ส่งผักป่า
"โห..มีหน่อไม้หน่อใหญ่ตั้ง 3 หน่อ อย่างนี้ต้องเก็บให้หมด"
พอเดินไปถึงกอไผ่เจียหนิงก็สำรวจบริเวณโดยรอบ เธอได้พบหน่อไม้ไผ่หวาน 3 หน่อใหญ่ที่อวบอัดน่ากิน มีดพร้าที่อยู่ในมือถูกใช้สับหน่อไม้ทั้ง 3 หน่อภายในเวลาสั้น ๆ
ฉับฉับ ฉับ
หลังจากเก็บหน่อไม้ใส่ตะกร้าแล้วเจียหนิงจึงรีบเอาไข่ไก่ในบ้านที่อยู่ในมิติออกมา 6 ฟอง พร้อมกับยืมตัวเจ้าไก่ตัวอ้วนในมิติออกมาช่วยแสดงละคร
พรึบ
กะต๊าก กะต๊าก
"ชู่ว์..อย่าโวยวาย ฉันไม่ฆ่าแกหรอก เพียงแต่ต้องขอให้แกช่วยแสดงละครก็เท่านั้น เอาเป็นว่าแกช่วยเป็นไก่ป่าให้ฉันหน่อยนะ พอถึงบ้านฉันจะเอาเนื้อไก่ในตู้เย็นออกมา แล้วจะส่งแกกลับเข้าไปในมิติเหมือนเดิม"
แม่ไก่ตัวอ้วนจ้องหน้าเจียหนิงราวกับเข้าใจว่าเธอพูดอะไรอยู่ จากนั้นมันก็ยอมให้เธออุ้มอย่างง่ายดายและไม่โวยวายอะไรอีก
"หู้วว แม่เจียหนิงจับไก่ได้ตัวเบ้อเร่อเลยพี่ชายอาโต้ว"
แปะ แปะ แปะ
"ตัวใหญ่จริง ๆ ด้วย พี่สาวเก่งมากเลย"
"วันนี้เรามีกับข้าวแล้ว งั้นกลับบ้านกันเลยดีไหมเด็ก ๆ อาโต้วก็อยู่กินข้าวด้วยกันนะ พี่สาวจะทำเผื่อ ส่วนซาลาเปาลูกที่เหลือก็เอาออกมากินได้เลย อย่าปล่อยให้ตัวเองหิว"
"ครับพี่สาว"
ทั้งสามคนเดินออกจากป่าพร้อมตะกร้าที่อัดแน่นไปด้วยผักป่านานาชนิด วันนี้ใบหน้าของทุกคนต่างก็สุขล้นพลางจ้องมองเจ้าไก่ตัวอ้วนเป็นระยะ กว่าพวกเขาจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาเกือบบ่าย 3 โมงแล้ว
"กลับมากันแล้วเหรอ"
หวังเซียวเหรินที่กำลังนั่งลงกาวถังน้ำอยู่หน้าบ้านเอ่ยขึ้น เขาได้ยินฝีเท้าของทั้งสามคนเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งชัดว่าเป็นฝีเท้าแผ่วเบาของสตรีและเด็ก
"พวกเรากลับมาแล้วพ่อจ๋า วันนี้เราโชคดีมากเลย แม่จับไก่ป่าตัวใหญ่ได้ตั้งหนึ่งตัวแหนะ"
"จริงเหรอ? แม่ของลูกเก่งมากจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นพ่อจะพาเอาผักไปส่งที่คอมมูนดีไหม ให้แม่ของลูกทำกับข้าวรออยู่ที่นี่ แล้วลูกจะอยู่กับแม่ของลูกไหม?"
