เข้าเมือง 2
"เงิน 200 หยวนเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายวันนี้ อาหนิงอยากซื้ออะไรก็ซื้อได้เต็มที่ ที่พี่ยังพอมีเงินเก็บอยู่อีกส่วนหนึ่ง แล้วก็พวกนี้เป็นคูปองที่ต้องใช้"
เงิน 200 หยวนที่ได้มาจากบ้านใหญ่หวัง เซียวเหรินส่งให้ภรรยานำไปใช้จ่ายได้ตามที่เธอต้องการ เพราะทุกอย่างในบ้านตอนนี้มีแต่เจียหนิงที่เป็นเสาหลัก
"โห ให้ฉัน 200 หยวนเลยเหรอพี่ มันเยอะมากเลยนะ"
เท่าที่เธอจำความได้ในยุคนี้เงินเดือนของชาวบ้านที่เข้ามารับจ้างทำงานในเมือง ทำทั้งเดือนก็ได้แค่ 30 - 40 หยวนเท่านั้น จะมากหน่อยก็เป็นคนที่สอบได้คะแนนดี แล้วได้ทำงานในหน่วยงานราชการเท่านั้น
"รับไปเถอะ ต้องรบกวนให้อาหนิงช่วยเลือกซื้อเสื้อผ้าให้ลูก ๆ สักหลายชุดหน่อย"
"ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะใช้เงินพวกนี้อย่างระมัดระวัง เว้นแต่เป็นการซื้อของให้คนในครอบครัว งั้นเราไปกันเถอะ"
เสิ่นเจียหนิงจูงมือสามีพร้อมกับลูก ๆ ทั้งสอง มุ่งหน้าไปยังสำนักงานทะเบียน ซึ่งตั้งอยู่ในอาคารสองชั้นสีขาวดูสะอาดตา เธอต้องการจดทะเบียนสมรสกับเซียวเหรินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และจดทะเบียนรับอาโต้วเป็นลูกบุญธรรม เพื่อให้พวกเขาเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์
"ฉันมาจดทะเบียนสมรสและจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมค่ะ"
เจ้าหน้าที่หญิงสาววัยกลางคนที่อยู่ในชุดข้าราชการรับเอกสารไปตรวจสอบ พลางถามคำถามต่าง ๆ ซึ่งเสิ่นเจียหนิงตอบคำถามด้วยความมั่นใจ เพราะเธอเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี
"คุณเสิ่นเจียหนิง ต้องการจดทะเบียนสมรสกับคุณหวังเซียวเหริน และจดทะเบียนรับเด็กชายเหอจิ่นโต้วเป็นบุตรบุญธรรม ใช่ไหมคะ"
เจ้าหน้าที่ถามเพื่อยืนยัน
"ใช่ค่ะ"
เสิ่นเจียหนิงตอบรับ
"เอกสารครบถ้วน เรียบร้อยดีค่ะ เชิญทั้งสองท่านลงชื่อตรงนี้นะคะ"
เจ้าหน้าที่ชี้ไปที่เอกสาร พร้อมกับส่งปากกาให้ทั้งคู่
เสิ่นเจียหนิงและหวังเซียวเหรินลงชื่อในเอกสาร ความรู้สึกตื้นตันใจทำให้ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
"เดี๋ยวต้องไปถ่ายรูปมาติดในหนังสือสมรส ตามเจ้าหน้าที่ไปในห้องนั้นนะคะ ระหว่างนั้นดิฉันจะทำเรื่องเปลี่ยนแซ่ให้เหอจิ่นโต้วมาเป็นหวังจิ่นโต้วนะคะ ส่วนของคุณเจียหนิงตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นหวังเจียหนิงเรียบร้อยแล้วค่ะ"
"ได้ค่ะ ยังไงฝากดูเด็ก ๆ ด้วยนะคะ อาโต้ว ซูซู ห้ามดื้อนะลูก เชื่อฟังที่คุณพี่คนสวยบอกนะ"
