ตอนที่1-4
อิ่มอุ่นเพิ่งมารู้ไม่นานก่อนบิดาจะเสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็งผิวหนังว่า บิดาเป็นหนี้แม่เลี้ยงบุหงารวมต้นรวมดอกเบี้ยมากกว่าสิบห้าล้านบาท โดยเอาที่ดินแปลงนี้ไปจดจำนองไว้ร้อยละสองบาท แต่ขาดส่งดอกเบี้ยมาหลายปี หมดปัญญาที่จะหาเงินต้นหลายล้านที่กู้ยืมมาลงทุน จนบัดนี้มรดกผืนเดียวหลุดลอยไป ถูกผลัดเปลี่ยนมือไปเรียบร้อยแล้ว
และเธอเองก็คงไม่มีปัญญาหาเงินมากมายขนาดนั้นไปไถ่คืนมา ดีเท่าไรแล้วที่แม่เลี้ยงบุหงาไม่เร่งรัดยึดเอาไปขายทอดตลาดเอาเงินคืน เพียงแต่...มีเงื่อนไขหนึ่งที่แถมมาด้วยเท่านั้น
“แบบนี้ใช่ไหม ที่เขาเรียกว่าขายตัวแลกหนี้ ไม่ได้มีแค่ในละคร”
ความสดใสที่เคยมีในดวงตากลมโต แปรเปลี่ยนเป็นความขมขื่นสมเพชตัวเอง เสียงเครื่องบินที่ดังเบา ๆ ยามแหงนหน้าไปก็เห็นมันบินผ่านบ่อ ข้ามหัวเธอไปวันละหลายสิบลำ
“อีกไม่นานแล้วสินะ ฉันจะได้ขึ้นแกแล้ว”
ดวงหน้าหม่นเศร้า ไม่ได้ดีใจที่จะต้องเดินทางไกลด้วยเครื่องบินโดยสารภายในประเทศแต่กลับรู้สึกเศร้า เพียงแต่หญิงสาวไม่เคยแสดงออกด้วยการร้องไห้ออกมา
หลังบิดาเสียชีวิต อิ่มอุ่นเคว้งคว้าง ไม่เพียงตัวเองเท่านั้น แต่ยังมีครอบครัวของคนงานซึ่งต่างมีลูกหลานตาดำ ๆ คนเหล่านั้นคือคนในความรับผิดชอบของเธอ แม่เลี้ยงบุหงาท่านเป็นคนดี มีน้ำใจกว้างขวาง เธอเองก็คุ้นเคยกับท่านมาตั้งแต่เด็ก เพราะถ้าท่านมาเยี่ยมบิดาของเธอเมื่อใดก็จะนำขนมของอร่อยที่เด็กบ้านนอกอย่างเธอไม่เคยลิ้มลองติดไม้ติดมือมาฝากเสมอ แม้เวลานี้ผืนดินแห่งนี้ตกเป็นของท่านก็กลับอนุญาตให้อยู่ไปก่อน
จนกระทั่งเมื่อเดือนก่อน แม่เลี้ยงบุหงามาที่นี่พร้อมสามีฝรั่งพร้อมกับอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ทำให้เธอหน้าแดงร้อนผ่าวหลังจากรับรู้เจตนา
“ที่ดินสามร้อยไร่นี้ฉันจะคืนให้หนูอิ่มเป็นค่าสินสอด ถ้าหนูอิ่มยอมเป็นเมียตาเหม ลูกชายฉัน ครอบครัวคนงานทั้งหมดฉันจะรับเลี้ยงเอาไว้เอง ให้ทำงานต่อไปที่นี่ หนูอิ่มลองตัดสินใจดู ฉันไม่บังคับ แต่หนูอิ่มคงรู้ว่าควรจะทำอย่างไร”
แม่เลี้ยงบุหงายื่นข้อเสนอให้เธอตัดสินใจก่อนจะขับรถยุโรปคันหรูออกไป ทิ้งเธอให้จมดิ่งกับความคิดในระยะเวลาเพียงสามวันกับทางเลือกระหว่างจะเป็นสะใภ้ของท่าน หรือย้ายตัวเองและคนงานออกไปจากที่นี่เสีย
แล้วจะให้เลือกทางไหนได้ ให้เห็นแก่ตัวแล้วปล่อยครอบครัวคนงานไปไม่ไยดีอย่างนั้นหรือ? เธอทำแบบนั้นลงก็ใจร้ายเกินมนุษย์แล้ว
ในชีวิตที่ผ่านมา อิ่มอุ่นตั้งอกตั้งใจเรียนเป็นหลัก แม้จะมีชายหนุ่มรุ่นเดียวกันเพียรมาแจกขนมจีบสม่ำเสมอ บางครั้งเธอก็อยากคบชายหนุ่มหน้าตาดีมาเป็นแฟนสักคน หลายคนก็หล่อเหลาราวกับหนุ่มเกาหลีซึ่งมองแล้วก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจดีไม่น้อย แต่หญิงสาวก็ตัดใจไม่คบหาผู้ชายคนไหนเป็นแฟน เพราะรู้ตัวดีว่าเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวที่ฐานะครอบครัวกำลังเข้าขั้นวิกฤต ไม่อยากทำตัวเหลวแหลกให้บิดาต้องเครียดและทุกข์ใจ แต่ดูเหมือนโชคชะตาไม่ค่อยเข้าข้างเธอสักเท่าไร
“เหมราช ผู้ชายประเภทไหน จะสี่สิบแล้วยังไม่มีเมีย”
คุณเหมราชคนนั้น เธอไม่เคยเห็นเขาเลย เขาไม่เคยมาที่นี่ คุณบุหงาเคยเล่าให้บิดาเธอฟังว่าลูกชายของนางวัน ๆ เอาแต่หมกตัวอยู่ในไร่ชา เขาชอบทำงานท่ามกลางภูเขาที่อากาศเย็น ไม่ชอบบรรยากาศร้อน แสงแดดแรงจัดของจังหวัดสมุทรปราการ
“คนอะไรนะ ไม่รักบ้านเกิดแม่ตัวเองเลย”
ลูกกชายคนเดียวของแม่เลี้ยงบุหงาทำให้ไร่ชาของเขาดังกระฉ่อนไปทั่วประเทศ จนเวลานี้เปิดเป็นรีสอร์ตที่นักท่องเที่ยวต้องจองกันล่วงหน้าข้ามปีถึงจะมีโอกาสได้เข้าพัก จนเป็นที่มาของคำว่า ‘พักที่ไร่ชาเหนือฟ้า 1 คืนอายุยืนขึ้น 1 ปี’
