครั้งและนี่คือครั้งที่เจ็ด มันน่ารำคาญมากพี่คิดว่าลิตาก็คิดเหมือนกัน” เสียงทุ้มเน้นหนักหงุดหงิดที่ถูกบังคับมาดูตัวหลายครั้ง
“พี่วินเป็นคนเดียวที่ลิตามาเจอ” สายตาสวยจับจ้องใบหน้าหล่อคมมีเสน่ห์ที่เคยแอบมองไกล ๆ ตอนบังเอิญเจอเขาที่โรงเรียนไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้พูดคุยกับเขาอย่างใกล้ชิด ไรวินท์มองสบตาหญิงสาวค่อย ๆ เหลือบมองสำรวจดวงหน้าสวยอย่างพอใจแต่ซ่อนความพอใจนั้นไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย
“สนใจในตัวพี่?”
“ค่ะ ปลื้มพี่มาตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมหนึ่ง” เธอพูดตรงจนเขาเผลอกระตุกยิ้ม
“ตอนนี้ยังปลื้มอยู่?”
“ค่ะ”
“แต่งงานกันไหม” เขาถามกลับรวดเร็ว
“หื้ม.......” คิ้วเรียวขมวดคิดว่าเขาหยอกเล่น
“แต่งงานกันให้จบ ๆ พี่จะได้ไม่ต้องวุ่นวายกับการนัดเดตบ้าบอนี้สักที”
“ก่อนหน้านี้ดูตัวหกครั้ง ทำไมไม่เลือกใครให้จบเรื่องไปคะ” ปาลิตาเอ่ยถามด้วยความสงสัยทำไมต้องเป็นเธอ
“เพราะพวกเธอยังไม่ใช่....” ไรวินท์ตอบกลับอย่างใจคิดผู้หญิงคนอื่นไม่ถูกใจเขา ถึงแม้ไม่อยากถูกบังคับแต่งงานแต่หากเลี่ยงไม่ได้เขาก็ต้องการภรรยาที่สวยสง่ามีรสนิยมเหมาะสมเดินเคียงข้างเขาให้คนอื่นอิจฉา
“....................” ปาลิตานิ่งงัน
“คือ......การแต่งงานของพี่มีข้อต่อรองพวกเธอรับไม่ได้เลยปฏิเสธ” กายหนาเหยียดขึ้นเม้มริมฝีปากเหลือบมองไปทางอื่น อันที่จริงเขาไม่เคยต่อรองกับคู่นัดทั้งหกเพราะเขานิ่งเฉยทานอาหารเสร็จก็แยกย้ายกลับบ้าน
“ข้อต่อรองอะไรคะ”
“เราจะไม่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน ต้องไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของพี่ ไม่หึงหวงแสดงความเป็นเจ้าของหรือโวยวายอาละวาดผู้หญิงจ้างของพี่ อย่าหวังว่าพี่จะรักและที่สำคัญเมื่อไหร่ที่บอกว่าหย่าก็ต้องหย่า” ไรวินท์พูดยาวราวกับท่องมาพูดเป็นประจำทั้งที่เขาพึ่งนึกเมื่อครู่ ปาลิตาเผยอปากค้างกะพริบตาปริบ ๆ
“ถ้าอย่างนั้นลิตาขอปฏิเสธเป็นคนที่เจ็ดนะคะ............ ขอบคุณสำหรับข้อต่อรองที่ให้ผู้หญิงมีแต่เสียเปรียบ” เธอตาขวางใส่ชายหนุ่มที่เคยแอบปลื้มไม่อยากเชื่อว่าเขาจะเห็นแก่ตัว
“อย่างน้อยก็ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของคนที่แอบปลื้ม.....” ไรวินท์หน้าเหวอที่ถูกปฏิเสธเขาพยายามรั้งเพราะไม่มีใครถูกใจเขาเหมือนเธอ
“ตอนนี้ไม่ปลื้มแล้ว......” ปาลิตาหันขวับมองเคืองก่อนจะเปิดประตูห้องอาหารเดินเข้าไปหาพ่อแม่ ไรวินท์สอดสองมือเข้ากระเป๋ากางเกงยกยิ้มมุมปากแววตาเป็นประกาย