"ครับแม่ ผมจะทำตามที่พี่สาวคนสวยบอกครับ/ซูซูก็เชื่อฟังค่ะแม่เจียหนิง"
เจียหนิงรีบพาสามีไปถ่ายรูปใหม่ตามที่เจ้าหน้าที่บอก จากนั้นไม่นานเธอก็กลับออกมานั่งรออยู่ด้านนอกเกือบ 10 นาที
"ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ ตอนนี้คุณทั้งสองเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว และเด็กหวังจิ่นโต้วก็เป็นบุตรบุญธรรมของคุณหวังเซียวเหรินและคุณหวังเจียหนิงเรียบร้อยแล้วค่ะ"
เจ้าหน้าที่กล่าวด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับยื่นเอกสารทั้งหมดกลับมาให้เจียหนิง
"ขอบคุณมากค่ะ ในที่สุดเราก็เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์"
เสิ่นเจียหนิงกล่าวด้วยความรู้สึกขอบคุณ หลังจากเสร็จสิ้นธุระที่สำนักงานทะเบียน เสิ่นเจียหนิงก็พาครอบครัวไปยังร้านค้าสวัสดิการที่ขายเสื้อผ้าของใช้ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลนัก ในร้านค้าตกแต่งอย่างสวยงาม มีเสื้อผ้าสีสันสดใสแขวนเรียงรายเต็มไปหมด
"อาโต้ว ซูซู อยากได้เสื้อผ้าแบบไหน เลือกได้เลยนะลูก"
เสิ่นเจียหนิงบอกลูก ๆ ขณะเดียวกันเธอก็เดินเลือกเสื้อผ้าให้สามีด้วยเช่นกัน
อาโต้วและซูซู ตื่นตาตื่นใจกับเสื้อผ้ามากมาย พวกเขาไม่เคยเห็นเสื้อผ้าสวย ๆ แบบนี้มาก่อน
"แม่ครับผมอยากได้เสื้อเชิ้ตสีฟ้าแบบนั้นครับ"
อาโต้วชี้ไปที่เสื้อเชิ้ตแขนสั้น สีฟ้าสดใส
"ซูซูอยากได้ชุดกระโปรงลายดอกไม้ สีเหลืองค่ะแม่เจียหนิง"
ซูซูชี้นิ้วไปที่ชุดกระโปรงแขนกุดลายดอกไม้สีเหลืองสดใสดูน่ารัก
"ได้เลยจ้ะ พี่สาวค่ะช่วยเอาชุดที่ลูก ๆ ของฉันเลือกลงมาให้หน่อยนะ"
เจียหนิงต้องบอกให้พนักงานในร้านใช้ไม้สอยชุดที่เด็ก ๆ เลือกลงมาให้ดูใกล้ พอเทียบดูว่าขนาดได้ตามที่ต้องการเธอก็จัดการเลือกชุดเพิ่มให้ลูกและสามีทั้งหมดคนละ 4 ชุด พร้อมกับเสื้อกันหนาวอีก 1 ตัว ส่วนของตัวเธอเอามาแค่ชุดเดียวเท่านั้น เธอสามารถเอาเสื้อผ้าของตัวเองที่มีอยู่ในมิติออกมาปรับใช้ได้
"เอาทั้งหมดนี่เลยใช่ไหมคะคุณลูกค้า"
"ใช่ค่ะ ว่าแต่ชุดละเท่าไหร่เหรอคะ"
"ชุดของเด็ก 5 หยวน ชุดของผู้ใหญ่ 10 หยวนค่ะ"
พนักงานสาวรีบตอบเจียหนิงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"ช่วยพาพวกเราไปเลือกชุดชั้นในหน่อยได้ไหมคะ ฉันยังอยากได้รองเท้าอีกด้วย"
"ด้วยความยินดีค่ะ เชิญทางนี้เลย"
พอไปถึงแผงชุดชั้นในเจียหนิงก็จับตัวลูก ๆ ไปวัดขนาดทีละคน อาโต้วและซูซูต่างก็ได้เสื้อกล้ามและกางเกงในตัวใหม่กระทั่ง...
