บทที่ 1 ปฐมบทของสตรีจากตระกูลเจียง
เจียงม่านม่านจักรพรรดินีจากตระกูลเจียงผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นฉิน ปกครองใต้หล้าแทนสวามีผู้อ่อนแอและโง่เขลา เป็นเสาหลักของแผ่นดินมานานนับปีจวบจนช่วงสุดท้ายของชีวิตสิ่งที่เป็นของนางอย่างแท้จริงก็เป็นแค่เพียงร่างกายของนางที่ยามนี้ก็กำลังจะรักษาเอาไว้ไม่ได้แล้ว
“ม่านม่าน ข้าเขียนราชโองการมอบราชบัลลังก์ให้ฉินเจี้ยนหลงตามที่เจ้าต้องการแล้ว อีกไม่กี่วันข้าก็จะเป็นไท่ซ่างหวงส่วนเจ้าก็จะเป็นไทเฮา ไม่มีภารกิจอันหนักหน่วงให้เจ้าต้องแบกรับอีกต่อไปแล้ว” ฉินอี้ผู้เป็นทั้งสวามีและจักรพรรดิแคว้นฉินเอ่ยกับนางพลางใช้มือที่ได้รับการดูแลอย่างดีกอบกุมมือของเจียงม่านม่านเอาไว้ เจียงม่านม่านจ้องมองเขาแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจออกมา
ในกาลก่อนก็เพราะใบหน้าอันหล่อเหลาของเขานี่แหละที่ทำให้นางตกปากรับคำยินยอมแต่งงานกับเขา แต่แค่เพียงไม่กี่วันนางก็อยากจะโบกมือลาสามีผู้มีดีแค่ใบหน้าผู้นี้เสียแล้ว ติดตรงที่นางยังคงมีคุณธรรมต่อปวงประชาหากให้สวามีผู้นี้ปกครองใต้หล้านางคงไม่มีหน้าไปพบกับบรรพชนของตนเองและของสามีบนสวรรค์ได้ หลายปีมานี้นางจึงลงมือทำเรื่องร้ายกาจต่างๆ นานา ออกหน้าว่าราชการแผ่นดินโดยไม่สนใจเสียงครหา นำพาแคว้นฉินเจริญก้าวหน้าและยิ่งใหญ่กว่าแคว้นข้างเคียง
ยามนี้นางเหนื่อยล้าเต็มที โชคดีที่ลูกเลี้ยงของนางมีคนเก่งผุดขึ้นมาหนึ่งคน นางจึงได้วางใจมอบทุกสิ่งที่นางสร้างมาให้แก่ลูกเลี้ยงของนางได้ ฉินเจี้ยนหลงผู้นี้แม้ว่าหน้าตาจะคล้ายคลึงกับบิดา แต่นิสัยใจคอและสติปัญหากลับดีกว่ามาก
“องค์ชายรอง หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง” เจียงม่านม่านละสายตาจากสามีที่ในยามนี้ความหล่อเหลาบนใบหน้าของเขาตามกาลเวลาอีกทั้งการใช้ชีวิตที่ลุ่มหลงอยู่แต่สุราและนารีทำให้รูปโฉมที่เคยดึงดูดสายตาของนางได้ยามนี้กลายเป็นสิ่งที่ไม่น่ามองสำหรับนางไปเสียแล้ว
“ขอเสด็จแม่ทรงวางพระทัยลูกจะไม่ทำให้เสด็จแม่ต้องผิดหวัง” เมื่อเขาเอ่ยเช่นนั้นจิตใจที่มีห่วงของนางก็พลันผ่อนคลายร่างกายของนางก็พลันเบาสบายขึ้น รู้สึกตัวอีกทีนางก็ล่องลอยอยู่เหนือร่างกายของตนเองอีกแล้ว
“ม่านม่าน เจียงม่านม่าน โฮ โฮ ม่านม่านของข้า” เสียงร้องไห้พร้อมด้วยกับร่างกายของสวามีผู้มีเนื้อตัวบวมฉุที่โอบกอดนางเอาไว้ หยาดน้ำมูกและน้ำตาไหลรินจากใบหน้าที่ยังคงหล่อเหลาอยู่แม้ว่ามีก้อนเนื้อตรงคางเพิ่มขึ้นมาอีกหลายชั้นจะดึงความน่ามองไปแล้วก็ตามที ทำให้นางอดส่ายหน้าไม่ได้
‘เฮ้อ เอามืออันโสมมของเจ้าออกไปนะ’ เจียงม่านม่านได้แต่พึมพำออกมา แม้จะรู้ว่าไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงของนางแล้วก็ตามที
พิธีศพของนางถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ สวามีผู้เศร้าโศกของนางเศร้าโศกแค่ไม่กี่วันก็จางหายไปแล้ว ตระกูลเจียงของนางสูญเสียนางไปไม่นานก็สามารถคัดเลือกบุตรหลานที่มีความงามและความสามารถเฉกเช่นนางส่งเข้าวังไปเพื่อดึงดูดใจลูกเลี้ยงของนางได้อีกแล้ว น่าเสียดายเด็กดีคนหนึ่งที่ต้องสูญเสียความสามารถบริหารบ้านเมืองไปแค่เพียงเพราะนางจิ้งจอกจากตระกูลเจียง…
