ซูซูน้อย
เสิ่นเจียหนิงใช้แผ่นหยกเปิดประตูมิติอย่างลังเล แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวังที่ยากจะอธิบาย เธอรู้ว่าการเปิดประตูนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอไปตลอดกาล เมื่อเธอรวบรวมความกล้าและเปิดประตูออกไป สิ่งที่รออยู่เบื้องหน้าทำให้เธอแทบไม่อยากเชื่อสายตา
ในมิติที่กว้างใหญ่และสดใส มีแปลงผักที่เขียวชอุ่มเต็มไปด้วยผักผลไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ลำธารน้ำใสไหลผ่านอย่างสดชื่น เสียงน้ำที่ไหลเบา ๆ คลอเคลียกับเสียงจิ๊บจ๊าบของเป็ดและไก่ที่กำลังออกไข่ ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความสงบสุข ด้านหน้ายังมีกระท่อมเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยเมล็ดพันธุ์ผักนานาชนิดและเครื่องมือทำสวนที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างพร้อมสรรพ
"โอ้แม่เจ้า! พูดไปใครจะเชื่อว่าเรื่องลี้ลับและสิ่งมหัศจรรย์แบบนี้มีอยู่จริง"
เสิ่นเจียหนิงรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในโลกแห่งความฝัน โลกที่เธอเคยปรารถนา แต่ความตื่นเต้นก็ถูกแทนที่ด้วยความรับผิดชอบ เธอรู้ว่าวันนี้เธอต้องรีบซักผ้าตากให้ทันเวลาก่อนแดดจะหมด เจียหนิงเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ในมิติ(บ้านของเธอเมื่อชาติก่อน) เพื่อเดินไปหยิบน้ำยาซักผ้าออกไปใช้ เจียหนิงหยิบมาเพียงห่อเดียวก็รีบออกมาจากมิติเพราะไม่ต้องการให้พวกเขารอนาน
"ซูซูทำอะไรอยู่ลูก?"
เจียหนิงเอ่ยถามลูกสาวตัวน้ำที่กำลังเดินเก็บผ้างก ๆ เงิ่น ๆ ตามประสา แต่ภาพนั้นช่างน่าเอ็นดูในสายตาของเธอผู้ที่อยู่อย่างเปลี่ยวเหงามานาน
"ซูซูเก็บผ้าค่ะ พ่อจะพาซูซูไปซักผ้าเป็นเพื่อนแม่ ฮะ ฮะ ฮะ เมื่อกี้เสียดายแม่ไม่เห็นซูซูตอนกลิ้งล้มไปตามทาง"
มือเล็กยกขึ้นมาป้องปากหัวเราะเบา ๆ ท่าทางนั้นน่าขบขับระคนเอ็นดูไม่น้อย ก่อนที่เด็กสาวตัวน้อยจะรีบวิ่งเข้ามาช่วยแม่เก็บผ้าใส่กะละมัง เสียงหัวเราะของเธอทำให้บ้านดินเล็ก ๆ หลังนี้ดูสดใสและมีความสุขขึ้นหลายเท่า
"เจ็บไหมลูก คราวหลังถ้าทำอะไรไม่ไหวหนูต้องบอกแม่นะ ไม่จำเป็นต้องทำเอง ถ้าล้มแล้วเจ็บตัวขึ้นมาจะทำยังไง ส่งผ้ามาใส่กะละมังเร็วเข้า เดี๋ยวแม่จะยกไปเอง"
"ซูซูผ้าเยอะไหมลูก ถ้าเยอะส่งมาให้พ่อถือช่วยเร็วเข้า"
"เยอะนิดหน่อยพ่อจ๋า แม่เจียหนิงแบ่งผ้าห่มให้พ่อถือช่วยนะ พ่อเป็นผู้ชาย มีหน้าที่ดูแลพวกเรา"
