บทที่ 2 สองตระกูล
“คุณโจวฆ่าผมเถอะ ผมขอแค่คุณรับปาก…ปล่อยลูกสาวผมไป มีก้าไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย”
“ถ้าคุณพ่อตาย! มีก้าก็จะตายไปกับคุณพ่อ!”
ทั้งที่ปืนจอหน้าผากคนเป็นพ่อ ส่วนลูกโดนบีบคอจนเกือบตาย แต่พ่อลูกก็มีความทะนงตนในตัวเอง
วัฒนายังไม่ยอมรับว่าสิ่งที่ลูกชายมันทำ คนของอาชาไชยคนอื่นมีส่วนรู้เห็นด้วย คิดว่าตายคนเดียวแล้วเรื่องมันจะจบง่ายหรือไง!
“อะ ไอ้ อึกกก สะ สารเลว อือออ” ธรรมิกาไม่ได้ด่าคนที่กำลังบีบคอเธออยู่ แต่หญิงสาวด่าวาดิมต่างหาก
ดวงตากลมโตที่แสนจะดื้อรั้นและอวดดียังคงมองเขาไม่ละสายตา ส่วนปากเธอก็ทำงานอย่างหนัก
มุมปากของวาดิมยกสูงขึ้น เขามองลูกน้องตัวเองที่กำลังบีบลำคอลูกสาวสุดที่รักของวัฒนา
มาเฟียหนุ่มนึกสนุกจึงยกมือขึ้นคล้ายจะห้าม ลูกน้องเขาก็คลายแรงบีบที่ลำคอเธอ ก่อนที่วาดิมจะกระดิกนิ้วอีกครั้ง และครั้งนี้ธรรมิกาดวงตาเหลือกลาน จนเมื่อเธอจะขาดใจเขาจึงสั่งให้พอ
วัฒนาก้มลงไปขอร้องเอาศีรษะกระแทกรองเท้าวาดิม มาเฟียหนุ่มจ้องมองคนรุ่นพ่อที่กำลังยุ่มย่ามกับรองเท้าของเขาอย่างไม่ชอบใจนัก แต่ก็ไม่ได้ยกปลายเท้าหนีแต่อย่างใด
“ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง ฮึกกก คุณโจว ผม…”
วัฒนายอมสละได้ทุกอย่างแม้กระทั่งศักดิ์ศรี ขอแค่วาดิมปล่อยลูกสาวและคนของเขาไป
“คุณพ่อ! คุณพ่อไม่ใช่คนแบบนั้น! แกฆ่าฉันสิ! อะ ไอ้สารเลว!”
ปัง!!!
ยังไม่ทันที่ธรรมิกาจะพูดจบประโยคดี วาดิมก็ลั่นไกปืนยิงเข้าที่ต้นแขนข้างหนึ่งของวัฒนา และก้มลงไปลากคอเจ้าพ่อใหญ่พากันไปเอาปืนจ่อขมับต่อหน้าลูกสาวตนเอง
“ต่อให้พ่อเธอตาย...ฉันก็ไม่อนุญาตให้เธอตายมีก้า เธอต้องอยู่ไปอีกร้อยปีเลยแหละ แม้แต่วิญญาณฉันก็จะไม่ปล่อยทั้งเธอและพ่อเธอไป!!”