นางเฝ้ามองตระกูลของนางสูบเลือดสูบเนื้อ กัดกินความมั่งคั่งและมั่นคง ความผาสุกของปวงประชาที่นางตั้งใจสร้างขึ้นมาด้วยความปวดใจ จนสุดท้ายก็อดหลุดปากสาปแช่งตระกูลของตนเองไม่ได้
“ขอให้พวกเจ้าแต่ละคนไม่ได้ตายดี พวกเจ้าทุกคนจะทำการสิ่งใดก็ขอให้ล้มเหลวทุกอย่าง” หลังจากนั้นตระกูลเจียงของนางก็ค่อยๆ ล่มสลายไปภายใต้การรับรู้ของนาง
สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือไม่ว่าจะหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนแผ่นดินไปแล้วไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น นางก็ยังไม่ได้ไปนรกหรือสวรรค์อีกทั้งยังไม่ได้ไปเกิดใหม่เสียที แถมยังไม่เคยเจอดวงวิญญาณดวงอื่นเลยสักดวง แต่นางก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนหรือทุกใจแต่ประการใด ด้วยยังคงตื่นตาตื่นใจเสมอเมื่อได้พบเจอกับความเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคแต่ละสมัย วิวัฒนาการแปลกใหม่ที่ได้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละยุคสมัย นางเรียนรู้และเปิดใจและเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ที่ได้ประสบพบเจอ จวบจนเมื่อนางรู้สึกว่าตนเองเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับการที่ต้องเป็นดวงวิญญาณเร่ร่อนแล้วนางจึงได้พบคนจากตระกูลเจียงที่ยังหลงเหลือสายเลือดอันเจือจางของคนในตระกูลเดียวกันกับนางอีกครั้ง
“ม่านม่าน เธอจะนอนไปอีกนานแค่ไหน ไม่คิดจะลุกขึ้นมาดูแลลูกของเธอบ้างเลยหรือ” เสียงของโจวต้าเหนียงแม่สามีตระกูลเฉินของเจียงม่านม่านเอ่ยเรียกลูกสะใภ้ทำให้ดวงวิญญาณของเจียงม่านม่านที่ล่องลอยอยู่ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจทุกครั้ง
“โอ๊ย! จะเรียกอะไรนักหนา” เสียงของเจียงม่านม่านที่นอนอยู่ในห้องทำให้ดวงวิญญาณของเจียงม่านม่านอีกคนที่ล่องลอยอยู่อดขมวดคิ้วไม่ได้ และคิดว่าสตรีที่กำลังนอนอยู่บนเตียงผู้นี้นอกจากชื่อและใบหน้าที่มีความคล้ายคลึงกับนางแล้วก็ไม่มีสิ่งใดที่เหมือนหรือคล้ายกันกับนางเลย
ทั้งขี้เกียจ ทั้งสกปรก อีกทั้งยังขี้โกหกและชอบลักขโมย สาเหตุที่แต่งเข้าบ้านเฉินที่มีฐานะดีที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้ได้ก็เป็นเพราะใช้ใบหน้าที่มีความงดงามบวกกับความปลิ้นปล้อนหลอกลวงจนได้ใจโจวซื่อผู้เป็นแม่สามีได้ จวบจนเมื่อได้แต่งเข้ามาแล้วนั่นแหละโจวซื่อจึงได้รู้ว่านางแต่งสะใภ้ที่ไม่ได้ความเข้ามาเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลเฉินเสียแล้ว
“เธอตื่นขึ้นมาดูแลลูกของเธอเดี๋ยวนี้เลย ฉันต้องเอาอาหารไปให้พ่อสามีกับน้องของสามีของเธอที่แปลงนา” เสียงของแม่สามีทำให้เจียงม่านม่านขมวดคิ้ว
“รู้แล้ว! ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ” เจียงม่านม่านเอ่ยพลางลุกขึ้นมาแล้วเดินผ่านดวงวิญญาณที่กำลังจ้องมองเธออยู่เปิดประตูออกไปเพื่อไปดูลูกชายจอมซุกซนของเธอ
“วันนี้อาหนานไม่ค่อยจะสบาย ฉันต้มยาจีนเอาไว้บนเตาแล้วพอยาอุ่นๆ แล้วเธอก็อย่าลืมป้อนยาให้ลูกของเธอด้วยเล่า” พอพูดจบแม่สามีของเธอก็เดินออกจากบ้านพร้อมด้วยข้าวกับน้ำเพื่อไปให้ทันเวลากินอาหารกลางวันของคนที่แปลงนา
วันนี้เฉินมู่หนานบุตรชายผู้ซุกซนของเจียงม่านม่านดูเซื่องซึมผิดปกติ แม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่ค่อยจะได้เรื่องได้ราวนัก แต่เรื่องการดูแลลูกเจียงม่านม่านกลับให้ความใส่ใจอย่างที่ไม่เคยขาดตกบกพร่อง อีกทั้งยังเอาอกเอาใจจนเด็กชายคนนี้เริ่มจะเสียเด็กเข้าไปทุกวันแล้ว
“ยาจีนหรือจะสู้ยาตะวันตก” เจียงม่านม่านพูดออกมาแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อไปหายาลดไข้ที่สามีของเธอเคยส่งมาให้ แต่เมื่อเอามาดูแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว ซองยามีสามซองอีกทั้งแต่ละซองก็มียาเม็ดที่คล้ายกันจะแตกต่างกันก็แค่เพียงฉลากยาที่แปะอยู่บนซองเพียงเท่านั้น
“อันไหนคือยาลดไข้” เสียงพึมพำของเจียงม่านม่านทำให้ดวงวิญญาณที่ยืนมองอยู่ถึงกับบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ตัวอักษรง่ายๆ แค่ไม่กี่ตัวเธอก็ยังอ่านไม่ได้อีกหรือ” ดวงวิญญาณที่ชอบศึกษาหาความรู้ถึงกับรับไม่ได้ที่ลูกหลานจากสายตระกูลเดียวกันอ่านหนังสือไม่ได้เลยสักตัวเช่นนี้
“โง่เง่า! เจ้าจะให้เด็กกินยามากขนาดนั้นไม่ได้นะ” เสียงตะโกนออกมาของดวงวิญญาณไม่ได้ทำให้เจียงม่านม่านหยุดยั้งการกระทำเลยสักนิด เพราะอ่านหนังสือไม่ได้เธอจึงได้ตัดสินใจว่าจะให้ลูกชายของเธอกินยาแต่ละชนิดอย่างละครึ่งเม็ด มีซองยาอยู่สามซองเธอจึงจัดการแบ่งยาอย่างละครึ่งเม็ดตั้งใจจะเอาไปป้อนลูกชาย
“ยาลดไข้ ยาแก้อักเสบ ยานอนหลับ” ดวงวิญญาณเดินไปดูซองยาที่วางอยู่บนเตียงแล้วก็ทอดถอนใจออกมา พลางคิดว่าโชคดีที่ไม่ใช่ยาอันตรายมาก เพียงแต่ด้วยไม่เคยศึกษาเรื่องยาจากชาติตะวันตกนางจึงไม่แน่ใจว่าเด็กอายุสามขวบกับยาเหล่านี้อย่างละครึ่งเม็ดจะทำให้เด็กได้รับอันตรายหรือไม่
“มานี่ มากินยาเสียดีๆ” เจียงม่านม่านพูดพลางพยายามป้อนยาเม็ดในมือให้แก่บุตรชาย
“ไม่! ขม” เฉินมู่หนานที่ยังพูดเป็นประโยคยาวๆ ไม่ได้พูดพลางดิ้นรนไปมา สุดท้ายเมื่อเห็นว่าลูกไม่ยอมกินเธอจึงเอายาที่สุดแสนจะมีราคานำไปเก็บในซองยาดังเดิมแล้วจึงได้เดินไปที่เตาไฟเพื่อเทยาต้มใส่ชาม เฉินมู่หนานที่คิดว่ายาต้มก็มีรสขมเช่นเดียวกันรีบส่งเสียงปฏิเสธในทันที
“ไม่เอา! ไม่กิน!” เขาพูดพลางทำท่าจะเดินหนีแต่เจียงม่านม่านกลับรีบเดินไปหาลูกชายเพื่อจะเหนี่ยวรั้งตัวของเขาเอาไว้ แล้วสุดท้ายก็สะดุดกองของเล่นที่ลูกชายของเธอวางทิ้งเอาไว้แล้วล้มลงไปบนพื้นอย่างแรง
“แม่!” เสียงร้องด้วยความตื่นตระหนกของเด็กชายทำให้ดวงวิญญาณที่กำลังจ้องมองอยู่รีบพุ่งเข้าไปรองรับศีรษะที่กำลังจะกระแทกพื้นของเจียงม่านม่านอย่างลืมตัว แต่สุดท้ายด้วยเป็นดวงวิญญาณจึงไม่อาจจะช่วยเหลืออะไรเจียงม่านม่านได้ แถมดูเหมือนว่าการที่ศีรษะกระแทกพื้นอย่างแรงจะทำให้ดวงวิญญาณของเจียงม่านม่านหลุดลอยออกมา แล้วดวงวิญญาณอีกดวงที่เข้าไปช่วยเหลือหลุดเข้าไปอยู่ในร่างนั้นแทน
เจียงม่านม่านค่อยๆ ขยับตัวลุกมานั่งส่วนมือค่อยๆ แตะบริเวณศีรษะที่ได้รับความบาดเจ็บแล้วจ้องมองไปยังภาพตรงหน้าด้วยความตื่นตกใจ ดวงวิญญาณที่ค่อยๆ จางหายไปนั้นน่าจะเป็นดวงวิญญาณของเจ้าของร่างนี้ ส่วนนางที่เฝ้ามองร่างนี้มาได้สักพักหนึ่งแล้วกลับเข้ามาสวมอยู่ในร่างนี้แทน
