ตอนที่ 6
แท็กซี่เข้าไปจอดช่องจอด
ไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็วางร่างไร้สติลงบนเตียง กลิ่นแอลกอฮอล์กรุ่นจากใบหน้า ผิวเนื้อเนียนนวล
เขานิ่งอยู่อึดใจจึงเดินเข้าห้องน้ำ ดึงผ้าขนหนูพาดบนราวชุบน้ำพอหมาด กลับออกมาเช็ดตามเนื้อตัวที่อยู่นอกร่มผ้า ตลอดใบหน้าได้ส่วนเพื่อลบคราบเครื่องสำอางที่เจ้าตัวแต่งเอาไว้จัด
“น่ารักกว่าตอนแต่งหน้าอีกแฮะ”
เสียงพึมพำขณะเพ่งมองใบหน้าขาวนวล มีแววชื่นชม แต่ก็ระคนอารมณ์ขันอยู่นั่นเอง
“ใครว่าไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ผมว่าคุณน่ะสวยที่สุดก็ตอนที่ไม่แต่งอะไรเลยนะ คุณเทียนรุ่งคนสวย”
ชายหนุ่มกระเซ้าหน้าเป็น กับร่างที่หลับสนิท
ผ้าขนหนูผืนใหญ่ซึ่งพับอยู่ปลายเตียงถูกคลี่ออกคลุมร่างแน่นิ่ง ในเครื่องแต่งกายที่เจ้าของดูจะตั้งใจอวดสรีระที่มีส่วนโค้งส่วนนูนงดงามเตะตา
“ก็แต่งตัวอย่างนี้น่ะซิ ถึงถูกฉุดไปรุมโทรม แม่คุณเอ๊ย ล่อเสือล่อตะเข้จริงๆ พับผ่า!”
หากคนถูกบ่นยังหลับปุ๋ยอย่างมีความสุข
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ขณะมองร่างแน่นนิ่งของหญิงสาว ก่อนตัดสินใจ
ชั่วครู่ใหญ่ ภายในห้องก็มืดสนิท ร่างสูงทอดตัวลงนอนข้างๆ หญิงสาว
ชายหนุ่มคิดว่าเขาหลับไปเดี๋ยวเดียวแท้ๆ เมื่อสะดุ้งตื่น เพราะเสียงดังแสบแก้วหู ก่อนจะรู้ว่าเป็นเสียงของหญิงสาวที่เขาช่วยหล่อนพ้นภัยมาได้หวุดหวิดนั่นเอง เพียงแต่แหลมปรี๊ดยังกับเสียงไซเรนยังไงยังงั้น
เขารีบตะปบปากหล่อนจนแน่น ก่อนเสียงร้องขอความช่วยเหลือสลับเสียงร้องกรี๊ดๆ จะดังออกไปนอกห้อง
“หยุด! ! คุณจะแหกปากร้องไปทำไม เงียบเดี๋ยวนี้นะ!”
ชายหนุ่มตะคอก
ดวงตากลมใหญ่มองเขาอย่างตื่นกลัว แม้ชายหนุ่มผู้นี้จะรูปหล่อ ใบหน้าคมเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน เรียกได้ว่า หล่อระเบิดเทิดเถิง แต่เขาคือชายแปลกหน้าที่บังอาจมานอนเคียงข้างบนเตียง จึงเริ่มดิ้นรนให้พ้นมือแข็งๆ
กำปั้นน้อยๆ ซัดไปทั่วตัวเขาอย่างมวยวัด
ชายหนุ่มขำก็ขำ ฉิวก็ฉิว
“จะบ้ารึไง หา? ผมช่วยคุณไว้นะ จำไม่ได้หรือไง?” เขาเอ็ด มือยังอุดปากบางนุ่มไว้แน่น
หล่อนยังดิ้นพล่าน มือไม้รัวใส่เขาไม่หยุด แต่ครู่ใหญ่ก็ชะงัก คล้ายกับว่าความทรงจำบางช่วงบางตอนเริ่มกลับมาทีละนิด แม้แววตายังบอกความคลางแคลง
“จำได้หรือยัง?”
เขาถามย้ำ พูดต่อไปอีกว่า
“ผมจะปล่อยมือออก อย่าร้องนะ สำนึกไว้ว่าผมเป็นคนช่วยเหลือคุณให้พ้นไอ้พวกเดนสังคมนั่น ตกลงมั้ย?”
หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงัก ทำมือจำยอมเขา
ชายหนุ่มค่อยๆเลื่อนมือออก อย่างระแวดระวัง
โล่งอกเมื่อไม่ได้ยินกรี๊ดๆ ราวกับคนบ้าอย่างเช่นเมื่อสักครู่
“ค่อยยังชั่วหน่อย ร้องซะตกอกตกใจ ”
“นาย...คุณไม่ได้ทำอะไรฉันแน่นะ?”