"ซูซูจะไปคอมมูนด้วยค่ะ"
"เอาอย่างนั้นก็ได้พี่เซียวเหริน ฉันจะได้ไปเก็บผ้าที่ตากไว้ด้วย"
เซียวเหรินอาสาจะนำผักป่าไปส่งที่คอมมูน แต่เด็ก ๆ ขอไปด้วย เจียหนิงจึงเห็นโอกาสนี้ในการจัดการความลับของเธอ โดยเก็บไก่ตัวเป็น ๆ เข้ามิติและนำเนื้อไก่ในตู้เย็นออกมาแทน
"ไปกันอาโต้ว กว่าพวกเราจะกลับมาถึงกับข้าวคงเสร็จพอดี"
ขณะที่เซียวเหริน อาโต้ว และซูซูเดินไปที่คอมมูน ทั้งสามคนก็พูดคุยเรื่องต่าง ๆ กันอย่างสนุกสนาน ขณะเดียวกันเด็กน้อยทั้งสองก็ช่วยกันคอยเป็นสายตาแทนเซียวเหรินไปด้วย
กว่าจะเดินไปถึงคอมมูนต้องใช้เวลาเกือบ 40 นาทีเพราะดวงตาที่มืดมิดของเซียวเหรินเป็นอุปสรรคใหญ่กับการเดินทาง อีกทั้งที่ตั้งของคอมมูนก็อยู่อีกฟากฝั่งของหมู่บ้าน ระยะทางจึงห่างกันพอสมควร
"มากันแล้วเหรอเซียวเหริน วางก่อน ๆ"
หัวหน้าหมู่บ้านรีบเอ่ยทักทายเมื่อเห็นเซียวเหรินกับเด็ก ๆ สะพายตะกร้าผักมาถึงคอมมูน
"สวัสดีครับลุงจาง ผมกับเด็ก ๆ เอาผักป่ามาส่งครับ"
"ได้ ๆ เดี๋ยวลุงจะลงแต้มให้นะ ว่าแต่..ภรรยาของนายที่แต่งเข้าเมื่อวานเป็นยังไงบ้าง ไม่ออกมาช่วยงานเลยเหรอ?"
หัวหน้าหมู่บ้านจางเฮ่อถามด้วยความเป็นห่วง เดิมทีเรื่องราวของหวังเซียวเหรินเขาก็รู้พอสมควร กลัวก็แต่เด็กสาวที่แต่งให้เซียวเหริน จะกลายมาเป็นภาระใหญ่ที่ทำให้ชีวิตสองคนพ่อลูกหนักอึ้งยิ่งกว่าเดิม
"ช่วยครับลุง ผักพวกนี้เจียหนิงกับเด็ก ๆ ก็ช่วยกันไปเก็บมา พอดีเธอได้ไก่ป่ามาอีกหนึ่งตัวตอนนี้ก็เลยทำกับข้าวอยู่ ผมเลยอาสาเอาผักป่ามาส่งแทนครับ"
"ดี ๆ ช่วยกันทำมาหากินแบบนี้ก็ดีแล้ว มาเถอะลุงจะลงแต้มให้จะได้รีบกลับบ้าน"
ขณะนั้นเองบ้านหลักหวังที่ทำงานอยู่ในแปลงนาต่างก็จ้องมองมาที่หวังเซียวเหรินอยู่เป็นระยะ หลังจากส่งผักและลงแต้มงานเสร็จทั้งสามคนก็เดินกลับบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"ไม่รู้ว่าป่านนี้แม่เจียหนิงจะทำอะไรให้พวกเรากินบ้าง แต่ซูซูบอกแม่เจียหนิงแล้วนะว่าซูซูอยากกินไก่ย่าง"
หนูน้อยซูซูก็พูดด้วยความตื่นเต้นเมื่อนึกถึงไก่ย่างเหลืองหอมที่เธออยากกิน ขณะนั้นเอง หวังฮุย ลูกพี่ชายของหวังเซียวเหรินได้ยินเข้า ก็เกิดความคิดที่จะไปแย่งเอาไก่ป่าตัวนั้น มาเป็นอาหารสำหรับครอบครัวของเขา
"เดี๋ยวกลับไปถึงบ้านก็รู้แล้วซูซู"
"ฮะ ฮะ จริงด้วย แต่ซูซูก็อดตื่นเต้นไม่ได้นี่นาพี่ชายอาโต้ว"
ระหว่างนั้นเองหวังฮุยได้วิ่งกลับไปบอกหวังซินมารดาของเขาที่ทำงานอยู่ในคอมมูน พอหวังซินได้ยินแบบนั้นก็รีบลางานแล้วมุ่งหน้าไปที่บ้านรองหวังที่ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน แน่นอนว่าฝีเท้าของสองคนแม่ลูกที่สายตาเป็นปกติย่อมต้องเร็วกว่าคนที่มองไม่เห็นแน่นอน
