ตอนที่สอง ความมั่นใจที่หมดลง 3
ตรัยนั่งไขว่ห้างมองคนที่ยืนหอบหายใจฉุนโกรธอยู่แบบสบายๆ เขารู้ว่าหน้าเขามันทำให้หล่อนเดือดได้ง่ายๆ แต่ที่หล่อนไม่รู้เลยก็คือเขายิ้มตอนอยู่ต่อหน้าหล่อนก็จริงแต่หน้าหล่อนก็ทำให้เขานึกถึงแต่หน้าไอ้หทัยวัตที่มันพรากน้องสาวของเขาไปจากเขายังไม่พอมันยังแสบจนเขาอยากทำให้น้องสาวของมันแดดิ้นทุกข์ทรมานให้สาแก่ใจของเขา เขาได้รู้มาไม่นานนี้ว่าหทัยวดีเอาเรื่องไปเล่าให้คนในวงสังคมผู้ดีมองเขาอย่างรังเกียจว่าพวกเศรษฐีใหม่อย่างเขากีดกันความรักระหว่างพี่ชายหล่อนกับน้องสาวเขาจนเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น เขาอยากปรับทัศนคติหล่อนต่อเรื่องนั้นเสียใหม่มาพักหนึ่งแล้วแต่หล่อนยังไม่ได้กลับมาไทย ตอนนี้สบโอกาสที่พ่อแม่หล่อนมาขอร้องเรื่องเงินร้อยล้านเขาจึงได้โอกาส
หทัยวดีวันนี้ไม่มีแววถือดีเย่อหยิ่งรุนแรงมากเท่าเก่า เขาเดาว่าหล่อนคงรู้เรื่องทั้งหมดจากบิดาแล้วถึงได้บุกมาหาเขาถึงที่ ดูเอาเถอะว่าจะมาขอความช่วยเหลือหล่อนยังถือดีขนาดนั้น
“มีธุระอะไรกับผม”
“นายบอกว่านายต้องการคุยกับฉัน ทำไมไม่เจรจาเรื่องความเสียหายกับพ่อฉันด้วยตัวเอง”
“พ่อคุณไม่มีข้อเสนออะไรน่าสนใจพอที่จะยอมเสียเงินร้อยล้านให้ยืมง่ายๆ โดยไม่คิดอะไร”
“แล้วทำไมต้องเป็นฉัน”
“เพื่อความสนุก...” ตรัยบอก หล่อนเม้มปากในทันที อันที่จริง บริษัทของบิดาหล่อนกับเขาก็ไม่ต่างจากบริษัทแม่กับบริษัทลูก เสียหายร่วมกัน เขาจะช่วยก็ย่อมได้ แต่เขาไม่ช่วยแถมยังตั้งข้อแม้ให้หล่อนมาเจรจาแทนเพราะอยากกดหัวหล่อนทำไมหล่อนจะไม่รู้
เขาคงรอวันนี้มานานมากสินะ หญิงสาวเหยียดริมฝีปากแบบรังเกียจ หากแต่หล่อนเองทำอะไรมากไม่ได้ เพราะว่าหล่อนสัญญากับบิดาเอาไว้แล้วว่าจะให้เขาช่วย ไม่ว่าจะต้องขอร้องยังไงหล่อนก็ต้องทำ เพราะหล่อนไม่อยากให้บิดามีเรื่องอะไรมากระทบใจท่านอีก...
“ตกลงจะช่วยไหม ต้องให้ฉันทำยังไง ถึงจะช่วย...”
กระดาษแผ่นหนึ่งถูกดึงจากลิ้นชักยื่นให้ต่อหน้าหล่อน หญิงสาวเลิกยืนค้ำหัวเขาแล้วมานั่งเก้าอี้ตรงหน้าชายหนุ่มแบบไม่ได้รับเชิญ อ่านตัวหนังสือไม่กี่บรรทัดนั้นแล้วต้องผงะ
นางสาว หทัยวดี พิมชลจะยอมตกเป็นสมบัติของนาย ตรัย อรรถพลวณิชทันทีเมื่อเงินร้อยล้านถูกส่งไปช่วยเหลือบริษัทอุทัยส่งออกหรือแอทเอกซ์พอร์ท... หลังจากนั้นแล้วนางสาว หทัยวดี พิมชลจะยินยอมกับทุกคำสั่งของนายตรัยแบบไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้านางสาวหทัยวดีผิดสัญญาจะเป็นผลให้นาย ตรัย อรรถพลวณิชสามารถยึดบริษัทอุทัยส่งออกหรือแอทเอกซ์พอร์ทได้ทันที ถ้านางสาวหทัยวดี พิมชลทำตามข้อแม้ได้ เงินร้อยล้านจะไม่ถูกคิดดอกเบี้ยใดๆและขยายเวลากู้ยืมต่อไปได้เรื่อยๆ นางสาวหทัยวดี พิมชลจะมีอิสระก็ต่อเมื่อเงินร้อยล้านถูกชำระคืนทั้งหมด
“นี่มันสัญญาทาสชัดๆ ฉันจะเป็นสมบัติของคุณ โดยที่ฉันไม่มีสิทธิ์ในชีวิต จิตใจ และร่างกายของฉันแลกกับหนี้ร้อยล้าน... คุณบ้าหรือไงกัน” หญิงสาวขยำกระดาษด้วยแรงโทสะก่อนจะโยนไปตรงหน้าซาตานร้าย แม้ตกเป็นรองแต่หล่อนก็ไม่อาจทนมีมารยาทกับคนบ้าอย่างเขาอีกต่อไป...
“นี่เป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดที่ผมให้ได้... ผมรับผิดชอบหนี้แทบครอบครัวคุณไปร้อยกว่าล้านเพื่อแลกกับคุณ มันไม่คุ้มหรอก แต่ถ้าแลกกับความสะใจก็นับว่าคุ้ม” มือตรัยหมุนปากกา แต่ดวงตาเขาจ้องใบหน้าหล่อนสลับแดงสลับซีดเสียจนเขาอดขำไม่ได้
นี่มันแค่เรียกน้ำย่อยเริ่มต้นเท่านั้น... น้องสาวสุดรักของไอ้หทัยวัตจะได้เลิกเอาเขาไปพูดให้เสียหาย เพราะเขาจะเบิกดวงตาของหล่อนให้เห็นว่าเรื่องที่หล่อนไม่เคยรู้มาก่อนแต่เอาไปพูดผิดๆ ถูกๆ นั้นเป็นอย่างไร แต่ดึงมาพูดด้วยวิธีดีๆ ไม่ได้เพราะหล่อนเอาแต่เชิดใส่เขา มันก็ต้องบังคับกันแบบนี้
“ฉันไม่มีทางทำตามข้อตกลงบ้าๆ ของคุณหรอก นึกว่าคุณมาดูแลหนี้ให้ฉันเพราะว่าอยากช่วยพ่อแม่ฉันแต่คุณช่วยเพราะว่าอยากแก้แค้นและทำให้ฉันเสียหน้า มีที่ไหนจะให้ฉันยกทั้งชีวิตไปแลกกับเงินร้อยล้านของคุณ”
“คุณคิดว่าผมจะยอมช่วยคนที่เคยเหยียบย่ำครอบครัวผมมาก่อนอย่างนั้นเหรอ ที่ผมทำไปเพราะอยากแก้แค้นคุณเข้าใจถูกแล้ว ไม่ต้องคิดว่าผมจะซื้อด้วยเงินเพราะดูจากรูปร่างแบนราบเป็นไม้กระดานและก็หน้าตาเหมือนตัวประกอบในละครแบบนี้ขายตัวครั้งละหมื่นผมยังว่ามากไปเลย... แต่ที่ผมเอาตัวคุณมาแทนเงินเพื่อความสะใจส่วนตัวไม่ได้พิศวาสอะไรเลยแค่จะเอามาเป็นคนรับใช้ให้สะใจเล่นๆ ทีนี้รู้ฐานะตัวเองแล้วผมให้ทำอะไรก็ทำเถอะ คุณไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต่อรองอะไร ทำตัวให้ว่าง่ายๆ เข้าไว้น่าจะดีกว่า เกิดผมเปลี่ยนใจมาไม่มีทางมีใครช่วยคุณหรอก ”
“ฉันจะไม่สนใจข้อเสนอของคุณ ฉันจะไปดีลกับคนอื่นที่ไม่ได้บ้าแบบคุณยังจะดีกว่า”
“เชิญครับ บริษัทของพ่อคุณไม่มีเครดิตอะไรที่จะเรียกความเชื่อมั่นเงินกู้ได้เลย... แถมเศรษฐกิจอย่างนี้ ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยอยู่แล้วนอกจากคนบ้า... แบบผม” ตรัยหัวเยาะหล่อนได้ในแบบของเขา แม้เขาจะพูดดีๆ เรียบๆ แต่มันทำให้หทัยวดีโกรธจนหอบหายใจไม่ทั่วท้อง
“ผมให้เวลาคุณไปหาคนมาช่วยสามวัน... ถ้าไม่มีใครช่วยค่อยมากราบกรานซบอกผมงามๆ สักครั้งจะเจียดเศษเงินไปช่วยให้... แต่ถ้าไม่มาในสามวันจะเอาเงินไปลงทุนอย่างอื่นที่คุ้มค่ากว่านี้” สายตาคมมองหล่อนผู้ที่เขาพูดเสมอว่าไม่คุ้มค่ากับเงินร้อยล้านหัวจรดเท้า... “ออกไปได้แล้ว... ผมจะทำงาน จะไปขอเงินใครก็ไปเถอะไป”
หญิงสาวลุกทันที ไม่รอให้เขาไล่เหมือนหมูเหมือนหมารอบสอง แค่เขามองประเมินหัวจรดเท้าอย่างเหยียดๆ นั่นก็เกินพอแล้ว...
“แล้วเจอกันใหม่นะครับ... น้องเพลิน” เขายังส่งเสียงกวนโอ๊ยไล่หลัง หญิงสาวหันมามองตาดุ
“ฝันไปเถอะ ฉันไม่มาเหยียบที่นี่เป็นรอบที่สามหรอก”
“จะรอดูนะครับ”
ตรัยมอบรอยยิ้มหวานให้หล่อน หากเป็นยิ้มนี้สาวคนไหนได้ยล คงหัวใจไหวยวบกับเสน่ห์เปี่ยมล้นจากดวงหน้าหล่อเหลา ที่ไม่ใคร่มอบรอยยิ้มให้ใครนักแต่คนหทัยวดีได้รับมันแล้วกลับไม่เห็นค่าใดๆ สะอิดสะเอียนด้วยซ้ำที่จำรอยยิ้มนั้นได้ติดตา
ยิ้มของเขาเกิดเพราะอารมณ์ดีเนื่องด้วยได้เย้ยหยันหล่อนดั่งใจ... ดังนั้นหล่อนจึงไม่มีทางหวั่นไหวเคลิบเคลิ้มไปกับยิ้มหวานอาบยาพิษของเขา
