ตอนที่หนึ่ง ความเกลียดชัง 2
“คุณรู้จักผู้หญิงเอเชียสองคนนั้นหรือคะ” เซลีนสะกิดถามตรัย
“รู้จักครับ แต่ว่าไม่สนิทมาก...”
“ไม่ทักเขาหน่อยเหรอคะ”
“ไม่หรอก ท่าทางเขาไม่ได้อยากคุยกับผมเท่าไหร่...” ตรัยยิ้มแบบแปลกๆ จนเซลีนเลิกคิ้ว...
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไปสนใจเขาเลยค่ะ ต่างคนต่างมาเที่ยวหาอิสระ คงไม่อยากเจอคนรู้จักนักหรอก” เซลีนชวนเขาดื่มไวน์ต่อ... เขากับหล่อนมาเร็วและทานอาหารครบคอร์สแล้ว แต่ยังนั่งคุยและจิบไวน์คุยกันเรื่องธุรกิจ... หล่อนไม่ชอบใจนักที่เขามีสายตาไว้มองคนอื่นเพราะตรัยคือคนที่หล่อนวาดหวังในตัวเขาที่สุดในบรรดาผู้ชายไฮโซที่มาพัวพัน หล่อนเริ่มคิดว่าจะจับเขาได้อยู่มือหากไม่นับว่าเขามองผู้หญิงไทยที่มาเจอกันที่ฝรั่งเศสด้วยสายตาแปลกๆ
“เดี๋ยวผมมานะเซลีน รอครู่หนึ่ง” ตรัยไม่ได้สนใจที่เซลีนพูดนัก... เขาลุกขึ้นยืนเหมือนจะแยกไปยังห้องน้ำทั้งที่หล่อนกำลังจะชวนเขากลับแล้ว เมื่อหันไปมองตามก็ต้องกำมือแน่นเมื่อเห็นว่าเขาลุกเดินตามผู้หญิงคนนั้นไป เพราะหนึ่งในสองหญิงสาวลุกไปยังจุดชมวิวหรือจุดที่เป็นห้องน้ำหล่อนก็ไม่แน่ใจ...
สังหรณ์บางอย่างในใจเซลีนเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ความแน่ใจของหล่อนว่าตรัยสนใจหล่อนเพียงคนเดียวไม่มีเหลืออยู่เลยในตอนนี้...
“เสียแรงที่ยอมตามมาถึงนี่ ฉันตั้งใจจะจับคุณให้อยู่มือ แต่คุณกลับไปสนใจคนอื่นมากกว่า... นังนั่นเล่นตัวเก่งซะด้วย ถึงฉันสวยกว่าแต่ฉันจะสู้แม่คนใหม่กว่าได้ไหมล่ะนั่น ตรัยยิ่งขี้เบื่ออยู่...”
เซลีนทุบกำปั้นกับตักตัวเองเบาๆ หากแต่ไฟโกรธาในใจหนักหน่วงกว่าที่แสดงออกมากมายนัก...
