ตอนที่สอง ความมั่นใจที่หมดลง 4
ปากกาในมือตรัยถูกวางลงรอยยิ้มของเขาก็หุบ การได้กลั่นแกล้งหทัยวดีทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นก็จริง แต่เรื่องที่เกี่ยววนพัวพันกับครอบครัวของหล่อนเป็นเรื่องที่ทำให้เขาเครียดมาแต่ไหนแต่ไร...
เขานึกถึงตอนที่หล่อนมาบุกออฟฟิศของเขาครั้งที่แล้วได้เป็นอย่างดี ตอนนั้นหล่อนยังเป็นนักศึกษาปริญญาตรีปีสุดท้ายและได้รู้ลู่ทางจากเหตุแก้วเพื่อนของหล่อนที่มาฝึกงานที่บริษัทเขาจนหล่อนบุกเข้ามาถึงห้องทำงานเขาได้โดยที่เลขาชายของเขาได้แต่ยืนอ้าปากค้างเพราะคว้าหล่อนไว้ไม่ทัน
“นายคิดผิดที่ยุยงให้น้องสาวนายเลิกกับพี่ชายฉันไปแต่งงานกับไอ้ไฮโซหน้าปลาจวด มันเลวแค่ไหนนายก็ดูเถอะ” หทัยวดียื่นแทบเลตให้เขาดู สิ่งที่เขาเห็นคือไฟล์วีดีโอสั้นๆ หลายๆ ไฟล์ตัดต่อรวมกัน... ภาพที่เห็นชวนเวียนหัวเพราะว่าเป็นการแอบถ่ายแต่ก็พอจับใจความได้ว่าวรุส คนที่เขากำลังเล็งให้น้องสาวมาคบหาเพื่อให้ห่างกับหทัยวัตนั้นไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง หทัยวดีก็ไปยั่ววรุสเข้าแล้ววรุสก็เล่นด้วยจนชวนกันไปโรงแรมและเข้าห้องไปแล้วหทัยวดีขอให้วรุสอาบน้ำแล้วคลิปก็จบลง
“อึ้งไปเลยใช่ไหม... นายจะให้น้องนายแต่งงานกับคนแบบนี้เหรอ... พี่ชายฉันเองไม่ได้ผิดอะไรเลย แค่เกิดมาจนกว่านาย นายก็ไม่ยอมรับ แต่พี่ฉันรักเดียวใจเดียว นายดูไอ้นี่สิ เจ้าชู้หน้าหม้อมือ หนวดปลาหมึก บ้ากาม น้องนายแต่งงานด้วยแล้วจะมีความสุขไหม”
ตรัยยังจำภาพที่นักศึกษาสาวยืนค้ำหัวเขาและเล่าเรื่องราวความชั่วร้ายของคนที่เขาหมายมั่นปั่นมือให้น้องสาวแต่งงานด้วยให้ฟัง เขายอมรับแปลกใจที่ได้รู้ว่าวรุสไม่ใช่คนดีอย่างที่คิดแต่เขากลับไม่พูดถึงเรื่องนั้นเพราะท่าทีจองหองของเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมตรงหน้าเขา
“นั่นมันก่อนแต่งงาน ฉันคิดว่าหลังแต่งงานแล้ววรุสจะเป็นคนดี... เธอเองต่างหากที่ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อช่วยพี่ชาย... หรือว่าเธออยากได้วรุสไปเสียเองเพราะเขารวย”
“นายคิดไปอย่างนั้นได้ยังไงกัน... ฉันจะเตือนสตินายว่าไอ้วรุสไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่นายคิด ในคลิปนั้นฉันหนีทันไม่ได้มีอะไร นายโฟกัสผิดเรื่องหรือเปล่า”
“ไม่ผิดเรื่องหรอก... ฉันไม่สนแล้วก็เชิญเธอออกไปก่อนที่ฉันจะให้ รปภ. มาลากให้เธอเสียหาย... อ้อ เอาเวลาว่างของเธอไปอ่านหนังสือรีบเรียนจบมาช่วยพ่อกับแม่ของเธอทำงานก่อนเป็นอันดับแรกก่อนเถอะ เรื่องรักๆ เลิกๆ ของพี่ชายเธอไม่ได้มีความสำคัญเท่าบริษัทของครอบครัวเธอกำลังง่อนแง่นหรอกนะ”
หญิงสาวตาลุกวาบกับคำพูดของเขาได้อย่างไม่ยากเย็น... หล่อนบุกมาช่วยพี่ชายทั้งที่ไอ้ตัวดีนั่นไม่ได้ทำอะไรและพฤติกรรมที่หล่อนว่าวรุสนั้นมันก็เป็นพฤติกรรมของพี่ชายหล่อนด้วย ตอนนั้นตรัยคิดว่าหากให้ตติยาคบกับหทัยวัตมันก็ไม่ต่างจากคบกับวรุส ซึ่งครอบครัวของเขาชอบวรุสมากกว่าและหมอนั่นก็เอาการเอางานมีรากฐานครอบครัวที่ดี กิจการมั่นคงและสามารถส่งเสริมให้น้องสาวของเขาไปได้ดีกว่าหทัยวัตเขาจึงช่วยน้องสาวเลือกคู่ครองที่ดีกว่าตติยาเคยเลือก
ผ่านไปปีกว่าตติยากับวรุสกำลังจะแต่งงานกัน หทัยวัตก็ก้าวเข้ามาทำลายทุกอย่างพังลงและก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น แม้เวลาจะล่วงเลยมาเกือบปีมารดาของเขาก็ยังทำใจไม่ได้ที่ตอนนั้นเกือบจะต้องเสียเขาและน้องสาวไปทั้งสองคนเพราะตอนนั้นตรัยก็ถูกยิงเจ็บสาหัส แต่ว่าเขารอดเพื่อมาฟังข่าวร้ายว่าน้องสาวรถคว่ำเสียชีวิตไปพร้อมกับหทัยวัต เขาต้องพยุงบริษัทที่กิจการสะดุดเพาะข่าวเสียหายของครอบครัวและหัวใจที่บอบช้ำของบิดามารดาและคนในครอบครัวให้ผ่านพ้นมาได้ด้วยความยากลำบาก
เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นผ่านไปเป็นปีแล้ว ร่างกายของเขาหายดีแล้วแต่จิตใจของเขายังไม่หายดี หนำซ้ำเมื่อได้เงื่อนงำบางอย่างเกี่ยวกับการตายของน้องสาวเขาที่ยังไม่ถูกเปิดเผยให้ใครรู้... ไฟแค้นในใจตรัยก็ยิ่งสุมในอก
งานนี้ไม่ต้องแก้แค้นให้ถึงกับตาย แต่จะเอาให้เจ็บแสบถึงทรวงของแม่ตัวร้ายอย่างหทัยวดี ในเมื่อหล่อนเย่อหยิ่งถือดีและเอาแต่กล่าวหาว่าเขาต้นเหตุของเรื่องร้ายๆ ทั้งหมดนี้ หล่อนก็ควรได้รับการตอบแทนอย่างสาสม... ในหัวหล่อนคิดว่าเขาเองบีบบังคับให้ตติยาต้องเลือกวรุสจนทำให้พี่ชายหล่อนเสียใจคุ้มคลั่งที่ถูกกีดกัน นั่นมันเป็นสิ่งที่หล่อนเลือกเข้าใจ แต่เขาไม่ได้ทำอย่างนั้นและยอมโดนหล่อนด่ามาตลอดเพราะเขาไม่ยอมแก้ตัวอะไร
ตรัยตั้งใจว่าวันที่เหมาะสมเขาจะเป็นคนบอกหล่อนกับปากเองว่าสิ่งที่หล่อนเข้าใจ มันผิดไปทั้งหมด แล้ววันนั้นเขาจะหัวเราะเยาะหล่อนให้ดังเมื่อยามที่ความมั่นใจของหล่อนพังทลายลง...
“ยืมเงินร้อยล้าน” เกตุแก้วอุทาน เมื่อหทัยวดีมาหาหล่อนถึงบริษัทรับออกแบบและตบแต่งภายในของครอบครัวเกตุแก้วเองแล้วเล่าเรื่องนี้ให้ฟังพร้อมกับขอความช่วยเหลือ
“ฉันก็ไม่รู้ว่าแกจะมีหรือเปล่า... แต่ฉันก็ต้องไปถามทุกคนในสามวันนี้ เพราะว่าข้อตกลงบ้าๆ กับนายตรัยนั่น ฉันยอมบากหน้าไปยืมเงินคนอื่นยังจะดีกว่า”
“ฉันว่าแกล้มเลิกความคิดที่จะไปยืมเงินคนรู้จักแล้วไปเจรจากับคุณตรัยใหม่ดีกว่า”
“ทำไมล่ะ” คำพูดของเกตุแก้วดูเหมือนไร้น้ำใจและจะไม่ให้ยืมเงินแต่หทัยวดีมองหน้าเพื่อนกลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นหล่อนเห็นแต่แววตาเห็นใจที่ทอดมองมามากกว่า...
“คือมีเรื่องหนึ่งที่ฉันไม่ได้บอกแกเพราะกลัวแกไม่สบายใจ แต่มันมีเรืองเพิ่มขึ้นมาอีกฉันก็คิดว่าน่าจะเล่าให้แกฟัง... ก่อนหน้านี้คุณพ่อคุณแม่ของแกก็มาหยิบยืมเงินของคนรู้จักที่ช่วยเหลือกันได้เกือบสิบคนเพื่อเอาเงินเกือบเจ็ดสิบล้านไปโปะปัญหาที่ถูกหุ้นส่วนทำให้บริษัทเสียหายไปแล้วครั้งหนึ่ง... ตอนนั้นบ้านฉันทุ่มช่วยพ่อแม่แกไปห้าสิบล้านแบบหมดตัวเลย” เกตุแก้วบอกเสียแหยๆ สงสารเพื่อนที่ไม่รู้เรื่องว่าครอบครัวประสบปัญหาแค่ไหน นั่นเป็นเพราะว่าหล่อนกำลังเรียนอยู่แล้วพ่อแม่ไม่อยากให้คิดมากแต่หลังเรียนจบแล้วก็บอกข่าวร้ายให้ฟัง... และหล่อนคงพยายามแก้ไขปัญหานั้นช่วยบิดามารดาแต่วิธีการที่หล่อนทำมันอาจจะซ้ำกับที่บิดารมารดาหล่อนทำมาแล้ว
“โชคดีที่แกมาหาฉันคนแรกเพราะว่าถ้าไปหาคนอื่นจากที่จะไปยืมอาจจะโดนทวงหนี้แทน” เกตุแก้วบอกตรงๆ แล้วเดินไปนั่งข้างๆ ลูบไหล่เพื่อนอย่างปลอบโยนที่เห็นเพื่อนเครียดขรึม...”ค่อยๆ แก้ปัญหาไปทีละเปราะ ค่อยๆ ตัดสินใจฉันเอาใจช่วยและอยู่ข้างแกเสมอนะ”
“ฉันรู้สึกแย่จังที่เพิ่งรู้เรื่องของครอบครัวตอนนี้พ่อกับแม่ของฉันต้องเครียดเรื่องพี่ชายฉันเราะนายตรัยนั่นยังไม่พอเขายังต้องเจอกับปัญหาแย่ๆอีกหลายอย่างโดยที่ฉันไม่ได้รับรู้อะไรด้วยเลย พวกท่านต้องลำบากมามากแค่ไหนกันที่ต้องเสียลูกชายไปและยังต้องทำงานเพื่อพยุงบริษัทแล้วยังต้องปกปิดเอาไว้เพื่อให้ฉันสบายใจจนเรียนจบ...” คร่ำครวญไปร้องไห้ไปอย่างอาดูร...
หล่อนถือดีและอวดเก่งไม่ยอมเผยน้ำตาให้ใครเห็นได้ง่ายๆแต่เรื่องนี้มันกระทบกระเทือนหัวใจจนไม่อาจเข้มแข็งได้เลย
“พ่อกับแม่แกทำแบบนั้นเพราะรักแกแล้วที่ฉันไม่ได้บอกแกเลยเพราะแกเรียนหนักมากแล้วฉันก็ไม่อยากให้แกเรียนไม่จบเพราะเครียดกับเรื่องที่บ้าน...แกเข้าใจฉันนะ” เกตุแก้วรีบเอ่ยขอโทษขอโพยเพราะกลัวโดนโกรธไปด้วยโทษฐานที่รู้เรื่องแล้วไม่ยอมบอก...
“ฉันเข้าใจแต่ที่เสียใจอยู่ตอนนี้ก็คือทำไมทุกคนเอาแต่ปกป้องฉัน” หทัยวดีรู้สึกแย่และรู้สึกอ่อนแอยังไม่พอหล่อนยังรู้สึกว่าตัวเองโง่ทั้งที่จบเกียรติยมอันดับหนึ่งเหรียญทองเกี่ยวกับสาขาที่เรียนแต่หล่อนกลับไม่รู้และไม่เข้าใจเรื่องงานของครอบครัวเลย...
แม้รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องยากที่จะศึกษาแต่หล่อนก็เกลียดตัวเองเล็กน้อยที่ไม่ยอมเรียนรู้แต่แรกโดยอ้างความไม่ชอบเพียงแค่คำเดียว...หล่อนสัมผัสได้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัวที่เลือกเรียนสิ่งที่ชอบจนลืมไปว่ากิจการครอบครัวของหล่อนต้องการคนสืบทอดเพราะว่าพ่อแม่เหลือหล่อนเพียงคนเดียว...
หล่อนเป็นผู้รับจนกลายเป็นคนที่แทบไม่ได้ให้อะไรใครเลย...แต่โอกาสนี้มันได้เปิดที่จะทำให้หล่อนได้เป็นผู้ให้แล้ว...
“แกพูดถูกเกตุ...ฉันต้องกลับไปคุยกับนายตรัย...ไม่ว่านายนั่นจะฆ่าแกงฉันยังไงฉันก็ต้องยอมเพราะเขาคงเป็นทางสุดท้ายแล้ว...”
เกตุแก้วถอนหายใจอย่างปลดปลง...สงสารหทัยวดีจนไม่รู้จะปลอบโยนว่าอย่างไรดี