มือเรียวลูบหัวหนูน้อยเบา ๆ ไม่คิดเลยว่าตัวเล็กจ้อยแค่นี้จะรู้จักคิดคำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่น ผ้าห่มส่วนหนึ่งถูกแบ่งให้เซียวเหรินไปถือ ก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินไปที่ท่าน้ำท้ายบ้าน โดยที่หนูน้อยคอยจูงมือผู้เป็นพ่อแล้วค่อย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ
"พี่เซียวเหรินนั่งก่อนจ้ะ ซูซูก็นั่งลงก่อนนะ เดี๋ยวแม่จะตักน้ำมาใส่กะละมังให้เอง น้ำเต็มแล้วค่อยช่วยกันซัก"
"ค่ะแม่เจียหนิง พ่อจ๋านั่งลงเลย ซูซูจับเก้าอี้ให้แล้ว"
เจียหนิงเดินลงไปตักน้ำในคลอง ระหว่างนั้นเธอก็จ้องมองดูการกระทำของหนูน้อยที่คอยปรนนิบัติผู้เป็นพ่ออย่างใกล้ชิด ซูซูช่างแตกต่างกับเด็กน้อยในยุคที่เธอจากมายิ่งนัก ทั้งรู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่น แถมยังไม่มีนิสัยเอาแต่ใจให้เห็นเลยสักนิด บางครั้งเธอก็อดสงสัยไม่ได้ว่าแม่ของหนูน้อยคงเลี้ยงดูมาดี แต่ด้วยเหตุอะไรไม่รู้ได้ถึงได้หย่าร้างกันไป
ซ่า ซ่า ซ่า
"อู้วว น้ำเย็นน่าเล่นมากเลยแม่เจียหนิง"
"เล่นได้จ้ะ แต่ไม่ควรเล่นนาน เดี๋ยวจะไม่สบาย"
"ไม่เอาดีกว่า ซูซูอยากช่วยซักผ้า"
ระหว่างที่สองแม่ลูกซักผ้ากันอยู่ เสียงของน้ำในคลองส่งน้ำหลังบ้านทำให้บรรยากาศผ่อนคลายและน่าอยู่ยิ่งขึ้น เสิ่นเจียหนิงเห็นหวังเซียวเหริน สามีผู้มีปัญหาในการมองเห็นแต่เขาไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองเป็นภาระ
"นี่มันกลิ่นอะไรนะ? หอมจัง"
เขานั่งลงช่วยซักผ้าด้วยความตั้งใจ เขาเอ่ยถามเกี่ยวกับน้ำยาซักผ้าที่มีกลิ่นหอมกรุ่นอย่างที่ไม่เคยได้กลิ่นที่ไหนมาก่อน ทำให้เสิ่นเจียหนิงยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
"น้ำยาซักผ้าที่ฉันเอาติดตัวมาด้วยจ้ะ ไม่ใช่แค่กลิ่นหอมอย่างเดียวนะ แต่ยังซักผ้าได้สะอาดอีกด้วย"
เสิ่นเจียหนิงตอบด้วยรอยยิ้มที่สดใส มือของเธอก็ขยี้เสื้อผ้าในมือไม่หยุด
"เย้ ๆ เราจะมีผ้าสะอาดหอม ๆ ให้ใส่กันแล้ว ต่อไปซูซูจะไม่ทำให้เสื้อผ้าสกปรกแน่นอนจ้ะแม่เจียหนิง"
"เด็กเล่นเลอะเทอะถือเป็นเรื่องปกติ ลูกเป็นเด็กดีรู้ความได้ แต่ลูกไม่จำเป็นต้องแบกรับภาระไว้บนบ่าหรือทำตัวโตเกินวัย วันเวลาไม่อาจหวนกลับ ใช้ชีวิตทุกวันให้มีความสุขเถอะลูก เรื่องอื่นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อกับแม่"
หวังเซียวเหรินได้ยินคำพูดของเจียหนิงก็พลันอุ่นซ่านในใจ ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะจริงใจและรักซูซูมากกว่าแม่แท้ ๆ เสียอีก
