เข้าเมือง 1
ในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด ความมืดครึ้มของห้องนอนทำให้เสียงลมหายใจของแต่ละคนดังขึ้น และสะท้อนผ่านความเงียบได้อย่างชัดเจน ราวกับว่าเวลาเองก็หยุดนิ่งในช่วงขณะ
ภายในห้องที่มีเพียงแสงจันทร์ลอดผ่านหน้าต่าง ที่คอยส่องสว่างให้มองเห็นรอบตัวได้พอราง ๆ เจียหนิงและซูซูนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างสงบ
แต่หวังเซียวเหรินกลับไม่สามารถหลับตาลงได้ ความร้อนรุ่มในร่างกายทำให้เขารู้สึกไม่สบาย แม้จะพยายามข่มตาให้หลับ ทว่าความรู้สึกนั้นกลับไม่หายไป ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลซึมออกมาจากผิวหนัง เหมือนกับว่าร่างกายกำลังพยายามขับสิ่งไม่ดีออกไป
สิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าคือ สายตาที่เคยมืดบอดกลับมองเห็นอีกครั้ง ดวงตาที่เคยไร้สีสันกลับมีแสงส่องเข้ามาเหมือนมีพลังบางอย่างทำให้เขามองเห็นได้อีกครั้ง โลกที่เคยจมอยู่ในความมืดมิดกลับเต็มไปด้วยรายละเอียดที่คมชัด
"นิ..นี่มันเกิดอะไรขึ้น มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง"
เซียวเหรินยกมือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นมามองให้ชัด ๆ ก่อนจะหันไปมองดูเจียหนิงที่นอนหลับข้าง ๆ ใบหน้าของเธอดูงดงามเหมือนกับเป็นภาพวาด ใบหน้าเรียวรูปไข่ของเธอสวยงามอย่างไม่มีที่ติ ดวงตาของเธอหลับพริ้มพลางตระกองกอดหวังซูซูเอาไว้ ช่างเป็นภาพที่อบอุ่นใจยิ่งนัก
"เป็นคนที่จิตใจดีเหมือนหน้าตาสินะ ขอเวลาพี่อีกหน่อย เมื่อไหร่ที่พี่แน่ใจแล้วว่าเธอจะไม่ทิ้งพวกเราไปจริง ๆ ตอนนั้นพี่จะบอกเรื่องการมองเห็นให้เธอได้รู้"
เซียวเหรินยังไม่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้กับใคร เขาอยากรู้ว่าเจียหนิงจะเป็นอย่างไรในยามที่เธอเข้าใจว่าเขามองไม่เห็น เธอจะยิ้มอย่างไร หรือแสดงความรู้สึกออกมาอย่างไร เมื่อไม่ได้รู้ตัวว่าเขากำลังเฝ้ามองอยู่
ในใจลึก ๆ เซียวเหรินยังกลัวว่าพรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมา ทุกอย่างอาจจะเป็นเพียงความฝัน แต่ถ้าเป็นความจริง แล้วอะไรกันคือสิ่งที่ทำให้เขากลับมามองเห็นอีกครั้ง หรือว่าเจียหนิงมียาดีอะไรกันแน่
หวังเซียวเหรินเดินออกไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนจะกลับมานอนที่เดิมอีกครั้ง ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านดูสะอาดต่างจากเดิมมาก มีหลายอย่างที่ดูแปลกตาอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เขาก็ได้แต่เก็บทุกอย่างเอาไว้ในใจโดยไม่พูดอะไรออกมา