“ฉันขอเปลี่ยนโต๊ะได้ไหมโต๊ะของฉันคือหมายเลขสิบเก้าและฉันจะย้ายใหม่ คุยกับพนักงานเสิร์ฟแล้วไม่ได้เรื่องเลย” หทัยวดีเดินเข้ามาถามหาผู้จัดการห้องอาหารและพูดเรื่องขอเปลี่ยนโต๊ะ หลังจากที่คุยกับพนักงานไม่รู้เรื่อง อันที่จริงหล่อนจะเรียกผู้จัดการไปคุยด้วยแล้วไม่ต้องลุกมาก็ได้แต่ว่าทนรอได้อีกสักวินาทียามเมื่อรู้สึกว่าตรัยอยู่ใกล้ๆ
เขาเป็นคนร้ายกาจที่ทำให้ครอบครัวหล่อนสูญเสียหลายๆ อย่าง และจากนั้นก็ยังใจจืดใจดำจนหล่อนเกลียดเขาอย่างสมบูรณ์ เห็นหน้าแล้วไม่อยากหายใจเอาอากาศร่วมเลยสักวินาที
ครอบครัวหล่อนและเขายังมองหน้ากันไม่ติดจนวันนี้ มันทำให้หล่อนเกลียดชังเพิ่มทบทวีทุกครั้งที่เห็นหน้าเขา เขาทำให้คนอารมณ์ดีตลอดเวลาแบบหล่อนเดือดได้แค่เห็นหน้า นั่นทำให้หล่อนไม่มีความสุขเท่าใดนัก
“เอ่อ เราต้องขอโทษทางมาดามด้วยจริงๆ ครับ วันนี้เป็นช่วงเทศกาล ทุกโต๊ะถูกจองเต็มหมดแล้ว”
“ก็แลกที่ไม่มีวิวให้กับฉันสิ ฉันยอมมานั่งมุมอับ”
“ผมต้องขอโทษแทนน้องสาวของผมด้วยนะครับผู้จัดการ เธอจะไม่ย้ายโต๊ะใดๆ ทั้งสิ้น เดี๋ยวเราคุยกันเอง คุณมีอะไรทำก็ทำไปเถอะครับ” ตรัยมายืนข้างๆ หทัยวดีแล้วขอโทษคนที่ยืนหน้าซีดเพราะหทัยวดีเหวี่ยงใส่อยู่... หญิงสาวกัดฟันแน่นหันไปทำตาลุกวาวใส่เขาที่บังอาจเข้ามายุ่มย่ามทั้งที่ไม่ได้เชิญ
“อย่ามาแส่... มันเรื่องของฉัน” หญิงสาวกัดฟันพูดกับเขาเป็นภาษาไทย
“คุณหนูบ้านพิมชลนี่น่าเอาสบู่มาล้างปากจริงๆ ฟังที่พูดแล้วไม่อยากเชื่อว่าเป็นลูกหลานตระกูลผู้ดีเก่า”
“วาจาแบบนี้เอาไว้คุยกับพวกขี้ครอกอย่างนายนี่ล่ะ จะบอกอีกครั้งนะว่า อย่ามายุ่งกับฉัน ไม่อย่างนั้นจะเจอหยาบคายกว่านี้” หญิงสาวผลักอกเขาออก เตรียมจะเดินไปคุยกับผู้จัดการห้องอาหารใหม่...
“ไม่ยุ่งไม่ได้หรอก คุณกำลังมาทำตัวแผลงฤทธิ์เป็นมนุษย์ป้าไร้มารยาทให้คนไทยขายขี้หน้าอยู่ นี่แม่คุณ มาเมืองนอกเมืองนาก็ทำตัวให้มันสากลหน่อยนะ อย่าเอานิสัยคุณหนูเอาแต่ใจแบบพ่อแม่ไม่มีเวลาสั่งสอนมาใช้ที่นี่... ถ้าคุณไม่ชอบที่ต้องนั่งใกล้ๆ ผม ก็ต้องอดทน เพราะต่อไปคุณไม่ได้ต้องอดทนแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว เรียนจบแถมโตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแต่ยังไม่รู้จักเเยกแยะ น่าปวดหัวเเทนพ่อแม่คุณจริงๆ ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่กว่าผมจะบอกว่าไม่ต้องตามไปขอเปลี่ยนที่หรอกผมกับเซลีนจะไปแล้ว”
“จะไปก็รีบไป ไม่ต้องมาให้เห็นหน้า...” หญิงสาวไล่อย่างรังเกียจไม่ต่างกับเขาเป็นไส้เดือนกิ้งกือ...
