ตอนที่3.
“เออพี่รู้ว่าของแกมันของจริงหมดนั้นแหละ” ชิงชัยถอนหายใจหนักๆ เสยผมยุ่งๆ อย่างไม่รู้จะทำอะไร “แต่แกก็ต้องเข้าใจพี่ด้วยนะ”
“เข้าใจค่ะ หวาทำงานที่นี่มาตั้งสองปีแล้วทำไมจะไม่เข้าใจ” เธอยักไหล่เก๋ “พี่ชิงน่าจะย้ายหวาไปทำงานโต๊ะข่าวสายการเมืองหรือไม่ก็อาชญากรรมให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยหวาจะได้ไม่มาสร้างเรื่องให้พี่ชิงปวดหัวแบบนี้”
“แล้วอีกอย่าง...ถ้าตรวจสอบไปๆ มาๆ มันมีคนศอกกลับย้อนถามว่าแกไปปาร์ตี้นั่นด้วยหรือเปล่าจะทำไง”
“ก็หวาไปจริงๆ นี่แต่หวาไปเก็บข้อมูลมาเขียนสารคดีของหวาต่างหาก ที่นี่ไม่ห้ามที่พนักงานจะทำฟรีแลนซ์ไม่ใช่เหรอคะ”
“เออ...แต่มันไม่เหมาะเว้ยยย” ชิงชัยชักเริ่มจะรำคาญรุ่นน้องคนนี้เต็มที “เอาเป็นว่าแกปล่อยๆ ยัยจีจี้นี่ไปเถอะ อย่าไปจิกกัดยัยคนนี้บ่อยนักเลย”
“ก็ไม่ได้อยากทำนักหรอกคะแต่มันอดเอาเรื่องจริงมาตีแผ่ไม่ได้”
“นี่สาบานนะว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัว” ชิงชัยยกกาแฟร้อนขึ้นจิบ “เรียนจบที่เดียวกับจีจี้ไม่ใช่เหรอ”
“หน้าอย่างหวาจะไปอิจฉาใครเค้าเป็น” เธอทำท่าแหวะแล้วลุกขึ้นยืน “ถ้าไม่มีอะไรแล้วหวาไปทำงานนะคะ มีนัดสัมภาษณ์ผู้กำกับละครค่ะ”
“เออไปเถอะ ถามเค้าแต่ประเด็นเรื่องงานนะเว้ย อย่าไปคุ้ยเรื่องเมียน้อยเค้าหละ”
“เจ้าคะ” ยิหวาย่อตัวถอนสายบัว “แต่ถามเป็นการส่วนตัวได้ใช่ไหมเจ้าคะ”
“ถ้าแกจะถามเรื่องแบบนั้น พี่ว่าถามเรื่องที่เค้าปั้นกิ๊กมาเป็นนางเอกใหม่ดีกว่า” ชิงชัยโบกมือไล่ “ไปไกลๆ ได้แล้วพี่ไม่อยากเห็นหน้าแกนานนักหรอก เดี๋ยวกาแฟมันจะเหม็นบูดเอา”
ยิหวาหัวเราะเบาๆ แล้วเดินออกมาเพื่อไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เมื่อจัดการเก็บอุปกรณ์ที่จะใช้สัมภาษณ์เธอก็เดินไปหาพี่หนึ่ง-ช่างภาพที่จะออกไปทำงานด้วยกัน
“ขอห้านาที พี่โหลดรูปอยู่”
“ให้สิบก็ได้” ยิหวายิ้มแล้วนั่งที่เก้าอี้ว่างรอช่างภาพคีย์ข้อมูลบางอย่าง เธอชะโงกหน้าดูรูปที่ปรากฏบนจอคอมพิวเตอร์ ภาพนางแบบสาวโพสท่าเซ็กซี่ในไร่องุ่นทำให้เธอรู้สึกคุ้นตาอย่างประหลาด
“ที่ไหนพี่สวยจังเลย”
“นางแบบหรือองุ่น” ชายหนุ่มหัวเราะปากว้าง “ใกล้ๆ นี่เองนครปฐม อยากไปเหรอ”
“เปล่าค่ะ...แค่รู้สึกเหมือนกับว่าเคยไปเที่ยวไร่องุ่นที่ไหนสักแห่งแต่นานจนจำไม่ได้แล้วว่าที่ไหน....”