เช้าวันต่อมา
หมู่บ้านเล็ก ๆ ในชนบทที่ห่างไกลความเจริญ ถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอกบาง ๆ ในยามเช้า เสียงไก่ขันดังแว่วมาแต่ไกล ปลุกให้ชาวบ้านเริ่มต้นวันใหม่ เสิ่นเจียหนิงลุกขึ้นไปต้มน้ำไว้ให้ทุกคนอาบ จากนั้นเธอก็เอาซาลาเปาในมิติออกมานึ่ง 8 ลูกเพื่อเป็นอาหารเช้าสำหรับทุกคน
วันนี้เธอกับครอบครัวต้องไปรับเอกสารกับหัวหน้าหมู่บ้าน จากนั้นก็ต้องเข้าเมืองไปจัดการทุกอย่างให้เสร็จ ทุกคนจึงต้องเร่งมือจนไม่มีเวลาแม้แต่จะนั่งกินข้าวที่บ้าน แต่เจียหนิงก็ไม่ลืมที่จะอุ่นปลาต้มเผือกไปฝากหัวหน้าหมู่บ้านในส่วนที่เธอแบ่งเอาไว้ เพื่อเป็นการของคุณที่อีกฝ่ายเป็นธุระช่วยจัดการเรื่องเอกสาร
"ทุกคนรีบไปอาบน้ำแล้วมาแต่งตัวนะ แม่เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้แล้ว วันนี้เราต้องกินซาลาเปารองท้องไปก่อนนะจ๊ะ"
"เย้ ได้กินซาลาเปาของแม่เจียหนิงอีกแล้ว"
หนูน้อยซูซูที่อาบน้ำเสร็จก่อนใครกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ พอใส่เสื้อผ้าเสร็จหวังซูซูก็มาให้แม่เลี้ยงช่วยจัดการกับผมที่ยุ่งเหยิงต่อ เสิ่นเจียหนิงบรรจงหวีผมยาวสลวยให้กับซูซูอย่างทะนุถนอม ก่อนจะถักเปียสองข้างแล้วมัดให้เรียบร้อย
"ซูซู วันนี้แม่จะพาหนูกับพี่ชายไปเที่ยวในเมืองนะ"
เสิ่นเจียหนิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลางแซมผมเปียด้วยดอกไม้เล็ก ๆ สีขาว
"จริงเหรอคะแม่! แล้วเราจะไปไหนกันบ้างคะ"
ซูซูร้องเสียงใส ดวงตากลมโตเป็นประกาย หนูน้อยกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ เดิมทีมารดาที่ให้กำเนิดไม่เคยพาเธอเข้าเมืองเลยสักครั้ง วัน ๆ ไป๋หลินซีคนนั้นเอาแต่ให้เธอเข้าไปเก็บผักป่าไปแลกแต้มอาหาร บางครั้งก็พาผู้ชายมานอนที่บ้านจนซูซูน้อยต้องนั่งรออยู่หน้าประตูจนดึกดื่น
"เราจะไปซื้อเสื้อผ้าใหม่สวย ๆ แบบที่หนูชอบไงจ๊ะ แล้วก็ไปหาอะไรอร่อย ๆ กินด้วย หนูกับพี่ชายอยากได้ชุดแบบไหน หรืออยากกินอะไร บอกแม่ได้เลยนะ"
"เย้! พี่ชายรีบแต่งตัวเร็วเข้า แม่จะพาเราไปเที่ยวในเมืองแล้ว"
ซูซูร้องอย่างดีใจ ก่อนจะวิ่งดุ๊กดิ๊กไปหาอาโต้ว พี่ชายวัย 8 ขวบ ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จแล้วช่วยประคองพ่อเข้ามาในบ้าน
"พี่รู้แล้วซูซู รออีกเดี๋ยวพี่กับพ่อก็แต่งตัวเสร็จแล้ว เราเป็นผู้หญิงไปช่วยงานแม่ทางนู้นไป"
"แต่แม่บอกว่าจะพาเราไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ แล้วก็ไปกินขนมหวานด้วยล่ะ!"
