ตอนที่ 3.2 ให้ข้าได้ชดใช้
คนบนเตียงใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที กุลีกุจอรีบขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงพลางตอบกลับมาว่า ‘ข้าลุกไหว’ แต่เพราะเร่งรีบมากไปหน่อยบวกกับแข้งขาอ่อนแรงยามลุกขึ้นมาถึงได้เอนตัวตกลงมาจากเตียง
“ใจเย็นไม่ต้องรีบร้อนข้าจะไปรอด้านนอก”เฟิงหลิวก้าวเข้ามาช่วยลั่วหยางได้ทัน ประคองคนในอ้อมแขนขึ้นนั่งบนเตียงให้ดี หลุบตามองฝ่ามือของนางซึ่งจับแขนเขาเอาไว้แน่น
“อะ...อืม ขอบใจท่านมาก”ลั่วหยางปล่อยมือจากแขน ก้มหน้าไม่ยอมสบตา
“เสร็จแล้วก็ออกมาเล่า”
“เจ้าค่ะ”
เฟิงหลิวมองคนบนเตียงต่ออีกครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป
คล้อยหลังอีกฝ่าย นัยน์ตาหวาดกลัวของลั่วหยางเปลี่ยนเป็นความคะนึงหา พึมพำพูดกับตนเองว่า ถึงตอนนี้ท่านจะใจร้าย แต่ใจจริงของท่านยังคงเป็นคนอ่อนโยนไม่ต่างจากวันนั้น
....
“เสร็จแล้ว ?”
ลั่วหยางพยักหน้าขึ้นลง
“เดินไหวใช่ไหม ?”
“วะ...ไหว”ลั่วหยางยังคงทำตัวไม่ถูกกับความเปลี่ยนไปของเขา
“อย่างนั้นก็ตามข้ามา”
หญิงสาวก้มหน้าเดินตามหลังเฟิงหลิวเงียบ ๆ บางครั้งจะเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังตั้งตระหง่านของเขา แม้จะผ่านมาหลายปีแล้วแผ่นหลังนี้ก็ยังติดตรึงอยู่ในความรู้สึกของนางไม่จางหาย ทั้งที่เจ้าของแผ่นหลังนี้ลืมเลือนนางไปหมดสิ้นแล้ว
“โอ๊ะ โอ้ว ลมอะไรหอบคุณชายใหญ่ขึ้นมาหาข้าถึงด้านบนได้”หญิงวัยกลางคน แต่งตัวเปิดเนื้อเปิดตัว ใบหน้าแต้มชาดสีแดงเข้มจัดเกือบจะกลบความงดงามของนางจนหมด เดินนวยนาดเข้ามาใกล้เฟิงหลิว ก่อนสายตาจะเหลือบมองสตรีด้านหลังชายหนุ่ม
นัยน์ตาของนางถึงกับสั่นไหวหลังเห็นว่าเขาพาใครมาด้วย “โอ้ นี่ไม่ใช่นางโลมคนใหม่ของหอเราหรือ เหตุใดถึงมากับคุณชายใหญ่ได้เล่า คงไม่ใช่ว่า...”ดวงตาเป็นประกายของแม่เล้าดึงกลับมาที่เฟิงหลิว มุมปากหยักขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“ข้าอยากจะไถ่ตัวนางไม่ทราบว่าต้องใช้เงินเท่าใด”
เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ดูท่าคุณชายใหญ่ท่านนี้จะติดใจสตรีสดใหม่ที่พึ่งเข้ามาคนนี้มาก
แม่เล้าสะบัดพัดในมือให้กางออกปิดบังครึ่งหน้า หรี่ตามองเฟิงหลิวแฝงแววลึกซึ้ง “คุณชายคงต้องจ่ายหนักหน่อยนะเจ้าคะ เพราะนางเป็นสินค้าสดใหม่ของทางร้าน หากนำออกไปให้ความสำราญคงเรียกเงินเข้าร้านได้มากโข”
“ไม่ต้องพูดวกวนไปมาให้มากความพูดมาเลยว่าต้องใช้เงินมากแค่ไหน”เพราะถึงยังไงหากเรื่องในความฝันเป็นจริงขึ้นมา เขาก็ต้องแต่งงานกับนางตามคำสั่งของมารดาอยู่ดี จะไถ่ตัวไปก่อนหรือรอจนถึงวันนั้นก็ไม่ต่างกัน อีกอย่างหากพิสูจน์ได้แล้วว่าสิ่งที่เห็นในฝันเป็นความจริง เขาก็จะหลีกหนีออกจากบ้านหลังนั้นแล้วพานางไปด้วย
“ในเมื่อคุณชายต้องการ ข้าคงไม่อาจปฏิเสธ สิบตำลึงคือจำนวนเงินในการไถ่ถอนตัวนาง”
“แม่เล้าเงินจำนวนนั้นไม่มากเกินไปหรือเจ้าคะ”ลั่วหยางโพล่งออกมาหลังได้ยินจำนวนเงิน
ตอนที่บิดามารดาขายนางให้กับหอนางโลมแม่เล้าจ่ายเงินออกไปเพียงสองตำลึงเท่านั้น แต่นางกับเรียกเงินจากเฟิงหลิวถึงสิบตำลึง นี่ไม่ใช่ว่าเฟิงหลิวขาดทุนหรือ ?
“เจ้าเป็นสินค้าของข้าข้าจะขายเจ้ากี่ตำลึงก็เรื่องของข้า”แม่เล้าไม่ได้สนใจความรู้สึกลั่วหยางด้วยซ้ำ สิ่งที่นางสนใจมีเพียงเงินในกระเป๋า หากเฟิงหลิวจ่ายออกมาไม่ได้นางก็ไม่ขาย ถึงอย่างไรเงินจำนวนนี้ในอนาคตลั่วหยางย่อมทำให้นางได้อยู่แล้ว
“ตกลงนี่คือสิบตำลึง ข้าจะพานางออกไปวันนี้”
แม่เล้ามองเงินสิบตำลึงตรงหน้า ดวงตาเป็นประกาย“เป็นคุณชายที่ใจป้ำจริง ๆ สมแล้วล่ะ”ยื่นมือออกไปหยิบเงินมาถือไว้“ในเมื่อท่านซื้อตัวนางไปแล้วเช่นนั้นก็พาออกไปเถิด ส่วนนี่”เจ้าของหอคณิกายื่นหนังสือขายตัวให้เฟิงหลิว“สัญญาขายตัวของนางเป็นของท่านแล้ว”
เฟิงหลิวหยิบสัญญาขายตัวมาเก็บไว้ หันหลังกลับมาเผชิญสีหน้ายุ่งยากของลั่วหยาง
“เลิกทำหน้าลำบากใจได้แล้ว ออกไปด้านนอกใครเห็นคงคิดว่าข้าบังคับขืนใจเจ้า”
“มะ...ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าเพียงแค่”คิดว่าตัวข้าไม่ได้มีค่ามากพอให้ท่านมาเสียเงินสิบตำลึงกับข้า
เฟิงหลิวมองท้ายทอยคนที่เอาแต่ก้มหน้าไม่พูดจา ชายหนุ่มถอนหายใจยาวยื่นมือออกไปกำแขนบอบบางดึงให้เดินออกจากห้องมาด้วยกัน
เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อความสบายใจของตนเอง เพื่อให้ตัวเขาได้มั่นใจว่าหลังเรื่องราวทุกอย่างกระจ่างจะไม่มาเสียใจภายหลัง อีกทั้งในส่วนหนึ่งของจิตใจยังต้องการชดใช้ในสิ่งที่ไม่รู้ว่าจริงหรือปลอม