“แก่แล้วนี่เรา...แค่นี้ก็หลงๆ ลืมๆ ซะแล้ว”
“เหอะ!” ยิหวาทำเสียงขึ้นจมูก “อย่าคิดว่าคนอื่นจะเหมือนตัวเองซิ”
“บอกตัวเองหรือบอกพี่ละ” ช่างภาพหนุ่มหัวเราะ “ได้ยินว่าโดนพี่ชิงชัยเรียกไปดุอีกแล้วเหรอ”
“ก็เรื่องเดิมนั้นแหละ” ยิหวายักไหล่
“ไปยุ่งกับเด็กเสี่ยมากๆ ระวังจะถูกย้ายที่ทำงานใหม่นะ” หนึ่งเตือนอย่างหวังดี
“จะเด็กใครก็ช่าง แต่ทำอะไรไว้ก็ต้องกล้าทำกล้ารับซิ”
แววตากลมโตฉายแววเด็ดเดี่ยวอย่างที่เจ้าตัวไม่รู้สึกตัว ช่างภาพหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจเขาเป็นรุ่นพี่ยิหวาหลายปีรู้เรื่องวงในมากกว่ายิหวาหลายเท่านั้น
บางเรื่องราวก็ไม่มีอยู่ในตำราเรียนต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ในชีวิตจริง
..............................
‘จีระนันท์’ ดาราสาวก้าวออกมาจากห้องลองเสื้อผ้าในชุดราตรีสีดำเป็นมันวาวเน้นสัดส่วนและเปิดเผยเรือนร่างจนคนที่เงยหน้ามองตกใจจนยกมือทาบอก หญิงสาวยักไหล่แล้วโพสท่าเซ็กซี่ยั่วยวนแต่ผู้จัดการโบกไม้โบกมือไปมา
“ไม่ไหวหรอกยัยจีจี้ เอาชุดที่มันเรียบๆ กว่านี้ไม่ได้เหรอ” ‘อามี่’หรืออดีต ‘อาร์ม’ ชายหนุ่มหัวใจสีรุ้งกุมขมับ “พี่ว่าให้พี่เลือกชุดให้จีจี้ใส่ไปงานประกาศผลรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเองดีกว่าจ๊ะ”
“ไม่เอาหรอก” จีจี้หรือจีระนันท์เบ้ปาก เธอดูเงาตัวเองในกระจกบานใหญ่ที่ฉายภาพเธอได้เต็มตัว “พี่อามี่เลือกอะไรให้จีจี้ใส่ดูแอ๊บแบ๊วยังไงไม่รู้ จีจี้อยากเปลี่ยนลุกค์ตัวเองเป็นสาวเซ็กซี่”
“แต่พี่ว่ามันไม่เหมาะกับจีจี้หรอก” อามี่พยายามโน้มน้าวใจดาราสาวในสังกัด ทั้งเธอเองก็นึกรำคาญจนอยากตบหัวสักผัวะ! สองผัวะ! เหมือนกัน “เอางี้จีจี้ใส่ชุดเกาะอกก็ได้แต่พี่ขอสีหวานๆ ฉ่ำๆ ได้ไหมคะ”
“แล้วจีจี้จะไม่กลายเป็นลูกกวาดเหรอคะ” เธอยังคงเสียดายชุดดำมันวาวเข้ารูปที่สวมอยู่นี้มากกว่า
“ทนๆ เอาหน่อยเถอะจ๊ะ ข่างคาวๆ มันจะได้เงียบๆ หน่อยไง” อามี่เดินไปเลือกชุดราตรีอีกชุดออกมาทาบตัวดาราสาว
“แหม! ก็จีจี้เครียดก็ต้องไปหาที่พักผ่อนบ้างนี่คะ” ยังพูดไม่จบผู้จัดการหนุ่มหัวใจสาวก็รีบตะครุบปากน้อยๆ ของจีจี้ไว้
