ตอนที่6. ชอบตัวเหมือนแมวจริงๆ
“กังยูไม่อยู่หนูปลายเค้าเขียนเพลงรักไว้รอตั้งเป็นสิบๆ เพลง” ยิหวาแซวออกมาเล่นเอาปลายรุ้งหน้าแดง
“จริงเหรอ” ชายหนุ่มคนเดียวในกลุ่มหัวเราะร่า ไม่ได้ใส่ใจหรือจริงจังกับคำพูดล้อเล่นของยิหวานัก
“ไม่ได้แค่เขียนเพลงรักน่ะเขียนนิยายจบเป็นเล่มๆ พี่อ่านแล้วเห็นหน้าพระเอกเป็นกังยูเลยล่ะ” คราวนี้กาอินเสริมทัพบ้างทำให้เอาปลายรุ้งแดงไปทั้งตัวจนต้องแสร้งลุกขอตัวไปเข้าห้องน้ำ “ใครจะไปเหมือนหวาล่ะมีแต่เรื่องทุกวี่วัน”
“มาลงที่หวาอีกจนได้” ยิหวาหัวเราะ
“ก็พี่เป็นห่วงเลยอยากเตือนไว้วงการนี้มันฉาบฉวยไม่เหมาะกับหวานักหรอก” คราวนี้น้ำเสียงกาอินเคร่งเครียดจนยิหวารู้สึกได้
“หวาเข้าใจ...หวาก็ว่าจะหาสมัครงานที่อื่นอยู่เหมือนกันค่ะ”
“งานสายอื่นไม่ใช่งานที่อื่น...หวาเป็นคนมีความสามารถน่าจะหางานที่ตรงตามบุคลิกของหวาได้” กาอินแนะนำ “ดูอย่างปลายซิ! บุคลิกเค้าเรียบร้อยก็ทำงานด้านหนังสือเป็นนักแปล,นักเขียนแล้วก็แต่งเพลงอีก”
“อย่างปลายเค้าเรียกพรสวรรค์ค่ะพี่กาอิน” ยิหวาหันไปทางกังยู “ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วกวาดรางวัลเพียบเลย แล้วถ้าไม่มีปลาย-หวาคงไม่ได้เจอกังยูกับพี่กาอินหรอกคะ”
“เกินไปแล้วจ๊ะหวา” ปลายรุ้งได้ยินที่ยิหวาพูดพอดีที่เธอเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง
“ก็มันจริงนี่” ยิหวายื่นหน้ามาทางเพื่อนรัก “ก็เธอได้ทุนไปเรียนภาษาที่เกาหลีตั้งหกเดือนถึงได้เจอกังยูแล้วพวกเราทั้งหมดถึงได้เป็นเพื่อนกันไง”
“จริงด้วยซินะ” กังยูหัวเราะเบาๆ “นานๆ เจอกันพร้อมหน้าแบบนี้ต้องฉลองแล้วละ”
“นั้นซิ! แบบนี้ต้องฉลอง!” ยิหวาดีดนิ้ว “เอาร้านไหนดีที่มีทั้งเนื้อย่างเกาหลีกับส้มตำรสแซ่บๆ บ้างละ”
ข้อเสนอของยิหวาทำเอาทุกคนหัวเราะร่าออกมา กาอินโบกมือห้ามทัพก่อนที่เมนูประหลาดๆ จะหลุดออกมาจากปากของยิหวาอีก
“วันศุกร์ต้นเดือนแบบนี้ออกไปร้านไหนก็คนแน่น ไปกินข้าวบ้านหวาไม่ดีกว่าเหรอคะ” ปลายรุ้งเสนอ “เราแวะซูปเปอร์ฯ ซื้ออะไรเข้าไปทำกินกันจะได้นั่งคุยสบายๆ ไม่ต้องกังวลอะไรด้วย”
“ความคิดของปลายนี่แจ่มมากเลยจ๊ะ” กาอินเห็นด้วยแล้วหลิวตามาทางยิหวา “ดูเหมือนลูกสาวเจ้าของบ้านจะลืมไปว่าคุณช่อแก้วทำอาหารได้อร่อยเด็ดกว่าร้านไหนนะเนี่ย”
“ไอ้เรื่องหญิงๆ อย่าเอามาพูดกับหวาได้ไหมคะ” ยิหวากอดอกทำหน้างอน “ใครจะไปน่ารักเท่าปลายรุ้งได้เล่า”
“ยอมรับความจริงก็ดีแล้วนี่” กาอินหัวเราะแล้วเรียกพนักงานมาเก็บดอกไม้แช่ในตู้เย็นไว้ก่อน “เดี๋ยวเรามูฟกันเลยดีกว่านะ พี่ไม่ละคิดถึงคุณช่อแก้วจริงๆ”
“นี่ๆ รู้สึกไหมว่าทุกคนพูดเหมือนแม่ของหวาเป็นแม่ของทุกคนอ่ะคะ”
“อ้าว!หวาไม่รู้เหรอว่าเราน่ะเด็กเก็บมาเลี้ยงแต่พวกพี่นี่ลูกแท้ๆ เลยนะ”
“พี่กาอิน!!!”