"แม่ของลูกพูดถูก"
"ซูซูรักพ่อจ๋ากับแม่เจียหนิงที่สุด"
ใบหน้าน้อยของหวังซูซูมีรอยยิ้มที่ใสซื่อบริสุทธิ์ มือเล็ก ๆ ยื่นไปวางบนมือของบิดาเบา ๆ ราวกับอยากจะบอกว่าทั้งชีวิตของเธอขอแค่มีพ่ออยู่ด้วยก็พอแล้ว ทว่าในใจของคนเป็นพ่อกลับรู้สึกละอายใจที่ไม่มีเวลาได้ดูแลลูกเมื่อครั้งตนเองยังมองเห็นอยู่
เซียวเหรินใช้เวลาทั้งหมดไปกับการทำงานที่ต่างเมืองเพื่อหาเงินส่งกลับมาให้ที่บ้านใหญ่และลูกเมียของตนเอง ใน 1 ปีเขามีโอกาสได้กลับมาเพียงแค่ครั้งเดียวในช่วงวันหยุดยาวตรุษจีน กว่าจะได้รู้ว่าภรรยามีชายอื่นก็ตอนที่เขาหมดผลประโยชน์เสียแล้ว
ใช้เวลาพักใหญ่ต่อมาสามคนพ่อแม่ลูกช่วยกันล้างผ้าและนำผ้าไปตากกลางแดดที่กำลังแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่มีงานมากมายรออยู่ แต่บรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ หนูน้อยวิ่งลอดราวผ้าสูดดมกลิ่นหอมอย่างสนุกสนาน ส่งเสียงหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข
หลังจากนั้นเจียหนิงก็ตักน้ำไปเติมจนเต็มตุ่มในบ้าน ก่อนจะเริ่มใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดในบ้านจนสะอาดเอี่ยมอ่อง เครื่องครัวและข้าวสารถูกนำออกมาเติมเต็มเอาไว้อย่างพร้อมสรรพ
"ซูซู ซูซูอยู่ไหม? พี่มาชวนเธอออกไปเก็บผักป่า"
ในช่วง 10 โมงเช้ามีเสียงของเด็กชายร้องเรียกหวังซูซูเพื่อชวนกันออกไปเก็บผักป่าอย่างเช่นทุกวัน จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเหอจิ่นโต้วเด็กกำพร้าที่อยู่บ้างข้างกัน
"พี่ชายอาโต้ว ซูซูอยู่นี่ ซูซูพร้อมแล้ว ว่าแต่พี่ชายกินอะไรมารึยัง"
จ๊อก จ๊อก
"อึ..อื้อ กินมาแล้ว ไปกันเลยไหม?"
การกระทำของเด็กน้อยทั้งสองคนอยู่ในสายตาของเจียหนิงทุกอย่าง เธอเองก็อยากจะไปเก็บผักป่ากับเด็ก ๆ ด้วย เพื่อที่หาวิธีเอาเนื้อไก่ในมิติออกมาทำอาหารมื้อเย็น
"รอเดี๋ยวเด็ก ๆ แม่จะไปช่วยซูซูเก็บผักป่าด้วยคนนะ เผื่อจะหาอะไรมาทำกินตอนเย็นด้วย รอแม่แป้บนึงนะซูซู อาโต้ว"
"ค่า/ครับพี่สาว"
เจียหนิงรีบกลับเข้าไปในห้อง ก่อนที่เธอจะเข้าไปหยิบซาลาเปาในมิติ พร้อมกับใช้ไมโครเวฟอุ่นให้ร้อนแล้วนำออกมาห่อด้วยกระดาษห่ออาหาร ทั้งยังเอาน้ำดื่มออกมาเตรียมพร้อมให้เด็ก ๆ อีกด้วย
"พร้อมแล้วจ้ะ พี่เซียวเหริน ในถุงผ้านี้มีซาลาเปากับน้ำดื่มอยู่ ถ้าพี่หิวก็กินได้เลยนะ ไม่ต้องเหลือไว้ให้พวกเรา ฉันเตรียมไว้ให้ซูซูกับอาโต้วแล้ว ฉันจะดูแลเด็ก ๆ เองพี่ไม่ต้องเป็นห่วง"