"เร็วเข้าสิเจ้าลูกคนนี้ แกมัวแต่เดินอืดอาดแบบนั้นเมื่อไหร่จะไปถึง"
หวังซินต่อว่าลูกชายวัย 8 ขวบที่ตัวอ้วนใหญ่แต่กลับเดินเชื่องช้าไม่ทันใจเธอ
"เร็วแล้วแม่ แค่นี้ผมก็เหนื่อยจะแย่แล้วนะ"
"อย่ามาเถียงนะ หรือแกจะไม่กินไก่ย่างนั่น"
"กินสิ! ยังไงผมก็ต้องกินอยู่แล้ว"
เถียงกันเสร็จสองแม่ลูกก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อให้ถึงบ้านรองหวังโดยเร็วที่สุด
บรรยากาศในบ้านของเจียหนิงเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของน้ำแกงไก่ที่กำลังเคี่ยวอยู่ในหม้อ ผักหนามป่าที่เก็บมาถูกหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำลงไปผัดในกระทะร้อน ข้าวหุงสุกที่อยู่ในหม้ออบก็ส่งกลิ่นหอมฟุ้งทั่วบ้าน ขณะเดียวกัน เจียหนิงกำลังทำงานอยู่ในครัว แต่เธอไม่รู้เลยว่ามีคนที่หมายตาไก่ย่างที่เธอย่างเอาไว้บนเตาไฟอ่อน ๆ
"แม่ นังคนนั้นเดินออกจากครัวไปแล้ว"
"เร็วเข้า เราจะใช้จังหวะนี้แหละเข้าไปขโมยไก่ย่างของมันออกมา หน๋อยแหนะไอ้พวกหมาป่าตาขาว มีของดีไม่รู้จักนำไปส่งบ้านใหญ่เพื่อแสดงความกตัญญู งั้นพวกแกก็ไม่ต้องกิน สมน้ำหน้า"
เมื่อเจียหนิงเดินออกไปเก็บผ้าที่ตากไว้หลังบ้าน หวังฮุยและหวังซินแม่ของเขาก็แอบเข้าไปในครัว พวกเขามีแผนการที่จะขโมยไก่ย่างที่เจียหนิงทำไว้ ไก่ย่างชิ้นนี้จะทำให้ครอบครัวของเขามีอาหารดี ๆ สำหรับมื้อค่ำ
ในขณะที่หวังฮุยกำลังจะยกไก่ย่างขึ้นมา หวังซินก็มองอยู่ด้วยความพอใจ แต่แล้วเสียงของอาโต้วและซูซูที่กลับมาจากการส่งผักป่าก็ดังขึ้นในบ้าน
"แม่เจียหนิง! เรากลับมาแล้ว!"
ซูซูเรียกเสียงดัง เมื่อเห็นเจียหนิงเดินไปเก็บผ้า ทันใดนั้นหวังฮุยก็รู้สึกตื่นตระหนก เขารีบยัดไก่ย่างใส่ในถุงผ้าแล้วพยายามจะถอยออกไปจากครัว แต่ไม่ทันที่เขาจะออกไปได้ หวังซูซูก็เข้ามาเห็นพอดี
"หยุดนะ! นั่นคือไก่ของแม่เจียหนิง! พี่กับคุณป้าคิดจะมาขโมยไก่ย่างของบ้านเราเหรอ"
ซูซูตะโกนเสียงดัง พร้อมกับวิ่งเข้าไปประจันหน้ากับสองคนแม่ลูกเพื่อจะเอาไก่ย่างคืนมา หวังฮุยไม่ทันคิด เขาหวังแต่จะรักษาไก่ย่างชิ้นนั้นเอาไว้จึงผลักซูซูไปข้างหน้า ทำให้เธอล้มลงไปบนพื้น และแขนของเธอถลอกจนเลือดไหล
ผลั๊ก!
"อ๊ะ โอ๊ยพ่อจ๋า ฮื้ออ"
"ซูซู! เกิดอะไรขึ้น"
เซียวเหรินได้ยินเสียงลูกสาวร้องดังขึ้น จึงให้อาโต้วรีบพาเข้ามาในครัว พร้อมกับควานหาลูกน้อยแล้วเอ่ยถามด้วยความตกใจ
"พวกเขาขโมยไก่!"