หนูน้อยซูซูยังคงช่างจ้อบอกพี่ชายด้วยความตื่นเต้น คนเป็นพ่อที่มองเห็นว่าเจียหนิงปฏิบัติกับทุกคนอย่างดี ทั้งยังใส่ใจรายละเอียดยิบย่อยก็อดที่จะยิ้มออกมาอย่างมีความสุขไม่ได้
"มาหาแม่ได้แล้วซูซู ปล่อยให้พ่อกับพี่ชายรีบไปแต่งตัวเดี๋ยวจะไม่ทันรถโดยสารนะลูก"
"ค้า ฮะ ฮะ ฮะ"
หลังจากทุกคนเตรียมตัวเสร็จ เจียหนิงจึงพาทุกคนรีบออกจากบ้านตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพื่อมุ่งหน้าไปที่บ้านของลุงจาง เพื่อไปเอาเอกสารของอาโต้วแล้วจะได้ขึ้นรถที่กลางหมู่บ้านทันที
"ทำไมมือสั่นคะ พี่เป็นอะไรรึเปล่า"
เจียหนิงเอ่ยถามสามี ขณะที่เธอกำลังจับแขนของเขาแล้วเดินไปพร้อมกัน เธอรู้สึกว่ามือของเขาสั่นเหมือนกำลังตื่นเต้นกับอะไรบางอย่าง
"วันนี้พี่รู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษเลยเจียหนิง" เซียวเหรินเอ่ยขึ้น
"ฉันก็เหมือนกันค่ะ วันนี้เป็นวันที่สำคัญสำหรับครอบครัวเรานะคะ ฉันอยากให้พี่เห็นสีหน้าของเด็ก ๆ มากเลยว่าพวกเค้ามีความสุขแค่ไหน"
เสิ่นเจียหนิงมองไปข้างหน้าที่ลูก ๆ ทั้งสองกำลังเร่งฝีเท้าเดินไปก็หยอกล้อกันไป บรรยากาศที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะมันทำให้เช้าวันใหม่ของพวกเขาสดใสยิ่งขึ้น ถึงเสื้อผ้าที่พวกเขาใส่จะเก่าจนสีซีด แต่เจียหนิงก็ซักจนสะอาดและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
"พี่เห็นแล้ว"
"หือ? พี่มองเห็นเหรอ"
"เออะ..เอ่อ หมายถึงพี่รับรู้ได้จากเสียงหัวเราะของลูก ๆ แล้ว"
"อ๋อ ฉันก็นึกว่าพี่มองเห็นแล้ว เป็นเรื่องดีมากเลยนะนั่น"
คำพูดที่ไม่ได้คิดอะไรมากมายของเจียหนิงกลับทำให้อีกฝ่ายครุ่นคิดบางอย่างด้วยความวิตก
"แล้วถ้าพี่มองไม่เห็นล่ะ?"
"ไม่พูด ๆ วันนี้วันดีไม่พูดเรื่องไม่เป็นมงคล ต่อให้พี่มองไม่เห็นฉันก็จะหาเงินมารักษาพี่ให้หายเป็นปกติจนได้ แต่ต้องใช้เวลาหน่อยนะ ตอนนี้ฉันยังหาช่องทางไม่ได้"
หวังเซียวเหรินรู้สึกอุ่นซ่านในใจทุกครั้งที่ได้ยินคำพูดแบบนี้จากเด็กสาวตรงหน้า เธอเป็นใครกันแน่เสิ่นเจียหนิง ทำไมเธอถึงสามารถหยิบของที่แปลกตาออกมาจากกลางอากาศได้
ในหัวของเซียวเหรินครุ่นคิดเรื่องที่เห็นเมื่อเช้าไม่หยุด ตอนที่เขาเห็นว่าเจียหนิงสามารถเอาซาลาเปาลูกใหญ่ออกมาราวกับเสกได้ มันทำให้เขาทั้งอึ้งและทึ่งจนพูดอะไรไม่ออก เธอคงคิดว่าเขามองไม่เห็นจึงไม่ได้ระมัดระวังอย่างที่ควรจะเป็น