"พี่เซียวเหรินมานี่หน่อย"
เจียหนิงดึงแขนสามีไปใกล้ ๆ จากนั้นก็จับเอากางเกงในที่เธอเลือกไว้มาวางทาบกลางตัวของเขาทีละตัว หวังเซียวเหรินที่เห็นการกระทำของภรรยาใบหน้าของเขาก็แดงซ่านด้วยความเขินอาย
"ทะ..ทำอะไรอาหนิง"
"ฉันก็แค่เลือกซื้อกางเกงชั้นในให้พี่ ตอนนี้กำลังเลือกอยู่ว่าขนาดไหนจะเหมาพอดี"
สาวเจ้าไม่ได้มีความเขินอายเลยสักนิด ผิดกับผู้เป็นสามีที่หันไปเห็นคนอื่นจ้องมองมาที่ตน พร้อมกับหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนาน
"พอแล้ว พี่ใส่อะไรก็ได้"
"ได้ยังไงกันพี่เซียวเหริน ของพวกนี้ต้องเลือกใช้ขนาดที่พอดีมันถึงจะใส่สบาย เลือกได้แล้ว ของสามีฉันเอา 3 ตัวนี้ค่ะ ส่วนพวกนี้เป็นของเด็ก ๆ เดี๋ยวขอพวกเราไปเลือกรองเท้าอีกสักหน่อยนะคะ"
"เชิญตามสบายเลยค่ะ"
เลือกเสื้อผ้าเสร็จเจียหนิงยังพาลูก ๆ ไปเลือกซื้อขนมกับลูกอมตรากระต่ายที่เด็ก ๆ ชอบ หลังจากได้ของทุกอย่างที่ต้องการ เจียหนิงจึงพาลูก ๆ ไปจ่ายค่าของซึ่งเป็นเงินมากถึง 90 กว่าหยวนกับคูปองอีกจำนวนหนึ่ง เด็ก ๆ ดีใจจนเนื้อเต้น พวกเขาลูบคลำเสื้อผ้าชุดใหม่ไม่หยุด
"แม่ครับ ขอบคุณนะครับ"
อาโต้วกล่าวด้วยความตื้นตัน พลางลูบคลำเนื้อผ้าอย่างเบามือ
"ขอบคุณค่ะแม่เจียหนิง ซูซูชอบชุดนี้ที่แม่เจียหนิงซื้อให้สุดเลยค่ะ"
ซูซูกอดเสิ่นเจียหนิงแน่น เสิ่นเจียหนิงมองลูก ๆ ด้วยความรัก ก่อนจะหันไปสบตากับเซียวเหริน แม้ดวงตาของเขาจะมองไม่เห็น แต่เธอก็รับรู้ได้ถึงความสุขที่เอ่อล้นอยู่ในใจของเขาเช่นกัน
หลังจากเลือกซื้อเสื้อผ้าใหม่จนหนำใจแล้ว เสิ่นเจียหนิงก็พาครอบครัวไปยังร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งเป็นร้านอาหารสวัสดิการของรัฐ ทั้ง 4 คนตั้งใจไว้ว่าจะฝากท้องกันที่นี่ ร้านอาหารดูสะอาดสะอ้านมีโต๊ะเก้าอี้ไม้เรียงราย ผู้คนมากหน้าหลายตา ต่างเข้ามาใช้บริการส่งเสียงพูดคุยกันจอแจ
"พวกเรากินบะหมี่เกี๊ยวกันนะ หรือมีใครอยากกินข้าวรึเปล่า?"
เจียหนิงเอ่ยถามลูกกับสามี วันนี้พวกเขามีแค่ซาลาเปานึ่งรองท้อง ทว่าซาลาเปาที่เตรียมมาก็หมดเกลี้ยงไม่เหลือ เจียหนิงจึงกลัวว่าทุกคนจะหิว
"ผมเอาบะหมี่ครับแม่เจียหนิง/ซูซูก็เอาบะหมี่ค่ะ/พี่ก็เอาเหมือนลูก ไม่ได้กินมานานแล้วเหมือนกัน"
สามคนพ่อลูกต่างตอบออกมาอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
"ได้เลย งั้นเดี๋ยวแม่จะไปสั่งบะหมี่ให้นะ"