ซูซูร้องไห้และกอดขาของพ่อไว้ แต่หวังเซียวเหรินเองก็ไม่รู้ว่าขโมยที่อยู่เบื้องหน้านั้นคือใคร ในขณะที่อาโต้วพยายามเข้ามาช่วยซูซู เขาก็ถูกหวังซินใช้ไม้ฟาด ทำให้เขาเจ็บแขนและถอยกลับไป
พั๊ว!
"โอ๊ย เจ็บนะป้าใจร้ายขี้ขโมย"
"ไอ้เด็กเหลือขอ ไอ้เด็กกำพร้าไม่มีใครเอา แกกล้าดียังไงมาว่าฉัน"
พอได้ยินเสียงของอีกฝ่ายหวังเซียวเหรินถึงได้รู้ว่าคนคนนั้นก็คือพี่สะใภ้ของเขาเอง
"พี่สะใภ้ คุณมาที่นี่ทำไม?"
ยังไม่ทันที่หวังซินจะได้ตอบอะไร เสิ่นเจียหนิงที่ได้ยินเสียงเอะอะก็รีบเดินมาที่ครัว เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เธอก็รู้สึกโกรธจัด และเดินตรงไปหาหวังซิน
"คืนไก่มา!"
เจียหนิงตะโกนเสียงดัง ทำให้หวังซินหันมามองด้วยความเย็นชา
"ทำไมฉันต้องคืน? นี่มันเป็นของเราแล้ว"
หวังซินตอบด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
"มันไม่ใช่ของคุณ! คุณไม่ควรขโมยของคนอื่น!" เจียหนิงโต้กลับ
"..."
ในขณะที่ซูซูนั่งร้องไห้ เจียหนิงรู้สึกเจ็บปวดใจที่เห็นลูกสาวต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอจึงพูดปลอบใจลูกสาว พร้อมกับประคองหนูน้อยให้ออกมาประจันหน้ากับความจริงด้วยความเข้มแข็ง
"ไม่ต้องร้องนะลูก ลุกขึ้นมาประจันหน้ากับความจริง อย่าได้อ่อนแอและเสียน้ำตาให้กับคนหน้าไม่อายพวกนี้"
"อื้อ ซูซูรู้แล้ว คนขี้ขโมยฉกฉวยสิ่งของของคนอื่นคือคนไม่ดี"
ใบหน้าของหวังเซียวเหรินได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจ เสิ่นเจียหนิงสอนลูกของเขาได้ดีไม่น้อย ต่างจากหวังซินเห็นเมื่อได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกไม่พอใจ เธอจึงหันหลังและเดินจากไป โดยไม่คืนไก่ให้แม้แต่ชิ้นเดียว
"พะ..พวกแก! อย่าหวังเลยว่าฉันจะคืนไก่ย่างชิ้นนี้ให้แก อาฮุยกลับบ้าน!"
"อื้อ แบร่ แบร่ สมน้ำหน้าไม่มีไก่ย่างกิน ฮะ ฮะ สมน้ำหน้า"
สองแม่ลูกหันมาเยาะเย้ยหนูน้อยหวังซูซูจากนั้นก็เดินกลับบ้านไปอย่างรวดเร็ว เสิ่นเจียหนิงมองตามทั้งคู่ด้วยแววตาซับซ้อน เธอมีแผนการที่จะเอาคืนสองแม่ลูกอย่างสาสมวันนี้จึงปล่อยให้ทั้งคู่ลอยนวลไปก่อน
เจียหนิงจึงพาลูกกลับเข้ามาในครัวและทำแผลให้ซูซูกับอาโต้วอย่างเบา ๆ แต่แววตาของเด็ก ๆ กลับดูหม่นเศร้าพร้อมกับพึมพำออกมา
"ซูซูเสียดายไก่ย่าง ครั้งหน้าซูซูจะเฝ้าให้ดี"
"ซูซูอย่าเศร้าไปเลยลูก แม่จะทำไก่กระเทียมอร่อย ๆ ให้ลูกกับพี่ชายอาโต้วชิมดีไหม?"
เจียหนิงพูดด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม ก่อนที่เธอจะเดินไปหยิบกระเทียมมาสับแล้วหยิบเนื้อไก่มาหั่นให้เป็นชิ้นพอดีคำ
"ไก่ยังเหลือเหรอแม่เจียหนิง?"
