สัญญาวิวาห์ลวง

107.0K · จบแล้ว
ลายมะลิ
69
บท
17.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

การแต่งงานระหว่างเขาและเธอเกิดขึ้นเพราะความประสงค์ของผู้เป็นย่า เมื่อไม่อาจปฎิเสธ สัญญาแต่งงานจึงเกิดขึ้น ความสัมพันฉันสามีภรรยาจะมีแค่ทางนิตินัย ต่างคนต่างมีอิสระ ไม่มีข้อผูกมัด เมื่อพันธะสัญญาใกล้สิ้นสุด ทว่าตัวเขาเองที่อยากฉีกสัญญาทิ้ง เขาจะทำได้อย่างไรในเมื่อเขามีผู้หญิงที่เคยรักอยู่ข้างกาย.. ภามจะเลือกทำตามความเรียกร้องของหัวใจหรือจะทำตามความถูกต้อง....

นิยายรักโรแมนติกผู้ชายอบอุ่นแต่งงานสายฟ้าแลบแต่งงานก่อนรักรักหวานๆโรแมนติก18+

1

ร่างบอบบางนั่งมองแผ่นกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ ชื่อที่โชว์หราบนกระดาษบ่งบอกถึงสถานะใหม่ของเธอ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นอาจยิ้มร่ามีความสุขที่ได้ครอบครอง ซึ่งตรงกันข้ามกับเธอ ดวงตาหวานไล่อ่านตัวอักษรที่ปรากฏบนใบทะเบียนสมรส พลางนึกถึงท่าทางเงียบเฉยไม่ยินดียินร้ายของเขา สายตาชิงชังที่ถูกมองมาจากผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขา ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดผสมปนเปไปกับความรู้สึกผิด

“เฮ้อ!” อินทิยาพ่นลมหายใจแรงพลางเอนตัวพิงกับพนักเกาอี้ ดวงตากลมเล็กหลับพริ้มลงคลายความคิดที่หนักอึ้งมาทั้งสัปดาห์

ย้อนไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน คุณย่ารำไพเดินทางมาเยี่ยมคุณยายของเธอ ท่านทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่สมัยยังเป็นสาวๆและยังเรียนคณะเดียวกันที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ หลังจากที่จบการศึกษาคุณยายอนงค์ ยายของอินทิยาก็ย้ายกลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัวที่จังหวัดเชียงราย ต้นตระกูลของยายอนงค์ลงหลักปักฐานทำสวนทำไร่มายาวนาน ส่วนคุณย่ารำไพไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ ในช่วงเวลาที่ห่างกันท่านทั้งสองก็ยังติดต่อกันอยู่เสมอ

คุณยายอนงค์แต่งงานกับคุณตาโชติ ภายหลังจากที่ท่านกลับมาอยู่ที่เชียงรายได้สักพักหนึ่ง มีทายาทเพียงคนเดียวคือแม่ของเธอ แต่น่าเศร้าเมื่อพ่อแม่ของหญิงสาวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นเหตุให้ท่านทั้งสองเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ในขณะนั้นอินทิยาเพิ่งมีอายุได้เพียงแค่สองเดือนเศษ นับแต่นั้นมาคุณยายอนงค์ก็เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เล็กจนโต

เมื่ออินทิยาอายุได้ห้าขวบ เธอก็เสียคุณตาไปอีกคนด้วยโรคประจำตัวของท่านเอง หลังจากนั้นชีวิตของเธอก็มีแค่คุณยายอนงค์ที่เป็นหลักยึดเหนี่ยว

‘อิน…จำย่ารำไพได้ไหมลูก?’ ยายอนงค์หันหน้ามาถามหลานสาวด้วยรอยยิ้มละไม หญิงสาวพยักหน้าตอบรับพลางยิ้มหวานส่งให้คนที่กำลังถูกกล่าวถึง

‘สวัสดีค่ะ คุณย่ารำไพ’ มือเรียวสวยยกไหว้พลางยิ้มให้กับหญิงชราที่นั่งอยู่ตรงหน้า หลายสิบปีแล้วที่อินทิยาไม่ได้พบหน้าท่าน ครั้งล่าสุดที่เจอคืองานศพคุณตาโชตินั่นเอง

‘โตเป็นสาวแล้วหลานย่า หน้าตาสะสวยไม่แพ้แม่นวลแขเลยนะแม่อนงค์’

หญิงชราทั้งสองหันมาสบตาส่งยิ้มให้กันและกัน แววตาที่เจือด้วยความเอ็นดูมองมาที่เธอ ในสายตาของอินทิยา คุณย่ารำไพท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่เธอให้ความเคารพเสมอมา อาจเพราะท่านเป็นคนแก่ที่ใจดีและมีนิสัยที่คล้ายคลึงกับคุณยาย เธอจึงรู้สึกอบอุ่นใจเวลาที่ได้อยู่ใกล้ๆท่าน