บ้านหัวหน้าจางเฮ่อ
"สวัสดีค่ะลุงจาง"
เสิ่นเจียหนิงกล่าวอย่างนอบน้อม เมื่อมาถึงบ้านไม้ยกสูงของหัวหน้าหมู่บ้าน
"อ้อ เจียหนิงมาพอดีเลย เอกสารของอาโต้วลุงเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว"
หัวหน้าหมู่บ้านซึ่งเป็นชายวัยกลางคนทักทายด้วยรอยยิ้ม ว่าแล้วก็ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลเก่า ๆ ให้เจียหนิง
"ขอบคุณท่านมากนะคะ ฉันไม่รู้จะตอบแทนคุณลุงยังไงดี ฉันทำปลาต้มเผือกมาฝาก คุณลุงลองชิมดูนะคะ"
เธอกล่าวพร้อมกับยื่นตะกร้าหวายที่อาโต้วถือมาให้กับหัวหน้าหมู่บ้าน
"ขอบใจมากนะเจียหนิง กลิ่นหอมเชียว รีบไปขึ้นรถเถอะ อีกไม่นานรถก็จะออกแล้ว เที่ยวให้สนุกนะเด็ก ๆ"
เขาเปิดฝาตะกร้ามองดูปลาต้มเผือกที่หอมกรุ่นน่ากิน ขณะเดียวกันก็หันไปโบกไม้โบกมือให้เด็ก ๆ
"ผมกับครอบครัวไปก่อนนะครับลุงจาง/ซูซูไปก่อนนะคะคุณตา/ผมไปนะครับคุณตาจาง/ฉันไปนะคะคุณลุง"
ทุกคนกล่าวลาหัวหน้าหมู่บ้าน แล้วพากันเดินไปยังศาลากลางหมู่บ้าน เพื่อขึ้นรถที่จะเข้าเมือง ศาลากลางหมู่บ้านเป็นอาคารไม้เก่า ๆ หลังคาสังกะสี มีม้านั่งยาวตั้งอยู่ชาวบ้านหลายคนต่างมารอรถเช่นเดียวกัน บ้างก็เดินทางไปทำงาน บ้างก็ไปทำธุระ
"อาโต้วขึ้นไปก่อนลูก รอจับมือพ่ออยู่ข้างบนนะ"
"ครับแม่"
เจียหนิงให้เด็กขึ้นไปบนรถก่อน จากนั้นเธอก็ให้สามีจับที่ราวเหล็กท้ายรถสองแถว แล้วค่อย ๆ เดินขึ้นรถอย่างระมัดระวังโดยมีอาโต้วรอรับอยู่ด้านบน
"พ่อก้มอีกนิดนึง"
เสียงของซูซูคอยบอกให้บิดาก้มหลบราวเหล็กดังขึ้นเป็นระยะ เพราะเซียวเหรินเป็นคนตัวสูง ไม่นานทั้ง 4 คนก็ได้ที่นั่นเป็นของตัวเอง เจียหนิงจึงเอาแว่นกันแดดที่มีอยู่ในมิติออกมาให้สามีของเธอใส่เอาไว้
"พี่เซียวเหรินใส่แว่นตาหน่อยนะ ฉันกลัวฝุ่นลมจะเข้าตาพี่ เดี๋ยวตาจะอักเสบ แล้วก็ใส่หมวกนี่ด้วย หันมาทางนี้ ห้ามหันไปที่อื่นเด็ดขาด"
อันที่จริงเจียหนิงไม่ชอบใจที่หญิงสาว 3 คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเทียวจ้องมองสามีของเธอต่างหาก รู้หรอกว่าหล่อ แบบนี้ต้องหาอะไรบดบังเอาไว้สักหน่อย ส่วนลูก ๆ ของเธอเอาแต่มองผู้คนและสิ่งต่างๆ รอบตัวด้วยความสนใจ
"ครับ"
เจียหนิงไม่รู้เลยว่าการกระทำของเธอทำให้เซียวเหรินใจเต้นแรงแค่ไหน เขารู้และเห็นทุกอย่างว่ามีหลายคนมองมาที่ตัวเอง แต่ไม่คิดว่าภรรยาคนสวยจะทำไหน้ำส้มสายชูแตกเสียได้ ทว่าการกระทำนี้กลับทำให้เขารู้สึกดีมากจริง ๆ
