ตอนที่ 5
ไอ้พวกเดนนรก ชิงเปรตเกิด พากันหันขวับ
พอพบว่าเจ้าของเสียงออกคำสั่งห้วนกระด้าง เป็นเพียงบริกรในสถานบันเทิงแห่งนั้น โดยสังเกตเอาจากเครื่องแบบขาวผูกหูกระต่ายสีแดง ความตกใจก็เปลี่ยนเป็นมีโมโห เตรียมจะกรากเข้าไปทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายให้สาใจ ที่มาขัดคอ ขัดจังหวะหาความสุขของพวกมันดีนัก
“มันเรื่องอะไรของแกวะ? เสือกดีนักระวังจะเป็นผีโดยไม่ทันสั่งลาโคตรพ่อโคตรแม่มึงนะโว๊ย!”
ไอ้ร่างใหญ่กว่าเพื่อนพูดดุดัน ย่างสามขุมเข้าหาร่างสูงในชุดขาว
“กระทืบมันให้ตายคาตีนไปเลย เสือกดีนัก!”
อีกสองคนร้องเชียร์ด้วยความคะนอง แต่ไม่ยักเข้าช่วย
คงคิดว่าแค่สหายร่างใหญ่ของพวกมันคนเดียว ก็คงเอาไอ้หนุ่มหุ่นสูงเพรียวได้อยู่หมัดในพริบตา โดยพวกมันไม่ต้องช่วย
แต่แล้วพวกมันก็พากันชะงักกึก
โดยเฉพาะไอ้ตัวที่ย่างสามขุม ในมาดคุกคามเต็มที่ มีอาการสะดุดหยุดกึก เหมือนจู่ๆ มีหมุดยักษ์ตรึงลงมาที่เท้าก็ไม่ปาน
ทั้งนี้เพราะสิ่งที่อยู่ในมือหนุ่มในเครื่องแต่งกายบริกรนั่นเอง
ต่อให้นักเลงจริงยังต้องหยุดคิด เมื่อฝ่ายตรงข้ามมีอาวุธทำลายล้างสูงกว่า
แล้วนี่กลุ่มพวกมัน เป็นแค่นักเลงกระจอก กากเดนสังคม หมาอันธพาลจะเกิดแต่พวกมันดันรีบชิงมาเกิด เพราะไม่อยากลงนรกภูมิ มีหรือจะไม่รวนเร เมื่อถูกจ้องมาด้วยปืน
จะกระบอกเล็กกระบอกใหญ่ ก็ควรหรือที่มันจะทำหาญกล้าแบะอกรับ เอาชีวิตชั่วๆ เข้าเสี่ยง
“เอาล่ะ...”
ชายหนุ่มที่เป็นยิ่งกว่าอัศวินม้าขาวสำหรับหญิงที่นอนไร้สติอยู่บนเบาะหลังรถเก่าๆพูดเนิบๆ ด้วยกังวานเสียงเอาจริง
“ทีนี้ พวกแกจะปล่อยผู้หญิงได้หรือยัง บอกก่อนนะ ประเดี๋ยวจะมาว่าไม่เตือนทีหลัง ว่าอั๊วะยิงแม่น”
“มึงไม่ใช่ลูกผู้ชาย! พวกกูมือเปล่า แต่มึงเสือกใช้ปืน!”
ไอ้คนตัวโตที่สุด กลั้นใจพูด ลืมไปว่าตัวมันเองนั้นเป็นยิ่งกว่าหน้าตัวเมีย เพราะคงไม่มีลูกผู้ชายคนไหนคิดการชั่ว รังแกผู้หญิงและผู้อ่อนแอกว่า นอกจากลูกผู้ชายที่ควรเอาผ้านุ่งเก่าๆ คลุมหัว อย่างพวกมัน
หนุ่มหน้าหล่อในชุดบริกร กระตุกยิ้มที่มุมปาก ตอบกลับเสียงเรียบๆ
“พวกมึงลูกผู้ชายนักล่ะสิ ถึงได้พากันคิดรังแกข่มเหงผู้หญิง เพศเดียวกับแม่ของพวกมึงที่ไม่มีทางสู้กับพวกมึงได้เลย”
กลุ่มกากเดนสังคมทั้งสาม เริ่มเล็งเห็นว่าไม่คุ้มค่าที่จะเอาชีวิตมาเสี่ยงกับลูกปืน จึงพากันถอย หลังจากสบถสาบานหยาบคาย ก่นด่าชนิดแทบจะขุดโคตรไอ้บริกรหน้าหยก
หญิงสาวร่างบางที่แต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้ยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวสักนิด
อัศวินชุดขาวก้มมองหญิงสาวในอ้อมแขนของตนด้วยความหงุดหงิด
ดูเอาเถอะ จนป่านนี้ ยังหลับไม่รู้เรื่องอีก มันน่านัก!
เป็นน้องเป็นนุ่งจะจับตีเสียให้เข็ด
แต่อย่างไรก็ยังถือเป็นบุญที่เกิดมาสวยสะดุด ไม่สะดุดแต่เฉพาะพวกวายร้าย แต่ยังเตะตาเขาเข้าด้วย เป็นเหตุให้เขาจับจ้องหล่อนไม่ละสายตาตลอดเวลา ที่หล่อนเริงร่าในฟลอร์ กระทั่งเห็นชายสามคนพาหล่อนออกมา
เขาแน่ใจว่าพวกนั้นมีจุดประสงค์ร้าย มากกว่ามีเจตนาดี จึงตัดสินใจตามออกมาดู และก็เป็นดั่งที่คิด
เขาสามารถช่วยหล่อนให้รอดพ้นปากเหยี่ยวปากกามาได้ แต่ตอนนี้เขาจะไถ่ถามได้ยังไงว่าบ้านช่องของหล่อนอยู่ที่ไหน จะได้พาไปส่งถูก ในเมื่อหล่อนเมาหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างนี้
“แล้วจะทำยังไงต่อดีละวะ ตู?”
ชายหนุ่มบ่นด้วยความหงุดหงิดปนอารมณ์ขันส่วนตัว ขณะทอดตาลงมองหญิงสาวหน้าตาสะสวยอีกครา
เขาอดที่จะมองเลยหน้าสวยหวาน ผ่านเปลือกตาหลับพริ้ม จมูกโด่งเรียวกำลังงาม ปากบางระเรื่อเผยอนิดๆ ชวนให้จูบ ไปยังช่วงไหล่เปล่าเปลือย
ชายหนุ่มตัดสินใจ
“เอาละ เป็นไงเป็นกัน!”
พูดจบ เขาก็ช้อนร่างบางขึ้น และอุ้มหล่อนมาที่ริมถนน โบกรถแท็กซี่ทันที
“ไปไหนครับ” แท็กซี่เอ่ยถาม
“ไปโรงแรม....”
เขาเอ่ยชื่อโรงแรมเล็กๆ อยู่ห่างจากสถานบันเทิงแห่งนั้นไม่มาก ดึงร่างที่สลบสะไหลให้พิงไหล่ในท่ามั่นคงขึ้น
แล้วก็สังเกตเห็นซองธนบัตรแล่บออกมาจากขอบผ้ายืดที่รัดเหนืออก
ชายหนุ่มขันจนต้องหัวเราะหึๆ เมื่อพบที่เก็บกระเป๋าสตางค์ของเจ้าหล่อน
ความอยากรู้ทำให้ค่อยๆ ดึงซองธนบัตรหนังดำใบสี่เหลี่ยมเล็กออกมาเปิดออกดู
ในซอกหนึ่งบรรจุธนบัตรใบละร้อย ใบพัน และใบห้าร้อย ที่เขาลองนับคร่าวๆได้หลายพันบาท
ดีหรอกว่าไอ้พวกวายร้ายนั่นยังไม่เห็น เลยไม่ถูกฉกเอาไปเสียก่อน
เขาพินิจรูปสีขนาด 4Pในซอกพลาสติกใส หยิบบัตรแข็งใบหนึ่งออกมา เป็นบัตรประจำตัวประชาชนรุ่นใหม่
เขาเอียงให้ถูกแสงไฟจากเสาข้างทาง
นางสาว เทียนรุ่ง เชิดพันธ์
หล่อนเป็นคนในจังหวัดแถบปริมณฑลนี้เอง จากวัน เดือด ปี เกิด ที่ระบุ ทำให้คำนวณอายุหล่อนได้ไม่ยาก
วัยทำงานอย่างนี้ เขาอยากเดาว่าหล่อนคงไม่ได้อยู่กับครอบครัว คงแยกอยู่มาอยู่หอ อยู่แฟลต ต่างหากตามลำพัง ตามยุคสมัยนิยม
บางทีอาจอยู่กับแฟนอย่างสาวหัวล้ำสมัย
เขารู้สึกเสียดายนิดๆ ถ้าหล่อนใช้ชีวิตสมัยใหม่ขนาดอยู่กับเพื่อนชายก่อนแต่งงานเป็นหลักเป็นฐาน เอาตัวอย่างไม่ดีของฝรั่งตะวันตก ซึ่งความจริงแล้ว ถึงเป็นฝรั่ง แต่ฝรั่งผู้หญิงดีๆ มีสกุลรุนชาติ เขาก็รู้จักนวลสงวนตัวเหมือนกุลสตรีไทย ใช่จะใช้ชีวิตเสรีอย่างหาขอบเขตมิได้ เสียที่ไหน