ถุงผ้าใบเก่าถูกเจียหนิงหยิบมาใช้งานอีกครั้ง เธอวางถุงผ้าไว้ใกล้ ๆ สามีเผื่อเธอกลับออกมาไม่ทันตอนเที่ยงวันเขาจะได้มีอะไรกินรองท้อง
"ขอบใจมากนะอาหนิง อย่าลืมเอามีดพร้าติดมือไปด้วยนะ"
"จ้ะพี่"
เจียหนิง ซูซูและอาโต้วเริ่มออกเดินทางทันที วันนี้มีอาโต้วคอยเป็นคนนำทาง ส่วนเจียหนิงก็เริ่มจดจำเส้นทางไปด้วย ขณะเดียวกันเธอก็ชวนเด็ก ๆ พูดคุย
"ซูซู กินซาลาเปารองท้องหน่อยนะลูก อาโต้วก็ด้วย เดี๋ยวจะไม่มีแรงเดินหาผัก"
อาโต้วมองหน้าเจียหนิงด้วยความลังเล ก่อนที่จะหันไปมองหน้าซูซูเพื่อขอคำตอบ
"กินเลยพี่ชายอาโต้ว แม่เจียหนิงใจดีนะ"
"อื้อ ขอบคุณครับพี่สาว"
เด็กชายวัย 8 ขวบยอมรับซาลาเปาจากเจียหนิงไปกัดกินอย่างว่าง่าย ทว่าพอได้ลิ้มลองรสชาติซาลาเปาไส้หมูเข้าไปเพียง 1 คำ มันอร่อยจนอาโต้วต้องรีบกินส่วนที่เหลือจนหมดภายในพริบตาเดียว
"อร่อยละสิ ยังมีอีกลูกนึงนะ กินได้เลย"
"เอ่อ..ผมขอเอาเก็บไว้กินตอนเย็นได้ไหมครับ"
ซาลาเปาลูกอวบ ๆ ตรงหน้ามันช่างล่อตาล่อใจอาโต้วเหลือเกิน แต่พอนึกถึงตอนที่ตัวเองไม่มีแม้แต่อาหารจะกินก็ทำให้เขานึกเสียดายจนอยากเก็บเอาไว้กินทีหลัง
"กินเข้าไปเถอะอาโต้ว น้ำขวดนี้ก็เป็นของหนู ที่บ้านยังมีอีก ถ้าเราหาของกินในป่าไม่ได้เราก็ยังมีซาลาเปาให้กิน"
"ขอบคุณครับ ขอบคุณครับพี่สาว"
"คิก อร่อยละซี๊"
"อื้อ อร่อย แม่เจียหนิงของซูซูทำของกินอร่อยจริง ๆ"
เด็กน้อยทั้งสองเดินหน้าเข้าป่าอย่างมีความสุข ช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ เดินเข้าไปไม่ลึกก็มีผักป่าให้เก็บมากมาย ระหว่างนั้นก็มีเด็ก ๆ ในหมู่บ้านสะพายตะกร้าขึ้นหลังเพื่อเข้าไปเก็บผักป่าเช่นกัน ส่วนบรรดาพวกผู้ใหญ่ก็เข้าไปทำงานในคอมมูนกันหมด
"ว้าว ผักหนาม ยอดอวบดีซะด้วย เด็ก ๆ ระวังหนามนะลูก"
ผักชนิดแรกที่พวกเขาเจอก็คือผักหนามป่าที่มียอดอวบใหญ่ เจียหนิงเอื้อมเก็บยอดที่อยู่สูงส่วนเด็ก ๆ ก็เก็บยอดที่อยู่ต่ำ ๆ ได้อย่างชำนาญ
"แม่เจียหนิงไม่ต้องห่วง ซูซูมาเก็บบ่อยเลยรู้ว่าต้องเก็บยังไงไม่ให้โดนหนาม"
ทั้งสามคนช่วยกันเก็บผักหนามตามเนินเขาไปเรื่อยจนเต็มตะกร้า ก่อนที่จะไปเก็บผักกูดที่เกิดอยู่ตามพื้นต่อ
"ซูซูมาเก็บผักกูดตรงนี้เร็วเข้า เกิดใหม่ ๆ ลำต้นอ่อนน่าดู"
"ได้เลยพี่ชายอาโต้ว ซูซูจะไปเดี๋ยวนี้"
"เด็ก ๆ เก็บผักกูดอยู่ตรงนี้นะลูก เดี๋ยวแม่จะไปดูหน่อไม้ทางนั้นต่อ"
เจียหนิงชี้ไปทางกอไผ่ที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนัก พอเด็ก ๆ ได้เห็นจึงพยักหน้ารับแล้วก้มเก็บผักกูดที่อยู่ตรงหน้าต่อ
