ตอนที่ 3
เทียนรุ่งเม้มปากแน่น ยอมรับว่าที่เลอสันต์พูดมาเป็นเรื่องจริง แต่การจะยอมรับก็รู้สึกว่าจะยิ่งทำให้ตัวเองไม่มีศักดิ์ศรีใดๆ เหลือ จึงเชิดหน้าขึ้นด้วยมาดทระนง
“คุณไม่เชื่อก็ตามใจ แต่จะบอกอะไรให้ ความผิดหวังที่ตัวเองตัดสินใจผิดพลาด มารักคนผิดเพราะคิดว่าเป็นคนดี แล้วก็รู้ว่า...เลวชาติขนาดไหน ทำให้คนเราเปลี่ยนตัวเองได้อย่างคาดไม่ถึงเลยละ ก็คงเร็วๆ นี้แหละ ที่คุณจะต้องเชื่อและยอมรับว่าฉันไม่ได้พูดเพียงเพื่อเอาชนะ หรือพูดเพื่อหวังผลจะเรียกร้องความสนใจจากคุณ ให้คุณกลับมาหา เพราะผู้ชายคนใหม่ที่ฉันชอบเขามากและคงรักตอบเขาได้ไม่ยาก พร้อมอยู่แล้วที่จะเปิดเผยตัวในฐานะคนรักของฉัน”
พูดจบเทียนรุ่งก็คว้ากระเป๋าเดินออกจากร้านอาหาร โดยไม่ฟังเสียงร้องเรียกตามของชายหนุ่ม
การพบปะกันระหว่างเทียนรุ่งกับเลอสันต์ไม่ได้เป็นความลับ เพราะเผอิญมีคนๆหนึ่งผ่านมาเห็นเข้า และนำเรื่องไปบอกเภาลีนา โดยไม่ลืมตอกไข่ใส่สี ชนิดคนฟังแทบเต้นไปด้วยแรงหึงฤทธิ์หวง เพราะจากคำบอกเล่านั้น หนุ่มสาวอออดอ้อนออเซาะกันอย่างแสนหวานท่ามกลางบรรยากาศเป็นใจ ไปโน่น
เหตุนี้ รุ่งขึ้นเทียนรุ่งจึงถูกเภาลีนาเรียกตัวเข้าพบแต่เช้า
“ฉันอยากรู้ว่าเธอนัดคู่หมั้นของฉันไปทำไมที่ร้านอาหาร?”
เภาลีนาพูดเสียงกระด้าง วางอำนาจอย่างเห็นได้ชัด
เทียนรุ่งเลิกคิ้ว ทีท่ามิได้สะทกสะท้านหรือกลัวหญิงสาวตรงหน้าเท่าที่ควร
“เขาบอกคุณอย่างนั้นหรือคะ”
“ใช่ คุณเลอสันต์ไม่เคยปิดบังฉัน ไม่ว่าเรื่องอะไร”
เภาลีนาโกหกหน้าตาย ทั้งๆที่รู้เรื่องนี้ก็เพราะพนักงานคนหนึ่งนำความมาบอก และเธอก็ไปคาดคั้นเอากับเลอสันต์จนได้รู้ว่าอดีตคนรักขอร้องให้เขาไปพบเป็นครั้งสุดท้าย
“ทำไมเธอต้องตอแยคู่หมั้นของฉัน ทั้งที่เขาไม่สนใจเธอสักนิด หรือว่าผู้หญิงอย่างเธอหาผู้ชายแบบพี่เลอสันต์ไม่ได้อีกแล้ว ถึงอยากได้เขาจนตัวสั่นริกๆ”
ใครกันแน่ที่อยากได้ผู้ชายจนตัวสั่น เทียนรุ่งคิดเยาะในใจ ขณะที่เภาลีนาพูดต่อไปเสียงดูแคลน
“ฉันจะบอกให้เอาบุญนะ ว่าผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเธอ ควรจะมองผู้ชายระดับเดียวกัน คงหาได้ไม่ยากเท่าไหร่นักหรอก ผู้ชายข้างถนนมีถมไป”
“ขอบคุณค่ะที่แนะนำ แต่ดิฉันว่าคุณเก็บไว้พิจารณาเองไม่ดีกว่าหรือ ผู้ชายข้างถนนที่ว่านั่นน่ะ”
เทียนรุ่งเอ่ยเรียบๆ แต่เภาลีนาแทบเต้น
“อย่ามาตีฝีปากกับฉันนะ! เธอกับฉันไม่คนละชั้นกัน จำใส่กะโหลกของเธอไว้ด้วยว่าต่อไปนี้ห้ามมาข้องเกี่ยวกับคู่หมั้นของฉันอีก ถ้าไม่ฟังก็เตรียมหางานใหม่ได้เลย!”
หลังจากที่ได้ฟังคำประณามหยามหมิ่นจากเภาลีนา ทำให้เทียนรุ่งต้องการลบคำสบประมาทของคู่หมั้นสาวของอดีตคนรักยิ่งนัก
ประจวบกับเหตุผลที่เคยโกหกเลอสันต์ไว้ว่ามีคนรักใหม่ที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ทำให้เธอต้องทำในสิ่งที่ตัวเองได้พูดไปแล้วให้ได้
แน่ล่ะว่าหากเธอได้พบรักกับชายหนุ่มที่เพียบพร้อม จะสามารถลบคำสบประมาทของเภาลีนา และยังจะทำให้เลอสันต์เชื่อเสียทีว่าเธอลืมเขาแล้วโดยสิ้นเชิง
แต่จะไปหาชายหนุ่มรูปหล่อร่ำรวยมาจากไหนกัน
ผู้ชายเลิศเลอเพอร์เฟคอย่างนั้นเห็นจะมีแต่ในความฝัน ไม่ก็ในนิยายเท่านั้นแหละ
และถึงจะมี ผู้ชายมีคุณสมบัติครบถ้วนให้ผู้หญิงฝันถึงออกอย่างนั้น คงไม่หลงเหลือมาถึงมือเธอ หรือมีมาถึง คือเขายังโสด ยังไร้พันธะสมรสก็ใช่ว่าเขาจะรักจะชอบเธอ ซึ่งเป็นเพียงผู้หญิงแสนจะธรรมดา เดินดิน กินข้าวแกง
เทียนรุ่งนั่งคิดนอนคิดอยู่ค่อนคืน ก็ได้ความคิดดีๆ
นั่นคือ แม้หาผู้ชายได้มาตรฐานสูงส่งราวเทพบุตรในฝันไม่ได้ ก็ต้องหาให้ได้ใกล้เคียง อย่างน้อย หน้าตาจะต้องมาอันดับหนึ่ง บุคลิกอันดับสอง
สำหรับคุณสมบัติข้ออื่นๆ เป็นต้นว่าเรื่องชาติตระกูล รวมไปถึงฐานะ คงไม่ยากที่ปั้นสรร เพราะคงไม่มีใครมาซักถามสืบสาวประวัติถึงขั้นขุดโคตร และก็คงไม่มีใครขอดูบัญชีเงินฝาก หรือแม้แต่ใบหุ้น ว่ามีกี่หมื่น กี่พันล้าน
เธอเองพอมีเงินเก็บ ก็ที่เก็บไว้แต่งงานกับผู้ชายเห็นแก่เงินคนนั้นนั่นแหละ เธอจะนำมาใช้เพื่อการนี้ เพื่อรักษาหน้าตัวเอง ไม่ให้ถูกเยาะเย้ยถากถาง
ไม่ยาก...
ไม่ยากจริงๆ ที่เธอจะเสกชายหนุ่มหล่อ รวย ชาติกำเนิดดี การศึกษาสูงขึ้นมาสักคน
แต่ก่อนอื่นจะต้องหาผู้ชายที่พอมีคุณสมบัติต้นๆ คือเรื่องรูปลักษณ์ บุคลิกให้ได้เสียก่อน
เถอะน่ะ เธอจะลองปั้นพระเอกนอกจอสักคน ให้มันรู้ไปว่าจะทำไม่สำเร็จ!
