ตอนที่ 2.2 อดีตชาติ
อาการของเฟิงหลิวที่พึ่งจะทรงตัวกลับทรุดหนักขึ้นมาอีกครั้ง
ชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังมารดา นัยน์ตาอ่อนแรงปรากฏหยาดน้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย
ความจริงเป็นเช่นนี้เองสินะ มาถึงตอนนี้แล้วหากยังไม่เชื่อคงจะโง่เต็มที ในที่สุดก็ได้รู้แล้วว่าเหตุใดนับตั้งแต่ที่น้องชายเกิดมา ความรักความอบอุ่นที่เคยได้รับถึงแห้งเหือดไป
คราแรกเขาเข้าใจไปเองว่า เป็นเพราะน้องยังเด็กท่านพ่อท่านแม่ถึงได้ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าไม่ใช่
เขามันก็แค่ตัวแทนของน้องชาย คนที่พวกท่านเลี้ยงเอาไว้รอเวลาน้องชายเกิดมา !!
บานประตูห้องนอนปิดแล้วเปิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้คนที่ก้าวเข้าห้องมาในห้องคือภรรยาที่เขาชังหน้า
“เจ้ามาทำไมไม่ใช่ว่าข้าสั่งห้ามไม่ให้เจ้าเข้ามาในห้องหรือ”
“ท่านแม่อนุญาตให้ข้าเข้ามา ท่านบอกว่าอีกไม่นานท่านจะตาย ให้ข้ามาเฝ้าดูอาการท่านเป็นครั้งสุดท้าย”
เฟิงหลิวส่งเสียงเหอะในลำคอ ใจดำกับเขาจนถึงท้ายที่สุดเลยสินะ
ชายหนุ่มหัวเราะเย้ยหยันตนเองเหลือบตามองสตรีใบหน้านิ่งเฉยข้างกาย สตรีเพียงคนเดียวที่ไม่ว่าเขาจะทำตัวร้ายกาจเย็นชากับนางมากขนาดไหน นางก็ไม่เคยหนีไปไหนเลย เขามักเห็นนางปรากฏตัวอยู่บริเวณปลายหางตาเสมอ และทุกครั้งที่เขาเจ็บป่วยก็จะเป็นนางที่คอยดูแลอยู่ข้างกาย
“ลั่วหยาง เจ้าโกรธเกลียดข้าหรือไม่ที่ข้าทำตัวร้ายกาจทั้งยังทำร้ายเจ้า”ไม่รู้อะไรดลใจให้เฟิงหลิวเอ่ยถามออกไปอย่างนั้น คงเป็นความคิดที่อยากจะรู้ความรู้สึกของนางก่อนตายละมั้ง
“ข้าโกรธท่าน แต่ข้าไม่เคยเกลียดท่าน”หญิงสาวเอ่ยตอบกลับมา“หลังข้าได้รู้ว่าท่านต้องพบเจอกับอะไรบ้างในชีวิตความเกลียดชังก็หายไป ข้าคงโง่งมมากอย่างที่ท่านบอก ถึงได้ไม่นึกเกลียดคนที่ทำให้ข้าเจ็บปวดอยู่เสมอ”
นัยน์ตาอ่อนแสงหันมองใบหน้านิ่งเฉยของสตรีข้างกาย กระตุกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ก่อนเอ่ยในสิ่งที่หากตนยังมีสติครบถ้วนมากกว่านี้คงไม่คิดเอ่ยถาม
“หากชาติหน้ามีจริงเจ้าอยากจะมาอยู่ด้วยกันกับข้าไหม ถึงตอนนั้นข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี”
หญิงสาวยิ้มขำ“อยู่กับท่านหรือ ? ข้าขอให้ไม่มีชาติหน้าดีกว่ามาใช้ชีวิตอยู่กับท่าน”
นางตอบรับรวดเร็ว เด็ดเดี่ยว ไร้ซึ่งความอาลัยอาวรณ์
“นั่นสินะ ใครมันจะอยากอยู่กับคนที่ทำร้ายตนเองจริงไหม”เฟิงหลิวยิ้มขำ
ตลอดเวลาที่ผ่านมานางออกจะทำดีกับตนมากมาย ทั้งที่โดนทำร้ายมากขนาดนั้นแต่ไม่ต่อว่าเขาเลยสักครั้ง มีเพียงนัยน์ตาคู่นี้ซึ่งมักสะท้อนแววตัดพ้อออกมาให้เห็นเป็นครั้งคราว และดวงตาที่ว่าก็กำลังมองเขานิ่ง
ตันเถียนของเขาถูกดึงออกไปแล้ว อีกทั้งยังถูกมารดาส่งปราณเข้ามาปั่นป่วนให้อาการบาดเจ็บจากการผ่าตัดแย่ลง ตอนนี้ร่างกายแทบพยุงตนเองต่อไปไม่ไหวแล้ว อีกไม่นานคงถึงเวลาไปเสียที
“ลั่วหยางถึงตอนนี้จะสายไปแล้ว แต่ข้าขอโทษ ขอโทษที่ทำตัวร้ายกาจต่อเจ้า ข้าไม่ขอให้เจ้าอภัยให้ แต่ข้าขออวยพรให้ชีวิตต่อจากนี้ของเจ้ามีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้ ชีวิตที่ไม่มีข้าคงทำให้เจ้ามีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่”
น้ำเสียงของเขาขาดหายไปพร้อมลมหายใจที่หยุดลง
เฟิงหลิวจากไปแล้ว จากไปพร้อมคำพูดขอโทษและคำอวยพรครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของชีวิต
ลั่วหยางมองสามีที่นางได้มาอย่างไม่ทันตั้งตัวคนนี้นิ่ง สามีแสนใจร้ายที่ทำให้นางเจ็บปวดมานานหลายปี
หญิงสาวยื่นมือออกไปจับมือเขามาแนบใบหน้า เขาจากไปแล้วนางถึงได้กล้าทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน ก่อนน้ำตาที่เหือดแห้งไปนานจะไหลลงมาอีกครั้ง
ลั่วหยางหลับตาพริ้มซึมซับความอบอุ่นจากร่างกายที่ค่อย ๆ เย็นลงเป็นครั้งสุดท้าย ขยับปากตัดพ้ออีกฝ่ายเป็นครั้งแรกในชีวิต
“คนโง่งม ท่านไม่เคยรู้อะไรเลยจนวันตาย ไม่เคยรู้ถึงเหตุผลที่ข้าทนท่านมานานถึงขนาดนี้ ท่านมันคนโง่ไม่ยอมมองอะไรเลยนอกจากความรู้สึกของตนเอง หากท่านสามารถละทิ้งความโกรธ น้อยใจได้ ข้ากับท่านคงมีชีวิตคู่ที่ดีกว่านี้ ฮึก เฟิงหลิวคนโง่ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้าข้าก็อยากเป็นภรรยาท่าน”