‘แม่อนงค์...ฉันมีเรื่องอยากขอให้เธอช่วย’

คุณย่ารำไพส่งสายตามองเพื่อนรักสลับกับมองอินทิยา สายตาที่ส่งมาแฝงไปด้วยแววตาที่เศร้าหมองบ่งบอกว่าท่านมีเรื่องที่ทุกข์ใจอยู่ ร่างบอบบางรับรู้ถึงความเศร้าที่ฉายอยู่ในแววตาของท่าน

“กริ๊ง...” สายเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้น ใบหน้าหวานยิ้มกว้างเมื่อหน้าจอปรากฏชื่อของเจ้าของสายเรียกเข้า

“สวัสดีค่ะ คุณยาย” เสียงหวานเอ่ยทักทาย

“เป็นอย่างไรบ้างลูก...ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?” เสียงอ่อนนุ่มถามไถ่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใย

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะคุณยาย” เสียงหวานตอบเจี๊ยวจ๊าวกลบเกลื่อนความกลัดกลุ้มภายในจิตใจ อินทิยารู้ว่าคุณยายกังวลกับเรื่องนี้ หลังจากที่ท่านพูดคุยกับคุณย่ารำไพ ท่านก็เรียกเธอเข้าไปคุย คุณยายบอกเธอถึงจุดประสงค์ที่เพื่อนรักของท่านเดินทางมาหาถึงที่เชียงรายเพราะต้องการความช่วยเหลือบางอย่าง...

‘ฉันอยากให้หนูอินแต่งงานกับตาภาม’ เสียงแหบพร่าเปล่งออกมาจากริมฝีปากเหี่ยวย่น คุณยายอนงค์จ้องตาเพื่อนรักพลางถอนหายใจยาว ก่อนที่จะเสสายตาไปทางอื่น

‘…’

‘ฉันจะไม่ทำให้เธอลำบากใจ ถ้าหนูอินไม่ยินยอม ฉันก็ยอมรับในการตัดสินใจของหลาน” เสียงกล่าวย้ำเน้นหนัก แววตาเต็มไปด้วยความหนักแน่น

‘ฉันต้องให้ยายอินตัดสินใจด้วยตัวเอง เรื่องแบบนี้เธอก็รู้ว่ามันบังคับกันไม่ได้นะ รำไพ’

‘ฉันยินดียอมรับการตัดสินใจของหลาน เธอวางใจได้เลยอนงค์ นอกจากหนูอินฉันก็ไม่เห็นใครเหมาะสมกับเจ้าภามอีกแล้ว’

หญิงชรากล่าวเสียงอ่อน

‘แต่เด็กสองคนนี้ไม่ได้รักกัน การแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรัก ฉันคิดไม่ออกเลยว่าจะลงเอยแบบไหน แต่เอาเถอะทุกอย่างขึ้นอยู่กับยายอินถ้าหลานฉันยินดีที่จะแต่ง ฉันก็จะไม่ห้าม’

‘ขอบใจนะอนงค์ขอบใจเธอจริงๆ’ ฝ่ามือเหี่ยวย่นยื่นไปจับมือเพื่อนรัก คุณยายอนงค์ทาบมือบนหลังมือเพื่อนรอยยิ้มอิ่มใจประทับอยู่บนใบหน้าพลางส่งความห่วงใยผ่านสายตา

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก คุณอินคะ คุณท่านเชิญที่โต๊ะอาหารค่ะ” เสียงใสแจ๋วร้องเรียกอยู่หน้าประตู ทันใดที่บานประตูเปิดออก มีหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มยืนยิ้มแฉ่งรอเธออยู่ อินทิยายิ้มอ่อนกล่าวทักทาย

“เรียกพี่ว่าพี่อินก็ได้ค่ะ”

“เอ่อ…จะดีหรือคะ หนูเป็นแค่คนใช้แต่คุณอินเป็นเจ้านาย” ใบหน้าอ่อนฉายแววลังเลพลางหลุบตามองที่เท้าตัวเอง

หญิงสาวยิ้มอ่อนเอ็นดูในความใสซื่อของสาวน้อยตรงหน้า

“แล้วหนูชื่ออะไรคะ”

“ไหมค่ะ คุณอิน” สาวน้อยยิ้มอาย

“พี่อิน” หญิงสาวเอ่ยย้ำ

“ค่ะ พี่อิน”

“ปะ ลงไปข้างล่างกัน เดี๋ยวคุณย่าจะรอ” อินทิยาจูงมือเด็กสาวก้าวลงบันไดไปพร้อมกับเธอ