เสียงหัวเราะแห่งความสุขดังประสานขึ้นในห้องเสื้อสุดหรูกลางกรุง สายตาของกังยูพราวระยับเมื่อมองที่ใบหน้าสดใสของยิหวาโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาอีกคู่ที่เฝ้ามองอย่างอ่อนหวาน แม้จะเจ็บปวดยามที่เห็นคนที่ตัวเองรักมองหญิงอื่นก็ตามที ปลายรุ้งได้แต่ยกมือทาบที่หน้าอกบอกใจไม่ให้เจ็บเพราะทั้งสองคนคือเพื่อนรักของเธอ
คำว่า”เพื่อน”จะไม่ต้องไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
......
‘ดร. อธิปัตย์’ หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบห้าสัมผัสได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเขาอยู่จนต้องเงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เขาถึงกับต้องถอนแว่นสายตาของตนออกขยี้ตาตัวเองเพราะไม่แน่ใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“จะไม่เชิญให้นั่งหรือครับ”
“เอ่อ...ถ้าคิดว่านั่งที่นี่ได้ก็เอาซิ” ดร. อธิปัตย์ตอบอย่างงุนงงเขาชอบนั่งทำงานในร้านกาแฟใกล้ตึกคณะของมหาวิทยาลัยเสมอๆ “ผมไม่คิดว่าคุณจะมาถึงที่นี่”
“ผมก็คิดอย่างนั้น...แต่การโทรศัพท์หรืออีเมล์คงไม่เหมาะกับเรื่องที่ผมจะพูดนัก” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มเลื่อนเก้าอี้ตรงข้ามแล้วทรุดตัวลงนั่ง พนักงานสาวเข้ามายื่นเมนูให้อย่างรู้หน้าที่
“เอาอะไรก็ได้ที่หวานๆ พ่อหนุ่มคนนี้เป็นโรคขาดความหวานในชีวิต” ดร.อธิปัตย์ยิ้มเหมือนจะหัวเราะทำให้ใบหน้าเขาดูอ่อนโยนลงแม้ว่าจะมีผมสีดอกเลาแล้วก่อนวัยก็ตามที “หรือว่าคุณอยากได้ผ้าเช็ดผมสักผืน”
“ผมดื่มเหมือนดร.จะดีกว่า” เขากระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนยกมือปัดผมตัวเองแรงๆ ให้น้ำฝนที่เกาะเส้นผมยาวประบ่าของตนกระเซ็นไปถูกคนที่นั่งตรงข้าม
“ชอบตัวเหมือนแมวจริงๆ” ดร.อธิปัตย์หัวเราะออกมา“หรือว่าอยู่ในเมืองนานจนเชื่องเหมือนแมวนะฌาน”
‘ฌาน’ ชายหนุ่มเจ้าของความสูง 193 เซนติเมตรและใบหน้าคมเข้ม ผมยาวประบ่าของเขามีสีน้ำตาลเข้มกว่าดวงตาเล็กน้อยที่ถูกซ่อนอยู่หลังแว่นตากันแดดทรงกลมสีชาที่เขาสวมอยู่ เขาดูเหมือนชายหนุ่มอายุสามสิบหกแต่ไม่มีใครรู้ความจริงว่าตัวเลขอายุเขาเท่าไหร่ ร่างใหญ่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลายเมื่อกาแฟร้อนๆ มาเสิร์ฟเรียบร้อยแล้ว
“จมูกคุณยังดีที่รู้ว่าผมอยู่ที่ไหน” ดร.อธิปัตย์หยอกเล่นเมื่อเห็นเขายกกาแฟขึ้นจิบแล้ว “ดูไม่ออกว่าร่างกายคุณแย่ลงจนแจ้นมาหาผมถึงมหา’ลัยแบบนี้”
“มันไม่ได้แย่ลง” เขาโคลงศีรษะอย่างเบื่อหน่าย “มันเหมือนมีบางสิ่งที่มีอำนาจเหนือผมพยายามควบคุมผมอยู่”
“จะเป็นไปได้ยังไง” คราวนี้ดร.อธิปัตย์ทำหน้าเครียด “พวกมันอาจจะได้กลิ่นคุณจากตัวผมก็ได้”
“มันไม่ใช่อย่างนั้น” ฌานครางในลำคออ่างอับจนถ้อยคำจะอธิบาย และเพราะเหตุนี้ทำให้เขาต้องเดินทางหลายร้อยกิโลเมตรจากไร่เล็กๆ ในจังหวัดอุบลราชธานีมาถึงกรุงเทพฯ เพียงเพราะอาการแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในตัวเขา
“โอเค.เพราะแบบนี้คุณถึงมาหาผม” ดร.อธิปัตย์วางนิ้วบนคีย์บอร์ดแล้วปิดโน้ตบุ๊ก “ถ้าคุณอธิบายได้ก็คงแค่ส่งตัวอย่างเลือดมาให้ผมทางไปรษณีย์”
ฌานหัวเราะในลำคอแล้วลุกขึ้นช่วยดร.อธิปัตย์เก็บเอกสารบนโต๊ะ มือหนึ่งของดร.มีแก้วกาแฟกระดาษในมือและหนีบเอกสารไว้ในซอกแขน ในขณะที่หนุ่มใหญ่หน้าตาไปทางยุโรปช่วยหิ้วโน้ตบุ๊กให้เดินกลับเข้าในมหาวิทยาลัยอีกครั้ง
