บทที่ 2 ความเปลี่ยนแปลง
“แม่” เสียงเรียกพร้อมด้วยร่างเล็กที่โถมทับเข้ามาทำให้เจียงม่านม่านต้องพยายามตั้งสติและฝืนร่างกายของตนเองเอาไว้ด้วยรู้ดีว่ายามนี้เด็กชายตัวน้อยที่กำลังโอบกอดร่างนี้อยู่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นตกใจ
“ไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องกลัว” เสียงที่เปล่งออกมาแม้ว่าจะไม่ใช่เสียงที่คุ้นเคยแต่เจียงม่านม่านกลับรู้สึกว่าใกล้เคียงกลับเสียงของนางเป็นอย่างมาก นางจ้องมองเด็กชายตัวน้อยแล้วก็พยายามตั้งสติของตนเองเอา ไว้ หลับตาลงเพื่อพยายามปรับตัวและรองรับความรู้สึกและเรื่องราวของร่างที่ที่กำลังไหลเวียนเข้ามาในหัว
“แม่” เสียงเรียกของเฉินมู่หนานทำให้เจียงม่านม่านพยายามตั้งสติอีกครั้งและพยายามปรับความคิดและจิตใจของตนเอง แล้วจึงคิดได้ว่ายามนี้นางก็คือเจียงม่านม่าน สตรีที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในหมู่บ้านเล็กๆ ความคิดอ่านไม่ค่อยจะฉลาดเฉลียวความโชคดีเพียงอย่างเดียวก็คือได้แต่งงานสามีที่พอจะมีฐานะในหมู่บ้าน ไม่ใช่เจียงม่านม่านสตรีที่ได้แต่งงานกับจักรพรรดิแห่งแคว้นฉินผู้นั้น
“อาหนาน ลูกไปนั่งรอแม่ตรงนั้นได้ไหมประเดี๋ยวแม่จะหาข้าวให้ลูกกินขอแม่เก็บกวาดพื้นที่สกปรกนี่ก่อน” เจียงม่านม่านพยายามพูดจาให้เหมือนกับที่เจ้าของร่างเก่าเคยพูดและแสดงท่าทางกับเด็กชายตัวน้อยเฉกเช่นที่แม่ของเขาเคยทำ
“ได้” เขาพูดพลางขยับตัวลุกขึ้นแล้ววิ่งตื๋อไปนั่งยังบนม้านั่งที่เจียงม่านม่านชี้อย่างเชื่อฟัง เดิมทีเด็กชายคนนี้ไม่เคยเชื่อฟังคำสั่งของใคร แต่วันนี้น่าจะเพราะๆ ได้รับความตกใจจึงได้เชื่อฟังอย่างผิดปกติ
เจียงม่านม่านรีบทำความสะอาดพื้นอย่างคล่องแคล่ว แม้ว่าจะไม่เคยลงมือทำด้วยตนเองเลยสักครั้งแต่ก็เห็นผ่านตามาจนชิน จึงได้ลงมือทำความสะอาดสะอ้านอย่างรวดเร็ว
เตาไฟที่โจวซื่อก่อไว้ยังไม่มอดดับดี เจียงม่านม่านจึงได้ลงมือต้มโจ๊กใส่ไข่ 2 ชาม แล้วยกไปป้อนเด็กชายพร้อมๆ กับที่เธอเองก็ลงมือกินด้วย
“ถ้ากล้าพ่นออกมา เป็นได้เห็นดีกันแน่” เสียงข่มขู่พร้อมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกดดันทำให้เฉินมู่หนานกลืนโจ๊กที่เตรียมจะพ่นออกมาในทันที
เมื่อกินโจ๊กกันเสร็จแล้วเจียงม่านม่านจึงได้ใช้หลังมือแตะที่หน้าผากเพื่อวัดความร้อนบนหน้าผากของเฉินมู่หนานอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยยังมีไข้อยู่จึงได้ไปนำยาลดไข้ที่อยู่ในซองยามาให้เด็กชาย โดยทิ้งยาที่ถูกแบ่งครึ่งออกจากซองยาเสีย เจ้าของร่างคนเก่าอ่านหนังสือไม่ได้แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเธอคืนยาถูกซอง มิสู้ทิ้งยาที่หักแล้วทิ้งไปเสีย แล้วนำยาที่เจ้าของร่างเก่ายังไม่ได้แตะต้องมาป้อนดีกว่า
บนซองยานอกจากจะระบุชื่อสรรพคุณของยาแล้วยังระบุวิธีกินและข้อควรระวังอีกด้วย โชคดีที่หลายปีมานี้เจียงม่านม่านตั้งใจศึกษาและเปิดใจเรียนรู้ตัวอักษรและภาษาที่เปลี่ยนแปลงไปจากยุคที่นางมีชีวิตอยู่ ดังนั้นจึงมีความมั่นใจที่จะใช้ยาที่สามีของร่างนี้ส่งมาให้ใช้
“รู้หรือไม่ว่ายาเม็ดนี้สามารถซื้อลูกอมให้ลูกกินได้หลายเม็ด ถ้ากล้าคายทิ้งออกมา แม่รับรองได้เลยว่าลูกจะไม่ได้กินลูกอมอีกต่อไป” คำพูดของเจียงม่านม่านทำให้เด็กชายตัวน้อยตรงหน้ายินยอมกลืนยาลงคอพร้อมกับดื่มน้ำตามไปอีกหลายแก้วในทันที
หลังจากนั้นไม่นานเฉินมู่หนานก็นอนหลับใหลไปเพราะฤทธิ์ยา เจียงม่านม่านห่มผ้าให้เขาอย่างระมัดระวัง แล้วจึงได้เข้าไปสำรวจร่างกายของตนเอง ทรัพย์สินที่มีอยู่และสภาพความเป็นอยู่ของร่างนี้
“นับว่าเป็นสาวงามคนหนึ่ง เสียอย่างเดียวสกปรกมากเกินไปหน่อย” เจียงม่านม่านบ่นพึมพำออกมาแล้วจึงได้มองสภาพห้องนอนของตนเองด้วยความปวดใจ ทั้งสกปรกและรกรุงรัง ที่นอนหมอนมุ้งน่าจะไม่ได้ซักทำความสะอาดนานแล้ว พื้นก็คงจะไม่เคยได้กวาดถูเลย เสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ซักก็กองสุมกันอยู่จนเต็มห้องทำให้เจียงม่านม่านถึงกับต้องรีบเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศในทันที
เดิมที่เธอตั้งใจว่าจะอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายก่อน แต่พอเห็นสภาพห้องนอนแล้วเธอจึงได้เปลี่ยนความคิดแล้วรวบรวมกองผ้าและที่นอนหมอมุ้งทั้งหมดไปที่ลานซักล้างหลังบ้าน บ่อน้ำหลังบ้านของบ้านตระกูลเฉินนับว่าเป็นความสะดวกสบายที่บ้านอื่นในหมู่บ้านไม่มี เจียงม่านม่านหย่อนถังน้ำลงไปแล้วตักน้ำขึ้นมาแล้วทำการซักล้างผ้าด้วยผงทำความสะอาดที่เธอเคยเห็นคนอื่นเขาใช้กัน
“ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาทำเรื่องเช่นนี้” เจียงม่านม่านบ่นพึมพำออกมาเสียงเบาแล้วลงมือซักเสื้อผ้าและที่นอนอย่างคล่องแคล่ว แม้ว่าจะไม่เคยทำมาก่อนแต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนเช่นเธอ แค่เพียงไม่นานราวตากผ้าของบ้านสกุลเฉินก็เต็มไปด้วยเสื้อผ้าและที่นอนหมอนมุ่งของเจียงม่านม่าน หลังจากนั้นเธอก็ลงมือทำความสะอาดห้องนอน รวมถึงทำความสะอาดบ้านทั้งหลังด้วย
เมื่อเห็นว่าเฉินมู่หนานยังคงหลับอยู่เธอจึงได้ลงมือหุงข้าวและทำกับข้าวเพื่อรอแม่สามี น้ำแกงหน่อไม้ ผัดผักและยำแตงกวาสดใหม่ที่พึ่งจะเก็บมาจากแปลงผัก กับข้าวเพียงเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับคนในบ้านแล้ว หลังจากนั้นเธอจึงได้เดินไปอาบน้ำสระผมและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่ พอเนื้อตัวสะอาดสะอ้านบ้านช่องสะอาดตาเธอก็ได้แต่ทอดถอนใจออกมาแล้วชื่นชมตนเองอยู่ในใจ ที่สามารถทำทุกอย่างได้โดยไร้คนคอยช่วยเหลือ
“หนานหนาน…” เธอลืมเด็กชายตัวน้อยที่ตนอยู่บนเตียงเตาในห้องของแม่สามีเสียสนิท ยามที่เดินไปดูแล้วไม่เห็นเขาจิตใจของเธอก็ร่วงดิ่งลงขอบเหวในทันที สำหรับเจียงม่านม่านแล้วเรื่องที่ผิดพลาดของเธอนั้นมีไม่มาก ดังนั้นเธอจึงไม่อยากจะให้เฉินมู่หนานคือเรื่องที่ผิดพลาดอีกเรื่องของเธอ
“หนานหนาน เฉินมู่หนาน” เจียงม่านม่านเดินไปหน้าบ้านแล้วเรียกเด็กชายด้วยความตื่นตกใจ จวบจนเสียงขานรับของเด็กชายดังมาจากหลังบ้านเธอจึงได้รีบวิ่งไปดูเขาในทันที
“ทำอะไร!” เสียงตวาดของเธอทำให้เด็กชายตัวน้อยตกใจจนปล่อยเชือกที่ใช้ดึงถังตักน้ำขึ้นมาจากบ่อน้ำ เสียงถังน้ำตกลงไปในบ่อน้ำที่อยู่ลึกลงไปทำให้เขาชะโงกหน้าลงไปจ้องมองในบ่อน้ำในทันที เจียงม่านม่านรีบวิ่งไปดึงร่างของเขาออกมาจากปากบ่อแล้วจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดุดัน
“ถ้าตกลงไปรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ทั้งสีหน้า แววตา รวมทั้งรังสีกดดันบางอย่างที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเจียงม่านม่านทำให้เด็กชายที่กำลังถูกเธอจับแขนเอาไว้ตกใจจนร้องไห้ออกมาในทันที
“ฮือ แง๊ แง๊” เสียงร้องไห้ของเฉินมู่หนานทำให้โจวต้าเหนียงที่พึ่งจะเดินกลับมาจากแปลงนารีบเดินมาทางหลังบ้านในทันที
“อะไรอีก ทำไมถึงปล่อยให้หลานของฉันร้องไห้ แค่ให้ดูแลลูกของเธอให้ดีก็ทำไม่ได้เชียวหรือ” เสียงดุด่าของโจวต้าเหนียงทำให้เด็กชายตัวน้อยยิ่งแผดเสียงร้องไห้ให้ดังมากกว่าเดิม
“หนูก็แค่ตักเตือนเขา ไม่ให้เขามาเล่นใกล้บ่อน้ำเพียงเท่านั้น” เจียงม่านม่านพูดออกมาด้วยภาษาและสำเนียงที่ร่างเดิมใช้ พอเธอปล่อยมือจากต้นแขนของเฉินมู่หนานเขาก็รีบวิ่งไปกอดขาข้างหนึ่งของโจวต้าเหนียงเพื่อร้องขอความเห็นใจในทันที
“คุณย่าคร๊าบ” เสียงเล็กๆ ที่เอ่ยร้องของความเห็นใจทำให้โจวต้าเหนียงตั้งใจว่าจะดุด่าลูกสะใภ้ของนางอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นว่ายามนี้ราวตากผ้าหลังบ้านเต็มไปด้วยผ้าที่ตากเอาไว้ทำให้เธอลืมที่จะดุด่าลูกสะใภ้ในทันที
“นี่เธอซักผ้าหรือ”
“ค่ะคุณแม่ หนานหนานนอนหลับเพราะฤทธิ์ยาแก้ไข้ หนูก็เลยทำความสะอาดบ้านแล้วเอาเสื้อผ้าและชุดเครื่องนอนออกมาซักค่ะ เห็นว่าหนานหนานยังนอนหลับอยู่หนูก็เลยหุงข้าวและทำกับข้าวรอคุณแม่ คุณแม่เข้าไปดูสิคะว่าพอไหมถ้าหากไม่พอหนูจะได้ผัดผักเพิ่มอีกสักจาน” คำพูดของลูกสะใภ้ทำให้โจวต้าเหนียงจ้องมองลูกสะใภ้ด้วยความประหลาดใจ
“เธอติดไข้จากอาหนานหรือ หรือว่าหัวของเธอกระแทกกับอะไรเข้าถึงได้ทำเรื่องที่ไม่เคยทำเช่นนี้” คำพูดของแม่สามีทำให้เจียงม่านม่านหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะความจริงแล้วศีรษะของเธอกระแทกกับพื้นเข้าแล้วจริงๆ
“หนูก็แค่คิดได้ว่าช่วงนี้ทุกคนเหนื่อยกันมาก โดยเฉพาะคุณแม่ที่นอกจากจะต้องดูแลทุกคนในบ้านแล้วยังต้องดูแลหนานหนานให้หนูอีก หนูก็เลยคิดว่าสิ่งใดที่ช่วยแบ่งเบาคุณแม่ได้ก็ควรจะทำค่ะ คุณแม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก” คำพูดของลูกสะใภ้ทำให้โจวต้าเหนียงขมวดคิ้ว แต่เมื่อคิดได้ว่าเจียงม่านม่านเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องดี จึงได้นำของที่ถือกลับมาจากแปลงนาไปเก็บเอาไว้ในห้องเก็บของ แล้วก็ก้มลงไปอุ้มหลานชายขึ้นมาเพื่อตรวจดูว่าอาการตัวร้อนของเขาดีขึ้นหรือไม่
เมื่อพบว่าอาการตัวร้อนเพราะพิษไข้ของหลานชายลดลงแล้ว เธอจึงได้มองเห็นความสะอาดสะอ้านภายในตัวบ้าน แล้วก็อดหันไปมองลูกสะใภ้ของตนเองไม่ได้พลางคิดในใจว่าช่วงนี้เจียงม่านม่านร้อนเงินอีกแล้วใช่หรือไม่จึงได้ทำเรื่องที่ดูเอาอกเอาใจมากเช่นนี้
