บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 สะใภ้บ้านเฉิน

เฉินม่อและบุตรชายทั้งสองเฉินสวินและเฉินจวินหลังจากช่วยกันเก็บเกี่ยวข้าวในแปลงนาแล้วยังต้องช่วยกันขนข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ไปเก็บในโรงเก็บ เพื่อรอเอาเมล็ดออกจากรวงในวันต่อไป แม้ว่าจะยุ่งเช่นนั้นแต่ก็ยังมีเวลาที่จะเข้าป่าเพื่อดูว่าพอจะมีอะไรกินได้บ้างกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาที่ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว พวกเขาทั้งสามไม่ได้กลับมามือเปล่าแต่ยังหิ้วไก่ป่า ผักป่าและเห็ดป่าติดไม้ติดมือมาด้วย ยามที่เข้าบ้านมาแล้วได้กลิ่นน้ำแกงอันหอมกรุ่นก็พากันยิ้มในทันที ช่วงนี้แปลงนาอยู่ในช่วงที่ต้องเก็บเกี่ยวจึงต้องใช้พละกำลังมากพอสมควร ยามที่กลับมาถึงบ้านแล้วพบว่ามีอาหารส่งกลิ่นหอมกรุ่นรอต้อนรับ ความเหนื่อยล้าที่สะสมก็พลันมลายหายไปในทันที

“ไปล้างเนื้อล้างตัวกันก่อนเถิดแล้วค่อยมากินข้าว” เสียงสั่งการของโจวต้าเหนียงทำให้บุรุษทั้งสามรีบเดินไปที่บ่อน้ำหลังบ้านในทันที ระหว่างที่พวกเขาอาบน้ำ เจียงม่านม่านก็ช่วยแม่สามียกอาหารมาวางบนโต๊ะกลางบ้าน โดยมีเฉินมู่หนานที่ในยามนี้อาการไข้ลดลงแล้วเดินวนไปเวียนมาเพื่อออดอ้อนคุณย่าของเขา

ยามที่ทุกคนมานั่งประจำที่อย่างพร้อมเพรียงแล้ว เฉินมู่หนานก็ปีนขึ้นไปนั่งบนตักของคุณย่าของเขาในทันทีเพื่อรอให้ย่าของเขาป้อนอาหารให้เขา

“วันนี้ถึงกับหุงข้าวสวยเลยหรือ” เฉินม่อเอ่ยถามด้วยสีหน้ากระตือรือร้น ปกติแล้วมื้อเย็นของที่บ้านถ้าไม่กินบะหมี่ ก็มักจะกินกับข้าวกับข้าวต้มร้อนๆ นานๆ ครั้งจึงจะได้กินข้าวสวยเต็มชามเช่นนี้

“สะใภ้ใหญ่เป็นคนหุงน่ะ คงอยากจะกินข้าวขาวเต็มทีแล้วกระมังก็เลยหุงข้าวสวยเสียจนเต็มหม้อแถมยังทำกับข้าวเสียจนเต็มโต๊ะเช่นนี้” โจวต้าเหนียงพูดพลางตวัดสายตาไปมองลูกสะใภ้ด้วยความไม่พอใจ

“เอาน่า วันนี้ลงแปลงนาเหน็ดเหนื่อยมากเต็มทีได้กินข้าวสวยอย่างเต็มอิ่มสักมื้อก็เป็นเรื่องดี อีกทั้งปีนี้แปลงนาให้ผลผลิตดีเพียงพอให้พวกเรากินข้าวสวยได้อยู่แล้ว” เฉินม่อเอ่ยตัดบทด้วยไม่อยากจะฟังบทสนทนาที่เป็นการโต้เถียงของแม่สามีและลูกสะใภ้ดังเช่นทุกวันอีก

“จริงด้วยครับ ขอพวกเราได้กินอิ่มท้องสักมื้อเถอะครับ แล้วอีกอย่างนานๆ ทีพี่สะใภ้จะเข้าครัวเช่นนี้ ขืนคุณแม่ต่อว่าพี่สะใภ้อีกวันหน้าก็คุณแม่ก็คงจะได้เข้าครัวทำอาหารคนเดียวอีกตามเคย ดีเสียอีกที่มีคนช่วย” เฉินจวินลูกชายคนเล็กของบ้านพูดออกมาตามที่ใจคิดจนได้รับสายขุ่นเคืองของโจวต้าเหนียง เขาจึงรีบหน้าลงเพื่อหลบสายตาตำหนิของโจวต้าเหนียงในทันที

“กินข้าวกันเถอะอย่ามัวพูดมากกันอีกเลย” เมื่อโจวต้าเหนียงพูดเช่นนี้เฉินม่อจึงรีบลงมือคีบกับข้าวขึ้นมากินในทันที

“โอ้ อร่อย” เสียงซดน้ำแกงและเสียงชื่นชมด้วยความพึงพอใจทำให้ทุกคนในบ้านต่างพยักหน้าอย่างเห็นด้วย โจวต้าเหนียงประหยัดเกลือและน้ำมันอาหารจึงรสชาติไม่ค่อยจะดีนัก แต่เจียงม่านม่านกลับลงมืออย่างไม่คิดจะเสียดาย อีกทั้งยังมีวิธีการทำอาหารที่เคยผ่านตามา แม้แต่ผัดผักที่ผ่านการอุ่นร้อนมาแล้วก็ยังคงความสดกรอบไม่นุ่มเละอย่างที่ควรจะเป็น

“อืม คราวหน้าเธอก็พยายามทำอาหารให้บ่อยขึ้นล่ะจะได้ช่วยแบ่งเบาฉันได้บ้าง” แม้ว่าจะรู้สึกปวดใจเรื่องเกลือและน้ำมันอยู่บ้างแต่เมื่อเห็นสามีและลูกๆ กินอาหารอย่างมีความสุข อีกทั้งตัวของเธอเองก็ไม่เหนื่อยแถมยังได้กินอาหารที่มีรสชาติกลมกล่อมเช่นนี้เธอจึงไม่คิดจะเสียดายเกลือและน้ำมันอีก

‘เอาไว้วันหน้าค่อยหาเงินให้มากขึ้นเพื่อมาซื้อเกลือและน้ำมันมาตุนเอาไว้ก็แล้วกัน’ โจวต้าเหนียงคิดพลางป้อนน้ำแกงให้หลานชายที่ในวันนี้ดูเหมือนว่าจะเจริญอาหารมากเป็นพิเศษ

พอทุกคนกินอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วเจียงม่านม่านก็เก็บโต๊ะโดยไม่ต้องรอให้โจวต้าเหนียงสั่งการ เฉินม่อหันไปทางภรรยาของเขาในทันทีแล้วถามโจวต้าเหนียงเสียงเบาว่า

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมวันนี้สะใภ้ใหญ่จึงเปลี่ยนไปเช่นนี้เล่า” คำถามประโยคนี้ของเขาโจวต้าเหนียงก็ตอบไม่ได้ ไม่เพียงทำอาหารรอบ้านช่องก็สะอาดเอี่ยมเรียบร้อยผิดหูผิดตา เท่านั้นยังไม่วันนี้ยังดูแลเฉินมู่หนานเป็นอย่างดีโดยที่เขาไม่ได้ก่อเรื่องซุกซนให้ปวดหัวดังเช่นที่ผ่านมา

“ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยจะกินยาผิดสำแดงเข้าหรือไม่ก็คงอยากจะได้อะไรถึงได้มีทำตัวดีผิดปกติเช่นนี้” คำพูดของภรรยาทำให้เฉินม่อพยักหน้า

“ขอให้ดีเช่นนี้ไปอีกนานๆ เถิด พวกเราจะได้วางใจแล้วเริ่มวางแผนการแต่งงานของเจ้ารองเสียที” เฉินม่อพูดพลางมองไปทางเฉินสวิน

เพราะภรรยาของเขาเลอะเลือนเลือกสะใภ้คนโตมาอย่างฉาบฉวย นอกจากจะทำให้ลูกชายคนโตไม่ยอมกลับบ้านเสียทีแล้วเรื่องการแต่งการของลูกคนรองยังต้องล่าช้าไปอีก แน่นอนว่าสาเหตุที่ล่าช้าไม่ใช่เพราะความบกพร่องของลูกชายคนรองและความไม่พร้อมของครอบครัว แต่เป็นเพราะคราวนี้ทั้งโจวต้าเหนียงและเฉินม่อมีความระมัดระวังเป็นอย่างมากในการเลือกสะใภ้ให้บุตรชาย จึงทำให้จนป่านนี้ยังเลือกภรรยาให้บุตรชายคนรองไม่ได้เลย

พอเก็บโต๊ะล้างทำความสะอาดจานชามเสร็จเจียงม่านม่านก็ยกน้ำเข้าไปในห้องนอนส่วนตัวของตนเองเพื่อทำความสะอาดเนื้อตัวอีกครั้ง สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือแม้ว่าร่างนี้จะขี้เกียจและไม่ชอบหยิบจับงานการในบ้าน แต่กลับมีเรี่ยวแรงทำงานที่เธอคิดว่าน่าจะทำไม่ได้และทำไม่ไหว เจียงม่านม่านจึงได้คิดว่าด้วยความตกต่ำของครอบครัวต่อให้ไม่ต้องทำอะไรก็ย่อมจะต้องมีความแข็งแกร่งและมีพละกำลังมากกว่าสตรีในยุคของเธอที่เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในเรือน

“ตอนนั้นไม่น่าหลุดปากสาปแช่งลูกหลานใตตระกูลของตนเองเลย แค่สาปแช่งคนที่ทำผิดก็พอแล้ว ดูสิ! ยามนี้มาอยู่ในร่างของคนในตระกูลของตนเองที่ทั้งจน ทั้งไร้การศึกษาและที่สำคัญสิ่งที่อยู่ในหัวก็ยังเป็นความเห็นแก่ตัวในแบบฉบับตระกูลเจียงอีก” เจียงม่านม่านบ่นพึมพำออกมาแล้วยกน้ำที่ใช้แล้วเอาไปไว้ตรงมุมห้อง ส่วนตนเองก็เดินไปตรวจนับทรัพย์สินของร่างนี้อีกครั้ง แม้ว่าจะมีความทรงจำของร่างเดิมอยู่แต่หากได้ตรวจนับอีกสักครั้งย่อมน่าจะอุ่นใจกว่า

‘มีเงินเก็บอยู่ 50 หยวน และคูปองสำหรับซื้ออาหารและของใช้’ แม้ว่าจะไม่มากแต่การใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเฉินย่อมจะเพียงพอ เจียงม่านม่านจ้องมองเงินที่ตรวจสอบได้และคูปองอีกไม่กี่ใบด้วยความครุ่นคิด

สามีของเจ้าของร่างนี้ไม่ได้กลับบ้านมานานเกือบสามปีกแล้ว ในช่วงแรกที่แต่งงานกันย่อมจะยังสามารถเสแสร้งแกล้งทำได้ แต่พอเวลาล่วงเลยไปความดีงามทั้งหมดย่อมไม่สามารถหลอกลวงคนในบ้านได้อีก โดยเฉพาะคนเป็นสามี

บ้านเฉินนับว่ามีฐานะมากพอสมควรในหมู่บ้าน อีกทั้งลูกชายคนโตยังได้เป็นทหารมียศมีตำแหน่งและที่สำคัญก็คือมีเงินเดือน มีหรือที่บ้านเจียงจะไม่หมายปองที่จะเกี่ยวดองด้วย เจียงม่านม่านคือลูกสาวคนโตที่มีหน้าตาดีมากที่สุดในบรรดาลูกสาวทั้งสามของบ้าน จึงกลายเป็นความหวังของบ้านในการล่อหลอกให้โจวต้าเหนียงตัดสินใจเลือกมาเป็นสะใภ้คนโต

แม้ว่าจะยากจนแต่สิ่งหนึ่งที่ผู้คนในหมู่บ้านต่างให้การยอมรับก็คือเรื่องหน้าตาของคนภายในบ้านเจียงที่โดดเด่นกว่าลูกบ้านอื่น โดยเฉพาะลูกสาวทั้งสามที่ต่างก็สะสวยไม่แพ้กัน ส่วนลูกชายทั้งสี่ก็ทั้งสูงใหญ่และหน้าตาดี อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือมีลูกดกมาก โชคดีที่ตอนที่เจียงม่านม่านและน้องๆ ของเธอเกิดกฎการมีลูกคนเดียวยังไม่ได้ลุกลามมาถึงหมู่บ้าน ไม่เช่นนั้นเจียงฝานจะต้องไม่มีเงินจ่ายค่าปรับเป็นแน่

ไม่ใช่แค่เพียงความสวยของเจียงม่านม่านที่โจวต้าเหนียงถูกใจ แต่เจียงม่านม่านยังพูดจาไพเราะอ่อนหวาน แต่งตัวสะอาดสะอ้าน ขยันขันแข็งอีกทั้งยังเป็นแม่บ้านแม่เรือน ทำอาหารได้อร่อย เลี้ยงน้องๆ ทั้งหกได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ใครเลยจะรู้ว่าพอแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้แล้วจะกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ ตอนนี้คนที่อยู่ในร่างนี้ไม่ใช่เจียงม่านม่านคนเดิมอีกทั้งยังไม่อยากจะทำตัวไม่เอาไหนอย่างเช่นเจียงม่านม่านคนเดิมด้วย เพราะหากยังคงทำตัวเช่นนี้อีกแล้วถูกบ้านเฉินขับไล่หรือถูกสามีทอดทิ้งขึ้นมาเธอคงจะต้องลำบากมากเป็นแน่

“ก่อนอื่นต้องมีรายได้ที่เป็นของตนเอง ยุคนี้ขอแค่มีเงินก็สบาย” เจียงม่านม่านพึมพำออกมาพลางจ้องเงินในมือ เฉินเสวี่ยผู้เป็นสามีที่ไม่เคยกลับมาผู้นั้นจะทอดทิ้งเธอวันไหนก็ไม่รู้ เฉินมู่หนานก็เป็นแม่สามีคอยดูแลความผูกพันย่อมน้อย หากไม่อยากย่ำแย่ในอนาคตสิ่งที่สามารถค้ำประกันการอยู่รอดของเธอได้ก็คือเธอต้องมีเงินมากพอที่จะซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ตนเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel