ตอนที่สอง ความมั่นใจที่หมดลง 2
วันถัดมาหทัยวดีขับรถยนต์หรูของตนเองไปยังบริษัทนำเข้าและส่งออกสินค้าชื่อดังของไทยซึ่งตรัยเป็นผู้บริหารอยู่ที่นั่น หล่อนไม่ได้นัดเขาไว้แต่คิดว่าเขาน่าจะทำงาน การจราจรที่ติดขัดทำให้หล่อนมีเวลาครุ่นคิดไปถึงอดีตที่บอบช้ำของครอบครัวที่หล่อนกับบิดามารดาพยายามลืมและใช้ชีวิตให้มีความสุข แต่ว่ามันก็มีเรื่องใหญ่ให้กระทบใจของพวกท่านอีกจนได้ แต่ครั้งนี้หทัยวดีไม่ยอมให้พวกท่านเสียใจผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะกว่าที่จะผ่านพ้นวันเลวร้ายเหล่านั้นมายิ้มได้ในวันนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย...
เมื่อก่อนหทัยวดีไม่ได้เป็นลูกสาวคนเดียวของอุทัยกับวดี หล่อนมี หทัยวัตเป็นพี่ชายอีกหนึ่งคนซึ่งเขาเรียนบริหารธุรกิจและเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว เพราะบิดามารดาคาดหวังให้เขาสืบทอดธุรกิจส่งออกสินค้าพวกท่านจึงไม่บังคับหทัยวดีให้เรียนเหมือนพี่ชาย หล่อนเลือกเรียนสิ่งที่หล่อนชอบโดยพี่ชายก็ช่วยสนับสนุนและเป็นตัวกลางเจรจากับพ่อแม่ให้ แต่เมื่อปีก่อนระหว่างที่หล่อนกำลังศึกษาในปีที่สองของปริญญาโทเรื่องราวที่จะเปลี่ยนแปลงครอบครัวหล่อนไปตลอดก็เกิดขึ้น...
หล่อนได้รับแจ้งว่าหทัยวัตพี่ชายของหล่อนบุกไปยิงตรัยและคู่หมั้นของตติยาน้องสาวของตรัยบาดเจ็บสาหัส ส่วนเขาบังคับพาตติยาหนีไปจากงานหมั้นของหล่อนแต่ก็หนีไปไม่พ้นเพราะว่ารถตกเขาไฟคลอกเสียชีวิตทั้งคู่ ข่าวนั้นโด่งดังมากและผู้คนก็วิพากษ์วิจารณ์มากมายแต่ก็ไม่เท่าความเสียใจที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของหล่อนและตรัย เรื่องความรักที่เกิดขึ้นเป็นรักสามเศร้าระหว่างพี่ชายหล่อนกับตติยาและแฟนหนุ่มไฮโซ ตติยาเคยคบๆ เลิกๆ กับพี่ชายของหล่อนและตรัยเป็นคนสั่งให้เลิกเพราะพี่ชายของหล่อนจนกว่าเขา
ตรัยเคยมาต่อว่าพี่ชายหล่อนที่บ้านและบีบบังคับทุกทางให้พี่ชายหล่อนเลิกกับตติยาแบบถาวร แต่ว่าหทัยวัตรักตติยามากและไม่ยอมเลิกเขายิ่งเสียใจและโกรธตรัยมากกว่าเดิมและตรัยทำให้ตติยาเข้าใจว่าหทัยวัตนอกใจหล่อนจึงเปลี่ยนใจและบอกเลิกกับเขาอย่างจริงจังเพื่อไปแต่งงานกับวรุสหนุ่มไฮโซเงินถุงเงินถังเรื่องมันจึงเกิดขึ้น
จากเหตุการณ์นั้นทำให้ตรัยกับว่าที่คู่หมั้นไฮโซของตติยาสาหัส หทัยวัตและตติยาเสียชีวิต และนั่นทำให้ครอบครัวของหล่อนจมอยู่กับความเศร้า โชคดีที่บิดามารดาของหล่อนนั้นเข้มแข็งมากและฝ่าฟันมันมาได้ แต่เมื่อมีปัญหาเข้ามาอีกให้ท่านต้องพบเจอ หทัยวดีก็คิดว่าในฐานะที่ตรัยเคยสร้างปัญหาให้บิดามารดาหล่อนมาก่อนครั้งนี้หล่อนจะมาเตือนความทรงจำว่าเขาควรจะต้องช่วยเพื่อล้างบาปในความใจดำอำมหิตจนทำให้เกิดความสูญเสียที่ผ่านมาให้จงได้
“ฉันมาพบคุณตรัย” หทัยวดีบอกกับพนักงานประชาสัมพันธ์ด้านล่างอาคารสำนักงานใหญ่ของตรัยซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับบริษัทส่งออกของบิดาหล่อน บริษัทตรัยยิ่งใหญ่และมีการระดมทุนจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มาลงทุนเพิ่มจนมีมูลค่าเป็นหมื่นๆ ล้าน
บริษัทของบิดาหล่อนเป็นเพียงปันเฟืองเล็กๆ ที่ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ให้บริษัทของตรัยเพื่อให้บริษัทของตัวเองอยู่รอดเพราะไม่อาจทำตัวเป็นคู่แข่งของตรัยได้ เนื่องจากเเข่งไปก็ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตายสู้รวมกันเพื่อสร้างความก้าวหน้าเสียดีกว่า อย่างเช่นวันนี้ถ้าเกิดเรื่องกับบริษัทพาร์ทเนอร์ตรัยจะต้องยื่นมือเข้ามาช่วยแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าเขาอยากจะตกลงอะไรกับหล่อนเพิ่มถึงได้ขอพูดกับหล่อน
“ได้นัดไว้หรือเปล่าคะ”
“ไม่ได้นัด แต่บอกเขาไปว่า หทัยวดี พิมชลมาขอพบ แล้วเขาจะเข้าใจเองค่ะ” ดวงหน้าที่ตึงเล็กน้อยเชิดอย่างมั่นใจ เมื่อเห็นสายตาดูเเคลนของพนักงาน หล่อนไม่อยากโดนเหมารวมว่าเป็นสาวๆ ที่มาหาตรัยด้วยความพิศวาสเลย แค่คิดก็อารมณ์เสียจะเเย่เเล้ว
พนักงานสาวจดชื่อของหล่อนใส่โพสท์อิต กำลังจะโทรหาเลขของตรัยแล้วถ้าไม่มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งมาสะกิดเอาไว้แล้วกระซิบว่า... “แก เลขาคุณตรัยสั่งไว้ ลืมแล้วเหรอ ถ้าคนชื่อนี้มาหา ให้บอกว่าคุณตรัยติดประชุม รอก่อนสักสองสามชั่วโมงค่อยให้ไปพบ”
เสียงพูดนั้นไม่ได้เบาหนัก มันทำให้คนที่ได้ยินเดือดกับการเล่นไม่ซื่อของตรัย ที่จำเพาะเจาะจงที่จะกลั่นแกล้งหล่อน... ไอ้คนบ้า เรื่องแค่นี้นายยังกลั่นแกล้งฉันแล้วกว่าที่จะเจรจาเรื่องยกฟ้องร้อยล้าน นายไม่สับฉันเละเพราะเรื่องแต่ปางก่อนหรือไงกัน... หญิงสาวก่นด่าในใจ ก่อนจะคิดอะไรออก หล่อนล้วงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าขึ้นมาแล้วแกล้งทำเป็นรับสายเรียกเข้า...
“ฮัลโหล ว่าไงนะคะพี่ตรัย... มาถึงแล้วค่ะ กำลังฝ่าด่านพนักงานประชาสัมพันธ์ที่ตึกด้านล่างไปหาพี่ตรัยนี่ไงคะ ก็บอกแล้วนะคะ แต่พนักงานเค้าจะติดต่อเลขาพี่ตรัย อะไรนะคะ ให้ขึ้นไปเลย อะไรจะด่วนขนาดนั้นคะ โอเคค่ะโอเค จะรีบขึ้นไปค่ะ” หล่อนทำเป็นวางสายโทรศัพท์ก่อนจิกหน้าดุๆ ใส่พนักงานที่ยกหูค้างอึ้งๆ
“ไม่ต้องโทรไปแล้ว เดี๋ยวฉันขึ้นไปเอง เจ้านายของเธอรีบ ใจร้อนเป็นบ้าเลย” หญิงสาวบอกแล้วเดินรีบๆ ไปยังลิฟต์เพื่อเรียกมันไปยังชั้นเกือบบนสุดที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานผู้บริหารบริษัท ตรินิตี้ ซึ่งหล่อนเคยบุกมามีเรื่องกับเขาก่อนหน้านี้ครั้งหนึ่งแล้วจึงรู้ตำแหน่งที่แน่นอน มันยังไม่นานหลังจากเกิดเรื่องอะไรอะไรในบริษัทของตรัยจึงยังไม่เปลี่ยนไปมากนักจึงเป็นประโยชน์ของหล่อน การที่หล่อนเน้นย้ำว่าตรัยขี้ใจร้อนเป็นสิ่งที่ทำให้พนักงานเชื่อว่าหล่อนได้คุยกับตรัยจริงๆ เพราะว่าตรัยเป็นคนใจร้อนอย่างที่หทัยวดีบอกไม่มีผิด...
ผ่านจากลิฟต์ไปได้... หล่อนก็พุ่งตรงไปที่ห้องทำงานของตรัยอย่างเคยคุ้น ไม่สนว่าเลขาของเขาจะพุ่งจากโต๊ะมารวบตัวหล่อนทันหรือไม่ เพราะจากประสบการณ์แล้วหล่อนจะพุ่งเข้าประตูห้องตรัยได้ก่อนที่เลขาของเขาจะพุ่งมาถึงตัวหล่อน
และครั้งนี้หทัยวดีก็ยังทำลายสถิติได้เช่นเดิม... ประตูห้องทำงานตรัยเปิดผลัวะเข้าไปพร้อมกับเสียงร้องห้ามของเลขาเขา และเสียงพูดที่ไม่ได้เบานักของสองคนที่อยู่ในห้องตรัย
“แม่ว่าตรัยไม่ควรทำอย่างนั้น” เสียงของคนที่อยู่ตรงหน้าตรัยพูดให้หทัยวดีทันได้ฟังก่อนที่ทุกคนจะหันมามองหล่อนเป็นตาเดียวเพราะเปิดประตูพรวดเข้าไประหว่างที่พวกเขากำลังสนทนาเครียดเคร่งกันอยู่... ตรัยกับมารดาของเขาอยู่ในห้องและเป็นมารดาเขาที่ทักหล่อนก่อนเพราะท่านยังจำได้...
“หนูเพลิน”
หทัยวดียกมือไหว้ตุลยามารดาของตรัยอย่างเคารพ จำได้ว่าท่านเป็นคนเดียวจากฝั่งครอบครัวตรัยที่มางานศพของพี่ชายหล่อนแบบมาเพื่อขออโหสิกรรมกับคนตายโดยไม่ได้มีเจตนาก่อศัตรูอะไร หล่อนกับพ่อแม่หล่อนยังนับถือที่ท่านมางานเพราะว่าท่านให้เกียรติคนที่ทำให้ลูกสาวท่านเสียชีวิต แต่ตรัยที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดจริงๆ กลับไม่มาเหยียบงานศพของหทัยวัตจนวันเผา นั่นทำให้หทัยวดียิ่งเกลียดเขาเข้าไส้นับจากนั้น...
“ไม่มีมารยาทเลยนะคุณ บุกมาแบบนี้ได้ยังไงกัน... ถึงผมไม่เคยคิดอ่านแต่มั่นใจว่าในหนังสือสมบัติผู้ดีน่าจะสอนเรื่องมารยาทด้วยแต่ผู้ดีอย่างคุณไม่ได้จำมาใช้เลยใช่ไหม” ตรัยเอ่ยขึ้นมาลอย ๆ มารดาเขาหันไปปรามที่ลูกชายปากจัด แต่เขาก็ไม่ได้นำพาอะไร...
หทัยวดีเชิดหน้าสู้เขา...
“ฉันแอบได้ยินว่าคุณแกล้งฉันด้วยการสั่งให้พนักงานด้านล่างให้หาเรื่องให้ฉันรอสองสามชั่วโมงก่อนค่อยตามมาเจอคุณ ฉันเลยแกล้งกลับด้วยการบุกมาเจอคุณเลยแบบไม่รอยังไงล่ะ”
“เอ่อ ตรัยมีแขกใช่ไหม แม่หมดเรื่องคุยกับตรัยแล้ว แม่ไปก่อนแล้วนะ” คิดว่าสองคนนี้คงทะเลาะกันอีกนานและนางคงทนฟังไม่ได้จึงคิดแยกตัวไปก่อน
“ขอโทษด้วยนะคะคุณป้า...” ท่าทีเย่อหยิ่งเปลี่ยนไปเป็นนอบน้อมเหมือนพูดกับญาติผู้ใหญ่เมื่อหันมาคุยกับมารดาของตรัย
“ไม่เป็นไรจ้ะหนูเพลิน คุยกันดีๆ นะ” นางหันไปกำชับลูกชาย ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับพยักหน้าให้เลขาของตรัยให้เดินตามนางออกไป
นางกับตรัยรู้ว่าหทัยวดีเข้ามาที่บริษัทตั้งแต่คนที่ป้อมยามหน้าบริษัทรายงานมาถึงตรัยแล้ว นางเองมาคุยกับตรัยเรื่องนี้พอดีหลังจากที่ได้รู้ว่าตรัยไปเกี่ยวข้องกับน้องสาวคนรักเก่าของตติยาและตอนนี้ยิ่งได้รู้ว่าตรัยสนใจหล่อนเป็นพิเศษถึงกับกำชับคนเอาไว้ให้แจ้งเมื่อหล่อนมาถึง... นางรู้จักลูกชายดีจึงมาเตือน แต่ดูเหมือนว่านางจะมาเตือนได้ช้าไป... คงบอกได้แค่ว่าให้ตรัยทำกลั่นแกล้งหญิงสาวให้น้อยลงเท่านั้น...