ตรัยโกรธกับท่าทางเหยียดหยามที่ได้จากหล่อน แต่เขากลับยิ้มอย่างใจเย็นได้เพราะรู้ว่ามันทำให้หล่อนโกรธเขามากกว่าที่เขาโกรธหล่อน
“ระวังเอาเถอะ ไล่ผมมากๆ เข้า จะเป็นฝ่ายวิ่งตามง้อผมเอง...” ตรัยพูดเป็นนัยๆ ดวงหน้าหล่อคมมีแววมั่นใจมากแต่หล่อนไม่ทันสังเกตอะไร เพราะมัวแต่อารมณ์เดือดอยู่
“ฝันไปอีกล้านปีเถอะ... ฉันไม่เอาตัวไปแปดเปื้อนคนอย่างนายหรอก แค่อยู่ใกล้ๆ ก็คันคะเยอจะแย่แล้ว”
“ผมจะคอยดู” ตรัยบอกยิ้มๆ แล้วก็เดินแยกตัวออกมา ร่างสูงสง่าที่เดินอย่างมั่นคงกลับไปหานางแบบสาวไม่ได้อยู่ในสายตาของหล่อนอีก เพราะว่า หทัยวดีเดินไปที่ห้องน้ำและสงบสติอารมณ์ของตัวเองก่อนจะออกไปพบเพื่อน ถ้าเดินกลับไปในตอนนี้หล่อนคงมีสีหน้าไม่ดีนัก
เมื่อกลับมาที่โต๊ะแล้วหล่อนก็พบว่าโต๊ะข้างๆ ไม่มีตรัยกับเซลีนอยู่ หญิงสาวค่อยถอนหายใจโล่งใจได้เล็กน้อย ปรกติหล่อนไม่ได้เรื่องมากกับใครมากนักแต่เป็นเรื่องตรัยหล่อนย่างเหยียบพสุธาใกล้ๆ เขาไม่ได้จริงๆ
“โอเคดีแล้วไหมแก” เกตุแก้วรีบถามเพื่อน... หล่อนเห็นตรัยมาชวนเซลีน กลับแล้วก็ค่อยโล่งใจ นึกเสียใจที่ชวนให้เพื่อนอยู่ทานอาหารที่นี่ต่อเพราะเสียดายเงิน แต่มานั่งคิดว่าเรื่องระหว่างหทัยวดีกับตรัยไม่ใช่เรื่องเล็กนักเพื่อนของหล่อนคงทนนิ่งๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่าตรัยไม่ได้อยู่ตรงนั้นไม่ได้แน่ๆ
“ขอบคุณนะ ฉันนึกว่าแกจะโกรธฉันที่ปรี๊ดแตก แต่แกกลับเป็นห่วงฉัน... ขอบคุณแกนะที่เข้าใจฉัน”
“อือ ฉันก็ต้องขอโทษเหมือนกันที่เสียดายเงินมากกว่าความรู้สึกแก”
“ไม่เอาน่าแก... ทริปนี้เป็นทริปเฮฮาปาร์ตี้ของเราสองคนนะ... มากินให้มีความสุขกันเถอะน่า นายตัวเสนียดนั่นไปแล้วล่ะ”
หทัยวดีอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เกตุแก้วก็ค่อยโล่งใจไปหน่อย จากนี้ต่อไปทริปยุโรปของหล่อนกับหทัยวดีน่าไม่ได้มีปัญหาแบบนี้อีกแล้วเพราะว่าก่อนออกไปกับเซลีน ตรัยซึ่งพอรู้จักกันดีกับหล่อนเดินมาบอกกับหล่อนเป็นการส่วนตัวให้ได้ยินแค่สองคน...
“ขอโทษนะครับที่ทำให้เสียบรรยากาศ ผมจะกลับไทยแล้วคงไม่ได้บังเอิญเจอกันให้เพื่อนคุณได้เสียอารมณ์อีก... ฝากบอกเพื่อนคุณด้วยก็แล้วกันว่าค่อยไปเจอกันอีกที่ไทย ผมรอเขาอยู่”
เกตุแก้วไม่กล้าเล่าประโยคมั่นอกมั่นใจให้เพื่อนฟังเพราะกลัวว่าหทัยวดีจะปรี๊ดแตกอีกจนทานอาหารไม่ลง แล้วจากค่ำนั้นและตลอดทริปหล่อนก็ลืมเล่าเรื่องที่ตรัยฝากบอกหทัยวดีไปเลยเพราะกลัวว่าเพื่อนจะเที่ยวไม่สนุกเพราะคำปรามาสที่ไม่จริงจังจากตรัย จนกระทั่งจบทริปและกลับมาถึงเมืองไทยเรียบร้อยแล้วคำพูดที่ตรัยฝากบอกจึงถูกลืมเลือนไปกับกาลเวลาเสียแล้ว...
เกตุแก้วไม่รู้เลยว่าหล่อนควรจะบอกเพื่อนเอาไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อให้เตรียมตัวเพราะเรื่องที่ตรัยบอกเอาไว้นั้น มันจะเกิดขึ้นจริงๆ อย่างที่หทัยวดีไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลย
