แผนการเอาคืนบ้านใหญ่
วันรุ่งขึ้น
วันนี้เจียหนิงลองเก็บผักในมิติออกมา 1 หัว เธอเอาก้านผักมาเป็นเหยื่อล่อปลา ก่อนจะใช้ไซดักปลาอันเก่าที่เห็นอยู่หลังบ้านมาเป็นเครื่องมือ ก้านผักหลายชิ้นถูกหย่อนใส่ในไซดักปลา จากนั้นเธอก็นำไซดักปลาไปวางไว้ตามซอกโขดหินที่เป็นทางน้ำไหล
"หวังว่าจะมีปลามาติดกับเรานะ มีเหยื่อล่อเมื่อไหร่โอกาสที่เราจะได้แก้แค้นก็มาเร็วขึ้นเท่านั้น"
เจียหนิงพึมพำกับเด็ก ๆ แต่เซียวเหรินที่ใช้ไม้เท้าคลำทางตามมาก็ได้ยินพอดี ใบหน้าของชายหนุ่มเผยรอยยิ้มบาง ๆ ให้กับนิสัยของภรรยา
"เธอเป็นคนที่ไม่ชอบเอาเปรียบใคร และไม่ชอบให้ใครเอาเปรียบจริง ๆ ด้วยสินะ"
เวลาเพียงแค่ 2 วันที่ทั้งคู่ได้ทำความรู้จักกัน เซียวเหรินคิดว่าอีกฝ่ายก็ดูเป็นคนจริงใจ ทว่าเขาก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง อาทิเช่นเนื้อไก่ป่าที่เขาได้กินไปเมื่อวาน ถึงสายตาของเขาจะมองไม่เห็น แต่ประสาทสัมผัสและการรับรู้ของเขากับไวต่อสิ่งรอบข้าง
"พี่เซียวเหรินเดินมาตามพวกเราเหรอคะ เดี๋ยวฉันกับเด็ก ๆ จะออกไปเก็บผักป่าเลยนะ ส่วนกับข้าวฉันเตรียมไว้ให้พี่ในบ้าน กุญแจบ้านอยู่ในถุงผ้าที่พี่สะพายอยู่"
"ครับ ระวังตัวกันด้วยนะ"
วันนี้เจียหนิงพาทุกคนกินข้าวแต่เช้าและออกเดินทางไปเก็บผักป่าเร็วหน่อย ทั้งนี้ก็เพราะเธออยากเห็นว่าจะมีปลามากินก้านผักหรือไม่ หากมีจะได้ดำเนินตามแผนการขั้นต่อไป
"จ้ะ"
"เดี๋ยวซูซูจะรีบกลับมานะคะพ่อ"
"ครับ ซูซูอย่าอยู่ห่างแม่กับพี่ชายอาโต้วนะลูก"
"รู้แล้วค่า"
วันนี้ทั้งสามคนเดินเข้าป่าตั้งแต่ 8 โมงเช้า ทุกอย่างก็ยังเป็นไปเช่นเคย ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังจุดที่มีผักป่าเกิดเป็นจำนวนมาก ใครไปถึงก่อนก็ได้เก็บเร็วกว่า แล้ววันนี้พวกเขาก็โชคดีมากที่ได้เจอกับเครือมันหวานที่เกิดอยู่ชายป่า
"พี่สาวครับ เราต้องใช้มีดขุดดินตรงนี้ นี่เป็นต้นเผือก เราจะมีเผือกหัวใหญ่กินแน่นอนครับ"
อาโต้วรีบชี้ไปที่ต้นเผือก จากนั้นเจียหนิงก็วางตะกร้าลงแล้วลงมือขุดทันที ขุดไปไม่ลึกก็เจอหัวเผือกหัวใหญ่ เด็ก ๆ ทั้งสองคนจึงเข้ามาช่วยกันดึงขึ้นจากดิน เจียหนิงจึงใช้มีดพร้าตัดใบของมันออกแล้วเก็บเอาแต่หัวเผือกใส่ตะกร้า
"หู้ว..ได้เยอะมากเลยพี่ชาย พวกเราไม่ต้องหิวแล้ว"
"ใช่ ๆ รอดตายแล้วซูซู"
"ได้มาครึ่งตะกร้า งั้นเราไปเก็บผักป่ากันต่อเถอะลูก เต็มตะกร้าแล้วจะได้รีบกลับบ้าน"
"ครับ/ค่า"
วันนี้ทั้งสามคนใช้เวลาเก็บผักป่าไม่นานก็กลับออกมา เป็นเวลาเที่ยงวันพอดีที่ทั้งสามคนกลับมาถึงบ้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่เซียวเหรินนั่งกินข้าวอยู่ เจียหนิงจึงให้เด็กไปกินข้าวก่อน ส่วนตัวเธอจะเดินไปดูปลาที่คลองน้ำ
"กลับมากันแล้วเหรอ?"
"กลับมาแล้วพ่อจ๋า"
"ซูซูกับอาโต้วไปล้างมือแล้วมาตักข้าวกินเลยนะลูก เดี๋ยวแม่จะเดินไปดูปลาสักหน่อย"
"ครับ ไปล้างมือกันซูซู"
"อื้อ ไปล้างมือกัน"
เจียหนิงมุ่งหน้าไปที่คลองน้ำหลังบ้านด้วยใจที่จดจ่อ พอไปถึงเธอก็รีบไปดูไซดักปลาที่วางเอาไว้ตรงซอกโขดหิน ภาพที่เห็นทำให้เธอทั้งตกตะลึงและตื่นเต้นดีใจ ปลาช่อนตัวใหญ่เข้าไปอยู่ในไซอันเก่าอย่างแน่นขนัดพลางดิ้นไปมาจนไซเก่า ๆ เกือบแตกออกจากกัน
"ซูซู อาโต้ว เอากะละมังมาให้แม่หน่อยเร็วเข้า"
ไซดักปลาอันเก่าถูกลากขึ้นมาจากน้ำอย่างระมัดระวัง ไม้ไผ่ที่ใช้สานไซค่อนข้างเก่าและผุจนมีรอยแตกหลายจุด
"มาแล้วครับพี่สาว โห..ได้ปลาเยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ ชาวบ้านคนอื่นก็ดักปลาเหมือนกันแต่ผมไม่เคยเห็นใครได้เยอะขนาดนี้มาก่อนเลย"
อาโตว้รีบยกกะละมังมาให้เจียหนิง ทันทีที่เห็นปลาเด็กชายตัวน้อยก็ตื่นตะลึงกับความโชคดีของพี่สาวคนสวย
"ว้าว ได้ปลาเยอะแยะเลย แม่เจียหนิงเก่งสุด ๆ"
"ไม่ต้องชมแม่แล้ว มาช่วยกันเก็บปลาใสกะละมังเร็วเข้า เห็นทีเราต้องขังปลาพวกนี้ไว้เป็นอาหารอีกหลายวันหน่อย คราวนี้คงต้องให้พ่อของลูกช่วยทำไซดักปลาอันใหม่ที่แข็งแรงกว่านี้"
ทันทีที่เจียหนิงยกไซดักปลาขึ้น เพื่อเทปลาใส่ในกะละมัง ด้วยน้ำหนักของปลาที่มีมากหลายกิโลจึงทำให้ไซอันเก่าขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดี
"โอ๊ะ ขาดหมดเลยแม่เจียหนิง"
"ไว้ค่อยให้พ่อของลูกทำอันใหม่เสร็จ แม่จะพาทั้งสองคนมาดักปลาอีกนะ ไปกันเถอะ ได้เวลาแก้แค้นของเราแล้ว"
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เจียหนิงรู้ว่ามีโอกาสที่จะเอาคืนหวังฮุยและหวังซินได้ ตราบใดที่ยังมีอาหารมาหลอกล่อ เธอจึงตัดสินใจให้ซูซูลูกสาวคนเล็กของเธอเอาผักป่าที่เก็บมาไปส่งที่คอมมูน โดยระหว่างทางเธอให้ซูซูพูดคุยเสียงดังเกี่ยวกับการจับปลาตัวใหญ่มาได้
ช่วงบ่าย 3 โมง
เป็นอีกวันที่หวังเซียวเหรินเดินเอาผักป่าไปส่งที่คอมมูนกับเด็ก ๆ ทุกอย่างอยู่ในแผนการที่เจียหนิงวางเอาไว้ ทุกคนในบ้านรวมไปถึงอาโต้วต่างก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดึ
"วันนี้แม่จับปลาตัวใหญ่ได้หนึ่งตัวนะ!"
หวังซูซูพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น ขณะเดินไปตามทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้และหญ้าสีเขียว
"พี่สาวบอกว่าวันนี้จะย่างไฟโรยเกลือร้อน ๆ ให้พวกเรากิน คิดว่าส่งผักที่คอมมูนเสร็จ พอกลับไปถึงบ้านก็ได้กินปลาตัวใหญ่นั่นทันที"
หวังฮุยที่อยู่ไม่ไกลได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาและหวังซินแม่ของเขากำลังแอบดักฟังอยู่ในเงามืดของต้นไม้ หวังฮุยแสดงสีหน้าตื่นตาเมื่อได้ยินเรื่องปลาตัวใหญ่ เขารู้ว่าโอกาสนี้จะทำให้เขาได้ของอร่อยจากบ้านของซูซูอีกครั้ง
สองแม่ลูกกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างได้ใจ ต่อให้พวกเขาขโมยไปบ้านรองก็ไม่กล้าพูดอะไรอยู่แล้ว จะทำอย่างไงได้ในเมื่อหวังหลิวพ่อของเขาคือลูกรักของปู่ ยังไงปู่ก็เข้าข้างและปกป้องเขาอยู่ดี
ที่บ้านดินท้ายหมู่บ้าน
เจียหนิงตั้งใจพูดให้สองแม่ลูกที่ซุ่มอยู่ใกล้ ๆ ได้ยิน จากนั้นก็เดินไปที่คลองหลังบ้านเพื่อเตรียมการตามแผนที่ได้วางไว้ เธอได้ย่างปลาไว้จริง ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็โรยยาถ่ายที่มีลักษณะคล้ายเกลือลงไปบนเนื้อปลา เพื่อให้หวังฮุยและหวังซินได้ตกหลุมพราง
"อื้อ หอมจริง ๆ เอ๊ะ ลืมตักน้ำใส่ตุ่ม แย่แล้ว ๆ"
เจียหนิงทำท่าทางบ่นพึมพำอยู่คนเดียว ก่อนจะหยิบถังน้ำแล้วเดินไปที่คลองหลังบ้านด้วยท่าทีไม่รีบร้อน
หวังฮุยและหวังซินรอจนแน่ใจว่าเจียหนิงเดินห่างไปแล้ว จึงค่อย ๆ ย่องเข้าไปในครัวบ้านของเจียหนิงอย่างย่ามใจ พวกเขาคิดว่าการขโมยปลาในครั้งนี้จะเป็นการกระทำที่คุ้มค่า เมื่อแลกกับความอร่อยด้วยรสชาติของปลาที่สดใหม่
"เร็วเข้า! เราต้องเอามันมาให้ได้!"
หวังซินกระซิบเสียงดัง ขณะที่พวกเขาเข้าไปยังครัวที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของปลา การแอบเข้าไปในครัวนั้นเกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ เมื่อเห็นปลาอยู่บนเตาหวังฮุยตื่นเต้นอย่างมาก ปลาตัวใหญ่ถูกเขาจับยัดใส่ถุงผ้าแล้วเตรียมที่จะออกไปยังทางหลังบ้าน
"เร็วอาฮุยลูกแม่! เราต้องออกไปก่อนที่พวกนั้นจะกลับมา!"
หวังซินพูดด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย ขณะที่พวกเขารีบทำการขโมยปลา
ในขณะนั้น เจียหนิงที่แอบมองอยู่จากทิศทางคลองหลังบ้าน รู้สึกถึงความพอใจในแผนที่วางไว้ เธอไม่รีบร้อนที่จะเข้าไปขัดขวาง แต่รอให้พวกเขาได้ลิ้มลองรสชาติของปลาที่มียาถ่ายเคลือบไว้เสียก่อน
สองแม่ลูกเดินกลับบ้านไปอย่างมีความสุขโดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่รออยู่คืออะไร ระหว่างทางหวังซินกับหวังฮุยได้เจอเซียวเหรินกับซูซูและอาโต้ว สองแม่ลูกยังพูดเย้ยหยันได้อย่างไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี
"พวกหน้าโง่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปกันลูก กลับไปกินของอร่อยที่บ้านของเราดีกว่า"
พอทั้งสามคนเดินกลับมาถึงบ้านก็พบว่าบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารกลิ่นหอมหวน มีทั้งปลาต้มผักดอง ผักผักกูดและปลาช่อนย่างเกลือตัวใหญ่
"กลับมากันแล้ว ไปล้างมือแล้วมากินข้าวได้เลย เสร็จแล้วจะได้ไปอาบน้ำ"
"ครับ/ค้าบพี่สาว/ค่ะแม่เจียหนิง"
มื้อค่ำวันนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความเอร็ดอร่อย เจียหนิงต้องคอยเติมข้าวให้ทั้งสามคนอยู่บ่อยครั้ง พอกินข้าวเสร็จอาโต้วก็แยกกลับบ้านของตัวเอง ส่วนสองคนพ่อลูกก็แยกไปอาบน้ำที่คลองหลังบ้าน
ช่วงเวลา 1 ทุ่มหลังจากไฟฟ้าถูกดับลง เจียหนิงจึงรีบเดินไปจุดตะเกียงน้ำมันก่อนจะเดินเข้าไปคุยกับสามีของเธอ
"อาหนิงมีอะไรรึเปล่า?"
