น้องเนยจะลืมพี่วาตะ
น้องเนย......
เราไม่ต้องคิดอะไรเยอะเลยในตอนนี้เพราะสิ่งที่พี่วาตะพูดมันบ่งบอกได้ดีว่าเค้าไม่อยากหมั้นแล้วทำไมเราต้องไปบังคับ รักก็รักอยู่หรอกค่ะแต่ถ้าพี่เค้าไม่อยากหมั้นจะให้ทำไง ถึงเราจะไม่สวยหุ่นไม่ดีแต่เราก็มีศักดิ์ศรีนะคะ
" ถ้าพี่วาตะไม่อยากหมั้นกับน้องเนย น้องเนยก็ไม่อยากบังคับค่ะ ทุกคนไม่ต้องกังวลเลยนะคะเรีื่องนี้น้องเนยตัดสินใจดีแล้วค่ะ"
"น้องเนยลูกตัดสินใจเร็วไปมั้ยคะมี๊ว่าหนูลองไปตัดสินใจอีกทีดีมั้ย"
"นั่นน่ะสิลุงว่าน้องเนยกลับไปคิดอีกรอบดีมั้ย เอาตรงๆ นะลูกทุกคนที่บ้านนี้รักแล้วก็เอ็นดูน้องเนยลุงกับหม่ามี๊ก็อยากให้น้องเนยมาเป็นสะไภ้นะ"
"ขอบคุณมี๊กับลุงนายมากนะคะที่เอ็นดูน้องเนย แต่น้องเนยคงไม่เหมาะกับพี่วาตะหรอกค่ะ น้องเนยเริ่มคิดเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ"
ที่จริงเราคิดเรื่องหมั้นมาตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากกลับมาจากสนามบิน ท่าทางของพี่วาตะที่ีทำมันทำให้เราเริ่มไม่แน่ใจว่าเรากับพี่วาตะจะลงเอยกันได้ยังไง ไหนจะคำพูดของวายุที่พูดวันนั้นมันก็แล่นเข้ามาในหัวอีกครั้งทั้งที่ตอนแรกไม่อยากใส่ใจ พี่วาตะชอบผู้หญิงสวยๆ หุ่นดีๆ เซ็กซี่ๆ ซึ่งมันต่า่งกับเราอย่างสิ้นเชิง
ความทรงจำดีๆ ในวัยเด็กของเรากับพี่วาตะ มันก็เป็นแค่อดีตทีผ่านมา มันไมไ่ด้มีความหมายความสำคัญอะไรเลย
ระหว่างทางกลับบ้าน
"ตัวเองเค้าว่าเค้าจะขอหมั้นตัวเองก่อนกลับไปเรียนต่อตัวเองว่าดีมะถ้าเค้าเรียนจบกลับมาเราก็ค่อยแต่งงานกัน"
"มันใช่เรื่องจะเอามาพูดตอนนี้มั้ยเนี๊ยวายุ" เค้กหันไปดุแฟนของตัวเองเพราะกลัวน้องสาวฝาแฝดจะคิดมาก
"อ้าวทำไมอ่ะก็เค้าพูดเรื่องจริง เค้าว่าเค้าจะให้พ่อกับหม่ามี๊มาคุยกับป๊ากับแม่ตัวนะ" เค้กถอนหา่ยอย่างเหนื่อยหน่ายที่วายุยังไม่เข้าใจในที่ตัวเองบอก
ตอนนี้เนยกำลังมองออกไปข้างนอกกระจกเธอมองท้องฟ้าที่เริ่มจะเปลี่ยนสีเพราะตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว คงเหมือนกับหัวใจของเธอในตอนนี้ที่มันมืดสนิทไม่มีแสงว่าง ไม่มีแรง ไม่มีอะไรเลย ที่ผ่านมามันคืออะไรเหรอ เธอรออะไรอยู่ เธอมันโง่ใช่มั้ย โง่ที่หวังอะไรลมๆ แล้ง
แต่ต่อนี้ไปเธอจะไม่หวังอะไรอีกแล้วจากคนใจดำคนนั้น คนที่เธอรอคอยเขามาตลอดสิบกว่าปี มันไม่ยากหรอกที่จะลืมเพราะความทรงจำดีๆ มันก็ไม่ได้มีมากมายจนลืมไม่ได้ อยากขอบคุณพี่วาตะที่ทำเนยคนนี้หลุดพ้นจากคำว่า รอ ได้สักที ขอเวลาหน่อยละกันนะ
"น้องเนยกลับมาแล้วค่าาาา" เราพยายามไม่เศร้าอยู่ค่ะ เราพยายามอยู่.....
"กลับมากันแล้วเหรอสาวของแม่ คิดถึงจังเลย"
"น้องก็คิดถึงแม่ค่ะ" เราเข้าไปกอดแม่ด้วยความคิดถึง อ้อมกอดของแม่ที่อบอุ่นยิ่งกว่าอะไร
"ป๊ายังไม่กลับเหรอคะแม่" เจ้เค้กเดินตามเข้ามาพร้อมกับวายุ
"กลับมาแล้วจ๊ะ ขึ้นไปซ่อมคอมให้น้องชายเราอยู่น่ะ"
"เอ้ออ แม่คะ เจ้เค้กกับวา่ยุมีเรื่องจะคุยกับป๊ากับแม่ด้วยนะคะ"
"ยัยเนย!!! " เจ้เค้กหันมาทำเสียงดุใส่เรา ส่วนวายุก็ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
"มีอะไรจ๊ะน้องเค้ก วายุ" แม่หันไปถามสองคนนั้นแต่ไม่มีใครตอบ
"เดี๋ยวน้องเนยไปตามป๊าให้นะคะ เรื่องนี้ยังไงๆ ป๊าก็ต้องอยู่ฟังด้วย"
พูดจบเราก็รีบเดินไปที่ห้องของเจแปนเพื่อตามป๊าลงไปคุย
ตอนนี้วายุกลับไปแล้วหลังจากมาเกริ่นๆ กับป๊ากับแม่เรื่องหมั้น......
"ยัยเค้ก เรากับวายุไปคุยกันอะไรยังไงตอนไหนทำไมป๊ากับแม่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย"
"นั่นสิถึงขนาดจะมาขอหมั้นนี่ไม่ธรรมดาเลยนะลูก"
"เอ่อออ ก็คุยๆ กันมานานเป็นปีแล้วค่ะป๊า แม่"
เจ้เค้กบอกความจริงเพราะเรื่องนี้ทำให้แม่กับป๊าตกใจไม่น้อยเพราะไม่รู้มาก่อนว่าสองคนนี้คุยๆ กัน
"แล้วนี่จะให้พี่นายมาคุยเรื่องหมั้นพรุ่งนี้ ใจร้อนจริงๆ เลยนะวายุน่ะ ว่าแต่เค้กแน่ใจเหรอว่าจะหมั้นน่ะลูก"
"เค้กแล้วแต่ป๊ากับแม่ค่ะ เค้กยังไงก็ได้"
"เนย เป็นไรเราไม่พูดไม่จา" ป๊าหันมาถามเรา ซึ่งเราก็รีบปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้มทันทีเหมือนไม่มีอะไรทุกข์ใจ
"น้องเนยง่วงอ่ะค่ะป๊าอยากนอน สงสัยวันนี้ตื่นเช้าด้วย"
"งั้นก็ขึ้นไปนอนป่ะ พรุ่งนี้ต้องไปลงทะเบียนมหาลัยไม่ใช่เหรอ"
"งั้นน้องเนยขอตัวขึ้นไปอาบน้ำนอนก่อนนะคะ" เราได้จังหวะก็เลยรีบลุกออกทันที ถ้านั่งนานกว่านี้เรากลัวว่าแม่จะถามถึงเรื่องหมั้นกับพี่วาตะ
เราไม่อยากพูดถึงผู้ชายใจดำคนนั้น
ตาหวาน.....
ฉันรู้สึกแปลกๆ กับท่าทางน้องเนย จะถามเจ้าตัวก็คงจะไม่ได้ ฉันเลยเรียกน้องเค้กมาคุยที่ห้องตอนที่พี่คีย์ไปซ่อมคอมให้เจแปนต่อ
"น้องเค้กแม่ถามอะไรหน่อยสิลูก"
"เรื่องเนยใช่มั้ยคะแม่"
"ใช่จ่ะ"
หลังจากได้ฟังที่น้องเค้กเล่ามันทำให้ฉันอดสงสารน้องเนยไม่ได้ ฉันเข้าใจความรู้สึกลูกเป็นอย่างดีเพราะฉันก็เคยเป็นมาก่อน ฉันให้น้องเค้กกลับห้องส่วนฉันก็มาหาน้องเนยที่ห้อง ตอนนี้สิ่งที่น้องเนยต้องการทีี่สุดก็คือกำลังใจจากแม่คนนี้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"น้องเนยแม่ขอเข้าไปหน่อยได้มั้ยคะ" ฉันเคาะเรียกแต่น้องเนยไม่ตอบ ฉันเริ่มใจไม่ดี เลยรีบไปเอากุญแจสำรองมาไขเข้าไป แต่พอเข้ามาในห้องก็เห็นน้องเนยกำลังนอนใส่หูฟังแล้วก็ฮัมเพลงอยู่บนเตียงนอนแต่ตรงหางตายังมีน้ำตาคลออยู่ ฉันรู้สึกโล่งใจที่ลูกไม่ได้คิดทำร้ายตัวเองอย่างที่ฉันกลัวในตอนแรก
"น้องเนย" ฉันเรียกชื่อลูกก่อนดึงหูฟังออก น้องเนยพอรู้ว่าเป็นฉันก็รีบตะแคงตัวหันหลังไปอีกทางทันที ฉันรู้ค่ะว่าน้องเนยกำลังร้องไห้อยู่ ที่ทำเป็นร่าเริงตอนกลับมาบ้านมันเป็นสิ่งที่น้องเนยสร้างขึ้นมาเพื่อปิดกั้นความอ่อนแอของตัวเองเท่านั้น
"น้องเนยหันหน้ามาคุยกับแม่สิคะ"
"น้องเนยปวดหัวค่ะน้องเนยอยากนอน"
"แม่รู้แล้วนะว่าเกิดอะไรขึ้น"
"ฮึก ฮึก ฮึก"
น้องเนยยังไม่หันมาค่ะแต่สะอื้นไห้หนักกว่าเดิมฉันลูบผมแกเบาๆ ด้วยความเอ็นดูและสงสาร
"แม่รู้ว่ามันเจ็บปวด การที่เรารักคนที่เค้าไม่รักเรามันทรมานมากแค่ไหน แม่รู้ดีเพราะเคยเป็นมาก่อน"
"แม่ขา ฮือออ ฮือออออ" น้องเนยหันหน้ามาแล้วก็เข้ามากอดฉันแน่น แกร้องไห้ออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"อยากร้องก็ร้องออกมาให้พอนะคะ แล้วพรุ่งนี้หนูต้องไม่ร้องอีก สัญญากับแม่ได้มั้ย"
"น้องเนยไม่สัญญาได้มั้ยคะแม่ขา เพราะน้องเนยไม่รู้ว่าพรุ่งนี้น้องเนยจะร้องอีกมั้ย"
"น้องรักพี่เค้ามากใช่มั้ยคะ"
"ค่ะ น้องไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครเลยจริงๆ ฮืออออ"
"ถ้าเรารักเค้าแต่เค้าไม่รักเรา เราก็ต้องทำใจนะคะลูกสักวันน้องเนยต้องลืมได้แน่ๆ แม่เชื่อแบบนั้น"
"น้องเนยจะพยายามค่ะ มันคงไม่นานหรอกค่ะที่น้องเนยจะลืมพี่วาตะ"
"ค่ะ แม่จะเป็นกำลังใจให้น้องนะคะ"
"ค่ะ น้องเนยรักแม่ที่สุด" น้องเนยยิ้มทั้งน้ำตา ฉันซึ่งเป็นแม่ก็พร้อมที่จะเช็ดน้ำตาให้ลูกช่วยปลอบโยนและให้กำลังใจในยามที่ลูกต้องการ
"แม่รักลูกที่สุดเลยนะคะ"