เทียนรุ่งถามคาดคั้น สีหน้ายังไม่อยากวางใจ
“ปัดโธ่ ! ถามบ้าๆ ถ้าผมปล้ำคุณจริงๆ คงนอนรอให้คุณมาปู้ยี่ปู้ยำ เอ๊ย! ทำร้ายร่างกายผมอย่างที่ทำหรอก เปิดตูดหนีไปแล้วป่านนี้ อีกอย่างคุณลองดูตัวคุณสิว่าเสื้อผ้าชุดชั้นในอยู่ครบหรือเปล่า เคล็ดขัดยอก...เอ้อ ส่วนสำคัญๆ ตรงไหนมั้ย?”
หล่อนหน้าแดง คงรู้ว่าเขาหมายถึงส่วนไหน แต่ก็รีบก้มลงสำรวจตรวจตัวเอง
“ผู้ชายน่ะนะคุณ ถ้าลงว่าเลวระยำ เอ้อ...ขอโทษ ที่พูดหยาบคาย แต่ผมอยากจะบอกว่า ถ้าผมหน้ามืดขนาดลงมือปล้ำผู้หญิงที่ไม่ได้สติสะตัง เห็นจะไม่มีน้ำใจสุภาพบุรุษใส่เสื้อผ้ากลับคืนให้หรอก แล้วสวยๆ อย่างคุณนี่ รับรองได้เลยว่าครั้งเดียวไม่พอ แล้วจะรีบสวมเสื้อนุ่งผ้าให้ทำไม ให้เสียเวลาถอดรอบสอง”
“ฉัน....ขอโทษ ก็ฉันตกใจนี่ ตื่นขึ้นมาเห็นใครก็ไม่รู้มานอนข้างๆ เป็นคุณคุณจะตกใจมั้ยล่ะ”ถามเสียงอ่อยๆ ไม่เหลือมาดนางแมวป่า
“คุณถามมาก็มีเหตุผล แต่พูดก็พูดเถอะนะ ผมอยากจะเตือนสักหน่อย คุณไม่ควรไปเที่ยวสถานที่แบบนั้นตามลำพัง ขนาดไปเป็นกลุ่มยังถูกหลอกไปโทรม ข่าวมีให้อ่านบ่อยๆ หรือคุณไม่เคยติดตามข่าวสารอะไรเลย นอกจากเรื่องบันเทิงเริงใจ เรื่องดารารักกัน แยกกันที่พวกวัยรุ่นคลั่งไคล้กันนัก”
“ฉัน…”
“ทีอย่างนี้ทำสลด “ ชายหนุ่มยังคงสนุกปากกับการตำหนิ
เขาคิดว่ามีสิทธิ์ที่จะสั่งสอนอบรมหล่อนได้ ในฐานะคนที่ช่วยชีวิตหล่อนไว้
“ท่าทางคุณดูๆ ก็ไม่น่าจะใช่เด็กวัยรุ่นใจแตกเลยนะ เทียนรุ่ง ไหงถึงได้ทำตัว...บ้าๆ ด้วยการกินเหล้าเมายา เข้าไปในสถานบันเทิงสั่วๆ อย่างนั้นด้วยหือ? ไม่รู้หรือว่าที่นั่น ถ้าไม่ใช่พวกวัยรุ่นใจแตกก็ไก่หลงเท่านั้นแหละเข้าไปกัน”
“คุณรู้จักชื่อฉันด้วย?”
มองเขาอย่างระแวง
ชายหนุ่มยักไหล่ ตอบเสียงน่าหมั่นไส้
“มือชั้นนี้!”
พอเห็นสายตาที่มองมาบอกความไม่ไว้วางใจ เขาจึงเฉลย
“นี่...อย่าทำเป็นตื่นตูมไปหน่อยเลย ผมไม่ได้มีผงมีแผนอะไรร้ายๆ กับคุณหรอก ไม่เคยสะกดรอยตามคุณ หรือสืบเสาะเพื่อจะรู้จัก แต่ที่รู้ชื่อก็เพราะเผอิญเห็นซองธนบัตรที่คุณเสียบไว้ที่...หน้าอก เลยเอาออกมาเปิดดู ก็เท่านั้นแหละ”
เทียนรุ่งอึ้ง แก้มแดงต่อหน้าต่อตาเขา เมื่อชายหนุ่มพาดพิงถึงที่เก็บกระเป๋าสตางค์ใบเล็กบางบรรจุเฉพาะธนบัตรและบัตรประจำตัว เท่านั้น บัตรเครดิตบัตรสำคัญอื่นเธอพกไว้ในกระเป๋าอีกใบที่บ้านซึ่งจุได้มากกว่า