เซียวเหรินได้ยินเสียงเปิดประตูจึงเอ่ยถาม ส่วนลูกสาวตัวน้อยของเขานอนหลับใหลไปตั้งแต่หัวถึงหมอน ถึงจะแต่งงานกันแล้วแต่ทั้งคู่ก็ยังแยกห้องกันนอนเหมือนเดิม
"ฉันอยากคุยกับพี่เรื่องอาโต้ว"
"ทำไมเหรอ? อาหนิงไม่ชอบอาโต้วเหรอ ถ้าเค้าทำอะไรผิดพลาดก็อย่าไปถือสาเลยนะ อาโต้วเป็นเด็กตัวคนเดียวอาจจะมีบ้างที่ทำอะไรไม่เหมาะไม่ควร"
"ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่ ฉันแค่อยากจะปรึกษาพี่ ถ้าเราจะขอรับอาโต้วมาเป็นลูกบุญธรรม พี่จะเห็นด้วยไหม ฉันสงสารเด็ก ไม่รู้ว่าค่ำมืดอย่างนี้จะอยู่แบบไหน เวลาฝนตกฟ้าร้องจะอยู่ยังไง พี่ไม่ต้องห่วงเรื่องข้าวปลาอาหาร ฉันสามารถหาให้ทุกคนกินได้อย่างไม่อดอยาก"
เจียหนิงรีบอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจถึงความคิดของเธอ เซียวเหรินพอได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาบาง ๆ เขาอยากเห็นหน้าเธอเหลือเกิน ไม่รู้ใบหน้าของเธอเป็นแบบไหน คนที่ไม่รังเกียจคนตาบอกอย่างเขา แถมยังรับได้ที่เขามีลูกติด นี่ยังอยากจะช่วยเหลือเด็กกำพร้าอีก เธอต้องเป็นคนที่จิตใจดีมากแน่ ๆ
"พี่เชื่อว่าอาหนิงทำได้ แล้วพี่ก็เห็นด้วยกับความคิดของอาหนิง"
"จริงเหรอพี่เซียวเหริน?"
"จริงครับ ไว้พี่จะคุยเรื่องนี้กับลุงหัวหน้าหมู่บ้าน แล้วให้ท่านช่วยทำเอกสารให้ด้วย"
เจียหนิงดีใจจนเผลอจับมือของสามีเอาไว้แน่น
"เอ่อ..งั้นฉันขอตัวไปนอนก่อนนะคะ"
"เดี๋ยวสิ แล้วเรื่องที่พักของอาโต้วละ ถ้าอาโต้วมาอยู่กับเราพี่คิดว่าห้องที่อาหนิงอยู่ เราควรยกให้อาโต้วนะ ว่าแต่อาหนิงจะย้ายมาอยู่กับพวกเราสองพ่อลูกได้ไหม?"
สายตาของเจียหนิงปราดมองไปรอบห้อง พอเห็นว่าเตียงเตาในห้องนี้เป็นเพียงใหญ่พอที่จะนอนได้สามคนเธอก็ตัดสินใจได้ทันที
"ได้ค่ะ ฉันจะย้ายมานอนที่ห้องนี้กับพี่กับซูซู"
"อาหนิงไม่รังเกียจพี่เหรอ?"
"รังเกียจทำไมกันคะ เราเป็นสามีภรรยากันนะ อีกอย่าง...."
เจียหนิงจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของสามีราวกับต้องมนต์สะกด เค้าหล่อจริง ๆ นะ แถมยังมีเสน่ห์มากด้วย
"อีกอย่างอะไร พูดให้จบสิ หึ"
"อีกอย่างพี่ก็หล่อมากด้วย ฉันมองพี่ได้ทั้งวันเลยนะ มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ"
หากสังเกตดูดี ๆ จะเห็นว่าใบหน้าของเซียวเหรินแดงซ่านไม่แพ้กัน ส่วนเสิ่นเจียหนิงนั้น.. เธอได้แต่อยากจะกัดลิ้นตัวเองเพราะความอาย นี่เธอกลายเป็นคนก้อร่อก้อติกผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