เสิ่นเจียหนิงพาครอบครัวไปนั่งที่โต๊ะว่าง แล้วเดินไปสั่งบะหมี่เกี๊ยว 3 ชาม เธอสั่งพิเศษ ใส่ไข่ ให้เซียวเหริน พร้อมกับสั่งซาลาเปาไส้หมูสับมาอีก 6 ลูก ส่วนของตัวเองเธอสั่งใส่ห่อ เพราะมีบางที่ที่เธอต้องการแวะไปในระหว่างที่ลูกกับสามีกำลังกินข้าวอยู่
"บะหมี่เกี๊ยวมาแล้วจ้า"
พนักงานในชุดเสื้อสีขาวกางเกงสีดำยกชามบะหมี่ 3 ชาม มาเสิร์ฟ ตามด้วยซาลาเปา 6 ลูก ในจาน
เด็ก ๆ กินบะหมี่กันอย่างเอร็ดอร่อย เส้นบะหมี่เหนียวนุ่ม น้ำซุปกลมกล่อมหอมกลิ่นกระเทียมเจียว เกี๊ยวชิ้นโตไส้แน่นถูกปากเด็ก ๆ เป็นอย่างมาก
"อร่อยจังเลยครับแม่"
อาโต้วพูด พลางซดน้ำซุปดังโฮก
"อร่อยอย่างนี้ต้องยกให้เป็นของโปรดของซูซูเลย"
ซูซูพูดเจื้อยแจ้วพลางยกนิ้วโป้งขึ้นมายืนยัน
"กินเยอะๆ นะลูก"
เสิ่นเจียหนิงยิ้มอย่างอิ่มใจที่เห็นลูก ๆ มีความสุข
"อร่อยมากเจียหนิง ขอบคุณนะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดีใจที่พี่ชอบ ฉันจะขอตัวไปดูของทางด้านโน้นอีกสักหน่อย พี่กับลูกค่อย ๆ กินรอฉันอยู่ตรงนี้นะ ค่าอาหารฉันจ่ายไปหมดแล้ว"
เมื่อได้โอกาสเหมาะเจียหนิงจึงขอตัวแยกออกไปสถานที่แห่งนั้น สถานที่ที่เธอสามารถทำเงินได้แต่แค่มันผิดกฎหมายเท่านั้นเอง เธออุตส่าห์แอบถามมาจากพนักงานขายเสื้อผ้า
"ครับ รีบไปรีบกลับนะ พวกเราจะรออยู่ตรงนี้"
"ค่ะ"
เจียหนิงรีบเดินออกจากร้านไปโดยไม่รู้เลยว่าสามีของเธอมองตามจนสุดสายตา ถึงจะสงสัยแต่เซียวเหรินก็ยังต้องดูแลลูกน้อยทั้งสอง อีกมุมหนึ่งเขาก็เชื่อใจเธอจึงไม่ตามไปดูว่าเธอไปไหน เขาเองก็อยากโทรศัพท์ไปหาเจ้านายเก่าเช่นกัน
"น่าจะเป็นแถวนี้นี่นา..."
เจียหนิงเดินห่างออกมาจากร้านอาหารของรัฐประมาณ 200 เมตร ในที่สุดก็ได้พบกับตรอกเล็กที่ชาวบ้านมักจะนำสิ่งของมาซื้อขายกันอย่างพลุกพล่าน ถึงการซื้อขายของชาวบ้านจะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่ปัญหาเรื่องปากท้องก็ทำให้ผู้ที่มีอำนาจต้องปิดหูปิดตาบ้างเพื่อความอยู่รอดของชาวบ้าน
"พี่ชาย ฉันมีนาฬิกาข้อมือจะมาขาย แต่ฉันมีเวลาไม่มากเพราะลูก ๆ ของฉันรออยู่ พี่พอจะรู้จักคนที่รับซื้อได้ทีเดียวหลาย ๆ เรือนได้ไหม?"
ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของคนเฝ้าประตูเข้าออก คือคนที่เจียหนิงตัดสินใจเข้าหาและแสดงนาฬิกาข้อมือที่เธอนำออกมาจากมิติให้เขาดู
"มีกี่เรือน?"
"ฉันมีอยู่ 6 เรือน แถมมีกล่องใส่อย่างสวยงามเลยนะจ๊ะ"
ถุงผ้าที่สะพายมาถูกเปิดออกให้อีกฝ่ายดู จากนั้นชายวัยกลางคนจึงพาเจียหนิงเดินเข้าไปด้านในทันที
"ตามมา!"
