ตอนที่2.
“อ้าวยัยปลาย! หล่อนเพื่อนฉันนะยะต้องเข้าข้างฉันซิ” ยิหวาทำหน้างอนจนปลายรุ้งหัวเราะออกมา
“แต่ตามหลักแล้วเราต้องเชื่อหลักฐานไม่ใช่เหรอจ๊ะแม่นักข่าวสาวคนเก่ง” ปลายรุ้งยิ้มกว้างแล้วหันไปถามคุณช่อแก้ว “รับเพิ่มอีกไหมคะคุณแม่”
“ไม่แล้วจ๊ะ ปลายรุ้งนี่เป็นแม่บ้านแม่เรือนจริงๆ น่ารักแบบนี้แม่อยากให้เป็นลูกสาวแม่จริงๆเลย”
“แม่พูดแบบนี้หวาน้อยใจนะคะ” ยิหวาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วกอดคอปลายรุ้ง “ตั้งแต่ปลายมาอยู่บ้านเรา หวาก็คิดว่าเค้าเป็นสมาชิกคนหนึ่งในบ้านแล้วละคะ”
“สำหรับแม่...ปลายก็เหมือนลุกสาวแม่คนหนึ่ง” คุณช่อแก้วยิ้ม “แต่แม่อยากให้หวาทำตัวเรียบร้อยน่ารักเหมือนปลายบ้างต่างหากละ”
“แม่ขออะไรที่หวาทำได้หน่อยไม่ดีกว่าเหรอ” ยิหวาหัวเราะแล้วหยิบย่ามคล้องไหล่ “เอาเป็นว่าหวาจะเข้มแข็งปกป้องสาวๆ ในบ้านนี้เองค่ะ”
ยิหวาลาคุณช่อแก้วและปลายรุ้งแล้วจึงเดินออกมาขึ้นรถโฟลค์สีเขียวอ่อนของตัวเอง มันเป็นรถเต่าเก่าแก่อายุมากกว่าเธอสักยี่สิบปีเห็นจะได้ แต่สภาพเครื่องยนต์ที่เจ้าของดูแลอย่างดีทำให้มันขับเป็นทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์กว่าสภาพภายนอกที่เห็น
ยิหวาทำงานเป็นนักข่าวสายบันเทิงให้หนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่ง ในความเป็นจริงเธออยากทำงานสายข่าวการเมืองมากกว่า แต่ไม่รู้ยังไงทำไมถึงจับเธอให้มาทำงานสายบันเทิง ทีแรกเธอก็ไม่คิดอะไรมากจบมาสมัครงานแล้วได้งานที่อยากทำเลยเธอก็รีบคว้าไว้ก่อน แต่ไปๆ มาๆ สองปีมานี่เธอก็ไม่มีวี่แววจะได้ย้ายไปทำโต๊ะข่าวการเมืองเลย
รถเต่าสีเขียวใบไม้เปิดเพลงบรรเลงเบาๆ เข้ามาทำงานแถบประชานิเวศน์ ถ้าแม่ไม่มีปลายรุ้งอยู่เป็นเพื่อนก็คงเหงาไม่น้อยทีเดียว สามปีมานี่ชีวิตมีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างจนแทบตั้งรับไม่ไหว วันที่เธอรู้ว่าพ่อเลือกจากไปพร้อมหญิงสาวอีกคนนั้น เธอไม่มีน้ำตาเลยสักหยดทั้งที่เจ็บร้าวในใจนัก เธอรู้เพียงว่าต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นเสาหลักให้กับแม่ นับว่าตอนนั้นยังโชคดีครอบครัวเธอไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทองและพ่อยกบ้านหลังนี้ให้เธอกับแม่อยู่ และเธอยังมี ‘ปลายรุ้ง’ เพื่อนสาวที่แสนดีคอยให้กำลังใจ ยิหวาหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงวันที่เธอไปหาปลายรุ้งที่บ้าน บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างพ่อกับแม่ของเธอ คนที่ร้องไห้กลับเป็นปลายรุ้งแทนที่จะเป็นเธอ ปลายรุ้งกอดเธอแน่นแล้วร้องไห้เสียงดังจนป้าของปลายรุ้งต้องเข้ามาดูพวกเธอ ปลายรุ้งเป็นเด็กกำพร้าและเป็นเพื่อนเธอมาตั้งแต่ประถมเพราะเรียนห้องเดียวกันจึงทำให้สนิทสนมกัน แต่เมื่อขึ้นมัธยมปลายรุ้งก็ไปเรียนต่อที่อื่นแต่ทั้งคู่ก็ยังติดต่อกันเรื่อยมาจนกระทั้งปลายรุ้งสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกับยิหวา มิตรภาพก็ทำให้ทั้งคู่ผูกพันกันมากขึ้นและเมื่อเกิดเหตุการณ์พ่อกับแม่แยกทางกันเธอจึงชวนปลายรุ้งมาอยู่ที่บ้านเธอด้วยกัน อย่างน้อยแม่ก็มีเพื่อนและปลายรุ้งไม่ต้องเสียค่าเช่าหอพัก
ไม่นานนักรถโฟลค์เต่าสีเขียวอ่อนก็แล่นเข้ามาจอดในที่ทำงานของเธอ แล้วร่างบางก็เดินเข้ามาที่ทำงานปกติเช่นทุกวันที่เคยเป็นมา ชีวิตที่แสนจะวุ่นวายทำให้เธอลืมคิดเรื่องฝันร้ายเมื่อเช้าตรู่ ฝันเช้าที่ใครหลายคนทำนายว่ามันจะเป็นจริง
“หวา! บก.เรียก”
“เรียกแต่เช้าเลยเหรอ” ยิหวาทำท่าโอดครวญเธอยังเดินไม่ถึงโต๊ะทำงานด้วยซ้ำแต่ก็พอจะเดาได้ว่าเรื่องอะไร หญิงสาวเดินหน้าบึงตึงเข้าไปในห้องทำงานของคุณชิงชัย หัวหน้าของเธอซึ่งนั่งหน้าเครียดยิ่งกว่ากาแฟดำในแก้วของเธอเสียอีก
“พี่ชิงเรียกหวาเหรอคะ”
“ถ้าแกเรียกชื่อฉันเต็มๆ ไม่ได้ก็เรียกคำหลังได้ไหมอย่าเรียกคำหน้าคำเดียว” คุณชิงชัยเป็นหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบห้าแต่งงานมาแล้วสองครั้งและคาดว่าจะมีครั้งที่สามเร็วๆ นี้
“ค่ะพี่ชิง....ชัย” ยิหวาลากเสียงยียวนแล้วทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับหัวหน้า
“เมื่อวานต้นสังกัดของจีจี้มาคุยกับพี่....”
“ให้ทำข่าวคาวๆ เป็นข่าวขาวๆ หรือคะ” ยิหวาดักคออย่างรู้ทัน “ก็แล้วแต่พี่ชิงนะคะ แต่หวายืนยันหว่าคลิปมือถือนั่นของจริงเพราะหวาถ่ายเองกะมือแล้วหวาก็อยู่ในงานนั่นด้วย”