ธรรมิการู้จักเส้นทางสายนี้ดี เธอก็ลูกสาวมาเฟียคนหนึ่ง หญิงสาวจึงเชื่อคำพูดของวาดิมว่าเขาจะทำเช่นนั้นจริง ๆ
หากเราอยู่ใต้อาณัติคนมีอำนาจ และเมื่อเขาเป็นเจ้าชีวิต ต่อให้เราอยากจะหนีด้วยความตายก็ไม่อาจหนีได้อย่างเช่นบิดาของเธอ
ธรรมิกาสบตาผู้เป็นพ่อก่อนจะปลดปล่อยน้ำตาของความพ่ายแพ้ให้ไหลรินลงมา
“มีก้า…ขอโทษคุณโจวซะ คุณโจวเป็นเจ้านายพ่อ พูดกับท่านดี ๆ ให้ท่านเมตตา มีก้าของพ่อเป็นเด็กฉลาด” ทั้งที่กระบอกปืนจ่อขมับแต่บิดาก็ยังยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้เธอ
หัวใจของธรรมิกาสุดแสนจะรวดร้าว เพียงแค่พริบตาเดียวทุกอย่างก็แทบล่มสลายหายไปด้วยฝีมือของงูเห่าที่บิดาเธอชุบเลี้ยง
“ฮึกกก” ธรรมิกายกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาก่อนจะเงยหน้าสบตากับคนสารเลวตรงหน้า
ไม่มีประโยชน์ที่จะตีเหล็กตอนที่มันยังไม่ร้อน
ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องร้องไห้เสียน้ำตา
“คนที่สั่งให้ไปลอบฆ่าคุณไม่ใช่คุณพ่อ…คนที่ทำให้ธุรกิจตระกูลเราต้องแปดเปื้อนไม่ใช่อาชาไชยของฉัน สิ่งที่คุณคิดมันผิดและต่อให้คุณฆ่าท่านคุณก็ไม่มีทางได้อะไรจากเรื่องนี้”
น้ำเสียงแหบแห้งนั้นเอ่ยพูดออกมา วาดิมทำแค่เพียงมองคนพูดด้วยสายตาที่ยังคงเจือไปด้วยความกรุ่นโกรธ
วาดิมเริ่มสนใจคำพูดของคนอวดดีมากขึ้น เขากระดิกนิ้วเรียกลูกน้องให้มาลากคอวัฒนาไปที่อื่นและแถมด้วยการเอาผ้าปิดปากปิดตาเหมือนที่ทำกับคนเป็นลูกสาวในตอนแรก
“ถ้าคุณจะฆ่าล้างตระกูลเราจริง คุณคงไม่มาที่นี่ด้วยตัวเองหรอก คุณโจวเลือดบรรพบุรุษของฉันจะไม่มีวันแปดเปื้อนเรื่องเลวทรามเช่นเดียวกับตระกูลโจว ถ้าเราจะล่มก็ต้องล่มไปด้วยกัน ถ้าเราจะดีก็ต้องดีไปด้วยกัน เราไม่คิดจะแยกออกไปเพราะอาชาไชยไม่มีวันเอาชนะตระกูลโจวอันยิ่งใหญ่ของคุณได้”
“แล้วฉันต้องฆ่าเธอหรือไง?” เหมือนว่าวาดิมไม่ได้ฟังในสิ่งที่ธรรมิกาพูด
“สิ่งที่คุณคิดมันผิด…ผิดไปหมด” ไม่มีใครเคยบอกเขาว่าสิ่งที่คิดนั่นมันผิด มาเฟียหนุ่มมองรอยแผลบนใบหน้าของหญิงสาว เขารู้สึกว่าเลือดของเธอสีมันสดกว่าที่เคยเห็น
หญิงสาวปวดร้าวไปทั้งใบหน้า แม้แต่ขยับปากจะพูดใบหน้าทุกส่วนก็เหมือนจะปริแตก
“ฉันรู้ความลับของมัน...และฉันจะบอกคุณ”
ธรรมิกาไม่ได้พูดไปเรื่อย แต่เธอรู้จริง ๆ ว่าที่ผ่านมาพี่ชายบุญธรรมของเธอติดต่อใครบ้าง มีเพื่อนคนไหนบ้าง ไม่ใช่อะไรแต่เป็นเพราะเธอไม่ไว้ใจเขาตั้งแต่แรก
“รู้แบบนี้แสดงว่ารวมหัวกับมันหรือเปล่า?” น้ำเสียงของวาดิมแฝงความเคร่งขรึม สายตายังจับจ้องเธอคล้ายจับผิดตลอดเวลา
“ถ้าฉันรวมหัวกับมันคุณคงไม่เห็นฉันตรงนี้แล้ว คุณโจวเรามาพูดกันอย่างมีเหตุผล…อาชาไชยไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น เราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำ เรามีศักดิ์ศรีและไม่ทำเรื่องผิดกฎหมาย”
หยดเลือดของบรรพบุรุษมีค่าเกินกว่าที่เราจะทำลาย บิดาเธอสอนมาแบบไหน ธรรมิกาก็จะยึดมั่นถือมั่นเช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
“แล้วไอ้เมสันมันไม่ได้ใช้อาชาไชยหรือไง…”
เรื่องนั้นธรรมิกาจะเถียงยังไงเพราะไอ้พี่ชายนอกรีตของเธอใช้นามสกุลเดียวกับเธอจริง ๆ