หนูน้อยเอ่ยถามแม่เลี้ยงด้วยแววตาเป็นประกาย
"เหลือสิจ๊ะ กินอีก 2 วันก็ไม่หมด ลูกลืมไปแล้วเหรอว่าไก่ตัวนั้นอ้วนขนาดไหน?"
"จริงด้วย!"
ไม่นานกลิ่นกระเทียมในกระทะก็หอมฟุ้งไปทั่วครัว เจียหนิงเทเนื้อไก่ที่หั่นไว้ลงไปผัดก่อนจะเติม น้ำมันหอย ซีอิ๊ว น้ำตาลลงไปแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน เพียงไม่นานไก่กระเทียมก็ถูกตักใส่จาน
เมื่ออาหารพร้อม เสียงของถ้วยชามที่วางกระทบบนโต๊ะไม้ทำให้บรรยากาศในครัวเต็มไปด้วยความอบอุ่น ไม่ช้าโต๊ะอาหารก็ถูกจัดเต็มไปด้วยของอร่อย ทั้งน้ำแกงไก่ที่หอมกรุ่น ข้าวสวยร้อน ๆ และไก่กระเทียมหอมหวนและผัดผักป่ายอดอวบน่ากิน
"มากินข้าวกันเถอะ!"
เจียหนิงเรียกเด็ก ๆ กับสามีมานั่งที่โต๊ะอาหาร อาโต้วและซูซูนั่งลงอย่างตื่นเต้น เมื่อได้เห็นอาหารที่เต็มไปด้วยสีสันและกลิ่นหอม ทำให้พวกเขาลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไปเสียสนิท
"แม่ทำอาหารอร่อยที่สุดเลย จริงไหมพี่ชายอาโต้ว" ซูซูพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
"อื้อ พี่เห็นด้วย"
"อาโต้วก็กินเยอะ ๆ เลยนะไม่ต้องเกรงใจ จากนี้ไปก็มากินข้าวที่นี่ทุกมื้อเลย พี่สาวจะดูแลนายเอง มาเป็นพี่ชายให้ซูซู น้องจะได้มีเพื่อนเล่น"
"ครับพี่สาว"
เด็กชายตัวน้อยยิ้มแก้มปริ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีใครพูดแบบนี้ นานแต่ไหนแล้วที่ไม่มีใครต้องการเขา ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีแต่คนขับไล่ไสส่งเพราะกลัวว่าเขาจะไปขอข้าวขอน้ำกิน
"พี่เซียวเหรินก็กินเยอะ ๆ ถ้วยน้ำแกงอยู่ตรงนี้ ถ้วยข้าวอยู่ตรงนี้ ฉันตักกับข้าวใส่ในถ้วยให้แล้วนะคะ"
เจียหนิงพูดพร้อมกับจับมือของเซียวเหรินให้สัมผัสดูว่าอะไรอยู่ตรงไหน จากนั้นก็วางตะเกียบใส่ในมือของเขา ขณะเดียวกัน เซียวเหรินก็เริ่มระบายความวิตกกังวลจนฉายชัดบนใบหน้า
"..."
"มีอะไรเป็นกังวลรึเปล่าคะ"
"พี่กลัวว่าพี่สะใภ้จะมาขโมยอาหารเราอีกในวันหลัง ทั้งที่ในสัญญาตัดขาดก็มีข้อกำหนดที่สั่งห้ามเอาไว้ชัดเจนแล้ว"
เจียหนิงพยักหน้าและคิดว่าต้องมีวิธีจัดการกับสองแม่ลูกขี้ขโมยนี้อย่างเจ็บแสบ เธอไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปได้ โดยเฉพาะเมื่อเห็นลูก ๆ ต้องเผชิญกับความเจ็บปวด
"ฉันจะคิดแผนการให้พวกเขาได้รู้สำนึก เดี๋ยวกินข้าวเสร็จพี่ช่วยเอาสัญญานั้นมาใช้ฉันดูหน่อยได้ไหมจ๊ะ"
เจียหนิงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"ได้สิ กินข้าวเสร็จเดี๋ยวพี่จะเอาออกมาให้ดู"
