ตอนที่ 3.1 ให้ข้าได้ชดใช้
เฮือก !!!
บนเตียงหลังใหญ่เต็มไปด้วยเศษซากของการกระทำเมื่อคืน เฟิงหลิวซึ่งถูกปลุกให้ตื่นจากฝันอันยาวนานหันสายตามองสตรีข้างกาย สีหน้าตื่นตระหนกตกใจใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
“เรื่องจริงอย่างนั้นหรือ หรือเป็นเพียงฝันบอกเหตุกันแน่”เขาพึมพำกับตนเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่ความรู้สึกในฝันนั้นชัดเจนเกินกว่าจะบอกว่าเป็นเพียงฝันตื่นหนึ่ง
เฟิงหลิวยกมือซึ่งสั่นน้อย ๆ ขึ้นมาปิดหน้า ก่อนจะหัวเราะออกมาราวคนบ้า
จะให้เขาทำใจเชื่อว่าตนเองไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของท่านแม่ ไม่ใช่เด็กที่เกิดจากท่านอย่างนั้นหรือ เขาจะไปทำใจเชื่อได้ยังไงกัน
แต่ถึงจะบอกกับตนเองอย่างนั้น ทว่าฝ่ามือหนากับหยุดสั่นไม่ได้เลย
ชายหนุ่มพยายามหลอกตัวเองว่าความฝันที่เห็นเป็นเพียงจินตนาการของตนหาใช่ความจริง ตนกำลังอยู่ในสภาวะคิดหนักถึงได้ฝันอะไรเป็นตุเป็นตะขนาดนั้น ไม่มีทางที่ท่านแม่จะไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของเขา
ทว่าเศษส่วนหนึ่งในจิตใจกับบอกเฟิงหลิวว่า ทุกอย่างที่เห็นในฝันเป็นเรื่องจริง ไม่อย่างนั้นแล้วคนที่เอ่ยปากว่ารักจะเย็นชาขึ้นหลังน้องชายเกิดขึ้นมาได้ยังไง พวกเขาจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทำราวกับว่าเขากลายเป็นคนนอกไปแล้วได้ยังไงกัน
หากไม่เชื่อความฝันเขาก็คงไม่สามารถหาเหตุผลมาหักล้างการกระทำตลอดหลายปีที่ผ่านมาของพวกเขา
ไม่มีเหตุผลจะมารองรับการกระทำที่เปลี่ยนไปของคนในจวน นอกจากนี้เรื่องราวในความฝันยังเหมือนกับที่เขากำลังเผชิญอยู่ทุกอย่าง
หลังผลีผลามออกจากบ้านมาเพราะมารดาเอ่ยปากบอกให้ตนยกตำแหน่งหัวหน้าตระกูลให้น้องชาย เขาก็เลือกเดินเข้าหอนางโลมเพื่อหาที่ระบายโทสะในใจ
หลับนอนกับสตรีคนหนึ่ง และหลังตื่นขึ้นมาก็เห็นว่าสภาพนางไม่น่ามอง พอยื่นมือออกไปคิดจะสัมผัส ร่างกายบอบบางพลันถดตัวถอยหนี สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“อึก อย่า !!”ฝ่ามือหนาพึ่งจะสัมผัสโดน คนข้างกายที่เขาคิดว่าหลับสนิทอยู่พลันลืมตาตื่น ถดตัวขยับเข้าไปชิดหัวเตียง
เหมือนที่เห็นในความฝันเลย...
สายตาหวาดกลัว ร่างกายสั่นเทา ริมฝีปากแตกมีรอยเลือดแห้งกรัง
แต่พอเขาเอ่ยปากพูดออกไปว่า “จะดีดดิ้นทำเป็นไม่เคยให้ได้อะไรขึ้นมา ความจริงที่ว่าข้ากับเจ้านอนด้วยกันเมื่อคืนใช่ว่าจะเปลี่ยนไป”
พอพูดออกไปอย่างนั้น สายตาหวาดกลัวพลันกระตุก ก่อนจะเผยแววตาผิดหวังเล็กน้อยออกมาทว่าไม่นานก็หายไป
บังเอิญหรือ ? สิ่งที่เขาเห็นในความฝันกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ หรือ
เฟิงหลิวเอ่ยถามกับตนเองในใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ข้าขอโทษที่เมื่อคืนทำรุนแรงกับเจ้า พอดีข้าสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากไปหน่อย ขอโทษเจ้าด้วย”
ท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหันของเขาทำหญิงสาวเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ นางเม้มปากเข้าหากันแน่น จ้องหน้าเฟิงหลิวอย่างไม่ลดละ ก่อนจะหลุบตาลงขยับปากพูดแผ่วเบา “ไม่เป็นอะไร คงมีหลายเรื่องทำให้ท่านคิดมากจึงเผลอทำตัวไม่ดี”
นัยน์ตาคนฟังวูบไหว เหมือนมาก เหมือนกับที่เห็นในความฝันมากจริง ๆ
คำพูดและท่าทางนี้ของนางเหมือนกับนางที่เห็นในความฝัน ถึงในความฝันเขาจะไม่ได้เอ่ยปากขอโทษหลังมีอะไรกับนางเหมือนวันนี้ ทว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาเคยเอ่ยปากขอโทษนาง และลั่วหยางก็ตอบกลับมาเช่นนี้ไม่ต่างจากที่เห็นในความฝัน
พอเป็นอย่างนี้แล้วเฟิงหลิวยิ่งสับสน แต่เขากับไม่สามารถเชื่อสิ่งที่เห็นในความฝันได้ทั้งหมด
คงต้องลองทดสอบดูอีกสักครั้ง หากทุกอย่างยังคงเหมือนดั่งที่เห็น เขาคงต้องเชื่อแล้วว่าสิ่งที่เห็นในความฝัน ไม่ใช่ความฝันแต่อาจจะเป็นความจริงที่เขาเคยประสบพบเจอ
เฟิงหลิวมองหญิงสาวที่ยังคงมีท่าทีหวาดกลัวเขาอยู่ ชายหนุ่มถอนหายใจยาวเอ่ยขึ้นมาอีกประโยค
“ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วไปพบแม่เล้าพร้อมกับข้า”
“ท่านคิดจะทำอะไร”คนบนเตียงเผยสีหน้าไม่ไว้ใจ
“ข้าจะไถ่ถอนตัวเจ้าออกจากหอนางโลม”
“...”
ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาคิดจะทำเรื่องบ้า ๆ อย่างการไถ่ถอนสตรีผู้หนึ่งออกจากหอนางโลม บางทีอาจจะเป็นเพราะความฝันที่ได้เห็น เขาในตอนนั้นคิดอย่างจริงจังว่า หากชาติหน้ามีจริงจะดูแลลั่วหยางเป็นอย่างดี
ทั้งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เห็นใช่ความจริงหรือไม่ ถึงอย่างนั้นเฟิงหลิวกับเลือกจะทำในสิ่งที่ยามปกติตนคงไม่มีทางทำ
“นิ่งอันใดอยู่รีบลุกขึ้นมาได้แล้วหรือว่าเจ้า...”
“...”
“ลุกไม่ไหว ?”
