ตอนที่ 5 สถานะใหม่...สถานะพยาน [1]
สถานะใหม่...สถานะพยาน
หลังจากเขาเอากุญแจ มือมาใส่ผมแล้วเขาก็ออกไป โดยไม่ฟังคำผมเลยแม้แต่น้อย เพราะเป็นตำรวจเหรอเลยไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นคนอื่น
"พี่คลื่น" ลูกน้ำก้มมองที่กุญแจมือที่ผมเพิ่งได้รับมาด้วยสายตา ที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
"พี่ไม่เป็นอะไรลูกน้ำ อย่าร้องมาหาพี่มา" ผมเรียกให้น้องสาวที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นเดินมาหาตัวเองที่เคียงคนป่วย
ลูกน้ำเดินมานั่งเก้าอี้ที่คุณผู้กองคนนั้นเลื่อนมาเมื่อกี้ ก่อนที่ยัยน้องสาวตัวดีจะค่อยๆเอามือมาลูบที่กุญแจมือผม
"พี่คลื่น ฮึก...พี่ไม่ได้ทำ ฮึก...ใช่ไหมคะ"
"นี่ยัยน้ำ เห็นพี่เป็นคนยังไงห๊ะ" ผมถามน้องสาวตัวดี ที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ไม่ห่างจากผม
"แล้วหลักฐานที่เราส่งให้เขาไปล่ะลื่น มันไม่สามารถช่วยอะไรคลื่นได้เลยเหรอ" พี่ธารสงสัยในสิ่งที่ผมเองก็สงสัยและเอยปากถามผู้กองไปแล้ว
"มันก็คิดได้หลายแบบจริงไหมครับ" คุณตำรวจมาดขรึมบอกให้ผมได้คิดตามเขา
"คุณอาจจะสร้างสถานการณ์ว่าจริงแล้วคุณ กำลังอัดเสียงคนร้ายแต่จริงอาจจะเป็นคุณที่เป็นคนฆ่าแล้วปรับแต่งเสียงก่อนจะส่งมาให้ตำรวจก็ได้จริงไหม"
มันก็จริงอย่างที่เขาว่าเพราะตอนนั้นตกใจเกินเลยไม่ได้ถ่ายคลิปไว้แทนที่จะอัดเสียง โง่จริงๆเลยไอ้ลูกคลื่น พอนึกถึงสีหน้าคุณตำรวจที่มองมาที่ผมด้วยสายตาจับผิดผมแล้วก็ยังรู้สึกแย่ไม่หายเลยครับ
"เพราะไม่เห็นหน้าคนร้ายมันเลยไม่สามารถบอกได้ว่าผมเป็นคนร้ายหรือเป็นพยานในที่เกิดเหตุน่ะครับ" ผมเองก็คงต้องหาทางพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าผมไม่ได้เป็นฆ่าบุคคลทั้งสองคน
"แล้วงี้พี่ช่วยอะไร ลูกคลื่นได้บ้างไหม"
"ไม่เป็นไรครับ ผมฝากพี่ธารดูคาเฟ่ด้วยนะครับ" คาเฟ่ที่แม่ทิ้งไว้ให้ผมรักมันไม่ต่างจากชีวิตตัวเอง ทำทุกทางเพื่อรักษาคาเฟ่ไว้ให้ยัยน้องสาวตัวดี
"ได้ๆๆ เดียวพี่กับทิวเขาจะช่วยกันดูแลให้"
"ครับ" ผมตอบรับสั้นก่อนจะทอดสายตามองออกนอกระเบียง
"ถ้างั้นพี่กลับไปดูร้านก่อนน่ะ" ผมหันกลับมาพยักหน้าให้กับพี่ธาร พี่ธารเป็นลูกจ้างเก่าของแม่ ตอนแม่ยังมีชีวิตอยู่ตอนนั้นพี่ธารเขาเป็นแค่เด็กพาร์ทามของร้านคาเฟ่ร้านนี้ ส่วนทิวเขาผมรับน้องเข้ามาเพราะน้องจบคหกรรม แล้วบวกกับเซฟเบเกอรี่คนเก่าเขาขอลาออกพอดี
ทั้งสองคนเป็นกำลังสำคัญในการชวนผมทำคาเฟ่นี้เลยก็ว่าได้ ที่ร้านยังมีลูกจ้างอีกสองคน คือเด็กสาวหน้าหมวยสายฮาอย่างเพยเพย กับเด็กหนุ่มผิวเข้ม ที่ค่อยช่วยเสิร์ฟขนมและน้ำอย่างทะเลอีกคน
พักหลังๆมาร้านไม่ค่อยมีคนเข้าทำให้ผมต้องรับจ๊อบพิเศษ เพื่อมาช่วยพยุงร้านนี้ไว้ ดังนั้นจ๊อบนี้มันเริ่มจากการช่วยเพื่อนสาวจับกิ๊กของป๊ามันให้กับม๊ามัน ซึ่งค่าตอบแทนที่ได้มามันมากกว่ารายได้ของร้านคาเฟ่ ผมเลยรับงานประเภทนี้เรือยมา แนะนำกันปากคชต่อปากทำให้ผมมีงานแบบนี้ไม่ขาดสาย จนมาซวยเข้ากับเคสนี้แหละครับ
"พี่คลื่นอยากทานไร ไหมคะน้ำจะลงไปซื้อให้"
"จริงๆน้ำไปเรียนก็ได้นะ พี่อยู่คนเดียวได้" ผมไม่อยากให้น้องขาดเรียนสักเท่าไหร่
"น้ำเป็นห่วงพี่คลื่นนิ" ยันตัวแสบเอยก่อนจะเอนหัวลงบนมือที่ถูกล๊อคไว้
"รู้ไหมคะ ตอนพี่คลื่นไม่รับโทรศัพท์น้ำใจไม่ดีเลยค่ะ" ผมยกมือลูบหัวน้องสาวไปพลางฟังเธอบ่นไปพลาง
"แต่ถ้าพี่รับ น้ำก็จะตกใจกว่าเก่าน่ะสิ" ผมจบประโยคแค่นั้นไมได้บอกน้องว่า ที่ตัวเองถูกเจอตัวเป็นเพราะสายเรียกเข้า ของตัวเอง เพราะไม่งั้นน้ำคงได้โทษตัวเอง เรื่องนี้แน่ๆ
"ยิ่งพอพี่ธารโทรมาบอกว่าพี่คลื่นอยู่โรงพยาบาลเพราะตกตึก น้ำยิ่งกลัวรู้ไม" เด็กสาวอ้อนคนเป็นพี่อย่างผมด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเศร้า
"เรามีกันแค่สองคน ถ้าพี่คลื่นเป็นไรไปน้ำไม่รู้เลยค่ะว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงคะ" น้ำร้องไห้ออกมาอีกครั้งจากที่น้องพูดประโยคนั้นจบ ไม่ใช่แค่น้องที่จะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีผม ถ้าในทางกลับกันวันหนึ่งถ้าเกิดไร ขึ้นกับน้ำผมเองก็คงอยู่ไม่ได้เหมือนกัน
50 %