เจียหนิงถูกพาไปที่ตึกเก่าเล็ก ๆ ที่อยู่ในตรอก ก่อนที่ชายคนที่นำทางจะแจ้งคนที่อยู่ด้านในห้องผ่านบานกระจกที่มีผ้าม่านกั้นอยู่
ก๊อก ก๊อก
"ลูกพี่ครับ น้องสาวคนนี้มีของมาปล่อย เอาของออกมา"
ประโยคหลังชายคนนั้นหันมาบอกเจียหนิง เธอจึงรีบหยิบนาฬิกาซึ่งเป็นของสะสมของแฟนเก่าที่ไม่ได้เอาไปด้วย ขึ้นมาให้คนในห้องประเมินราคา
"นี่ค่ะ"
คนที่อยู่ในห้องเปิดกล่องออกเพื่อสำรวจสิ่งของที่เจียหนิงนำมาปล่อย ครู่เดียวผ้าม่านก็ถูกแง้มออกเล็กน้อยก่อนที่เจียหนิงจะเห็นดวงตาคู่คมจ้องมองมาที่เธอ
"ให้ได้เรือนละ 200 หยวน ถ้าไม่เอาก็เอาไปขายเอง น่าจะได้ราคามากกว่านี้แต่ต้องใช้เวลาหน่อย"
"ตกลงค่ะ ฉันรับได้เรือนละ 200 หยวน"
อย่างไรเสียการขายขาดในคราวเดียวก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ อย่างน้อยเธอก็ได้เงินก้อนมาเก็บไว้กับตัว เรื่องอาหารการกินก็ไม่เป็นปัญหา จากนี้ไปก็เหลือแค่หาช่องทางหาเงินเข้าบ้านด้วยอาชีพที่มั่นคงหน่อย
"1,200 หยวน คราวหลังถ้ามีของอีกก็บอกคนที่เฝ้าประตูว่ามีของจะมาปล่อยให้เฮียตง เดี๋ยวพวกเค้าจะพาเข้ามาที่นี่เอง"
"ขอบคุณค่ะ งั้นฉันขอตัวนะคะ"
เจียหนิงใช้เวลาทั้งหมดอยู่ในตรอกแห่งนั้นไม่ถึง 15 นาที จากนั้นเธอก็รีบเดินกลับไปหาลูกกับสามีอย่างรวดเร็ว พอดีกับที่เด็ก ๆ กับเซียวเหรินกินบะหมี่เสร็จ
"กลับมาแล้วค่ะ"
"ไปซื้ออะไรมาเหรออาหนิง?"
เซียวเหรินเอ่ยถาม
"ฉันไปซื้อเนื้อหมูมาจ้ะ ยังมีข้าวกับเครื่องปรุงอีกนิดหน่อย ถ้ากินเสร็จแล้วเรากลับกันเลยไหม?"
"ครับ"
"เดี๋ยวผมจูงมือพ่อเองครับ"
"งั้นซูซูมาจับมือแม่"
"ค่า"
เดินออกจากร้านอาหารมาได้ไกลพอประมาณ หวังซูซูจึงหันไปบ่นให้มารดาฟัง
"แม่เจียหนิง ทำไมซาลาเปาของร้านนี้ ไม่อร่อยเหมือนที่แม่เคยทำให้กินเลยคะ"
"ใช่ครับแม่ ซาลาเปาของแม่ลูกใหญ่กว่า เนื้อเยอะกว่า แถมยังอร่อยกว่าตั้งเยอะ"
"เจ้าตัวตะกละ รู้จักพูดเอาใจแม่หวังผลอะไรรึเปล่าห๊า"
"ฮะ ฮะ ฮะ ป่าวเลยแม่เจียหนิง ซูซูไม่หวังอะไรจริงจิ๊ง"
หวังเซียวเหรินผู้เป็นพ่อเดินฟังลูกเมียคุยกันอยู่เงียบ ๆ วันนี้เป็นวันที่เขายิ้มบ่อยและมีความสุขที่สุด
พอขึ้นรถสองแถวกลับหมู่บ้าน เด็กๆ ยังคงตื่นเต้นกับประสบการณ์ในเมือง พวกเขาเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้กันฟังด้วยความตื่นเต้น กระทั่งกลับไปถึงหมู่บ้านในช่วง 11 โมงเช้า เจียหนิงจึงนำเสื้อผ้าที่ซื้อมาทั้งหมดออกมาซักด้วยน้ำยาที่หอมกรุ่น
สองพี่น้องเห่อเสื้อผ้าใหม่ จนถึงขั้นชวนพ่อมานั่งทำไซดักปลาอยู่ที่ใต้ต้นไม้ข้างบ้าน เพื่อเฝ้าเสื้อผ้าชุดใหม่เอาไว้ไม่ให้ใครมาขโมยไปได้