ไม่นานนักรถโดยสารคันใหญ่ก็แล่นออกจากหมู่บ้าน เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มผู้คนต่างทยอยขึ้นรถตามจุดรับส่งผู้โดยสารระหว่างทาง
เมื่อรถแล่นเข้าสู่ตัวเมือง เสียงแตรรถยนต์ เสียงผู้คนพูดคุย และเสียงเพลงจากร้านค้า ดังก้องไปทั่ว บรรยากาศช่างแตกต่างจากในหมู่บ้านอย่างสิ้นเชิง อาคารสูงใหญ่ ร้านรวงต่าง ๆ รถยนต์หลากสีสัน และผู้คนที่แต่งตัวทันสมัย ทำเอาอาโต้วและซูซูมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจ
เอี๊ยด
"สุดสายแล้ว ค่าโดยสารคนละ 2 เหมา ลงมา ๆ "
รถสองแถวจอดเทียบท่าที่หน้าตลาดสด เจียหนิงรอจนผู้โดยสารลงรถไปจนบางตาแล้ว เธอจึงพาลูก ๆ กับสามีเดินลงรถอย่างระมัดระวัง ถึงจะมีคนมองด้วยความสงสัยแต่เธอก็ไม่อายและไม่ได้สนใจอะไร
"เด็ก 2 ผู้ใหญ่ 2 เท่าไหร่ค่ะพี่ชาย"
"เด็กคนละ 1 เหมา ผู้ใหญ่คนละ 2 เหมา เป็นทั้งหมด 6 เหมา"
ชายเจ้าของรถโดยสารตอบกลับอย่างเป็นกันเอง เจียหนิงจึงรีบควักเงินออกมาจ่ายตามจำนวน
"นี่ค่ะ 6 เหมา รถกลับหมู่บ้านตาลเฟิ่งมีถึงกี่โมงเหรอคะพี่ชาย?"
"รอบสุดท้ายออกจากที่นี่บ่าย 3 ถ้าน้องสาวกับครอบครัวจะกลับก็มาขึ้นรถที่นี่ได้เลย"
"เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ"
ระยะทางจากหมู่บ้านมาถึงตัวเมืองห่างกันมากถึง 40 กิโล เจียหนิงดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 8 โมงเช้าแล้ว เธอจึงรีบพาทุกคนเดินไปที่ที่ว่าการเมืองเพื่อจัดการเรื่องเอกสารให้เสร็จ
"พี่เซียวเหริน เอ่อ..ที่ว่าการเมืองอยู่แถวไหนเหรอ?"
ร่างนี้ก็ช่างปะไร รับจ้างทำงานงก ๆ แต่แทบจะไม่ได้ออกจากบ้านมาเปิดหูเปิดตาเลย ยังดีที่รู้จักรักตัวเองจนแอบเก็บเงินไว้ได้มากถึง 50 หยวน ก่อนจะแต่งออกจากบ้านสกุลเสิ่น ที่อยู่ลึกจากหมู่บ้านตาลเฟิ่งเข้าไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง
"เห็นสถานีตำรวจไหม ที่ว่าการเมืองอยู่ติดกับสถานีตำรวจ จากตรงนี้เดินไปประมาณ 10 นาทีก็ถึง"
เจียหนิงหันซ้ายแลขวาไม่นานก็เจอว่าสถานีตำรวจตั้งอยู่ขวามือของเธอนั่นเอง
"อ้อ เจอแล้ว งั้นเราไปกันเถอะ ทำธุระเสร็จแม่จะพาเด็ก ๆ ไปหาอะไรอร่อย ๆ กิน"
"เดี๋ยวก่อนเจียหนิง"
"มีอะไรเหรอพี่เซียวเหริน?"
