บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ความกล้าเทียมฟ้า

ฉินเสี่ยวโหรวยื่นมือไปลูบบ่าของสามี “ท่านพี่ ไม่ต้องพูดแล้ว ให้ข้าพูดกับนางเอง”

“ท่านแม่ แต่นี้ไปข้าจะไม่ทำงานให้กับเรือนใหญ่แล้วนะ ข้าจะขึ้นเขาไปหาของป่ามาดูแลครอบครัวของข้าเอง”

อี้ฟางเยว่ได้ยินก็ตาลุก “พูดบ้าอันใดของเจ้า! นางสะใภ้โง่ หน้าที่ของเจ้าก็คือต้องรับใช้พวกเราสกุลลู่”

พลันความทรงจำในร่างเดิมก็ปรากฏ หลังคืนแต่งงาน สามีของนางไปร่วมกองทัพ ฉินเสี่ยวโหรวต้องทำงานทุกอย่างแทนสาวใช้และบ่าวรับใช้ที่ถูกเลิกจ้าง ตั้งแต่เช้ามืดไปจนค่ำนางทำทุกงานอย่างแข็งขัน กระทั่งในช่วงที่นางตั้งครรภ์ก็ยังต้องทำงาน

‘ดีที่ฉินเสี่ยวโหรวร่างกายแข็งแรงอย่างกับวัวกับม้า ไม่งั้นก็น่าจะตายไปแล้ว อย่างน้อยร่างนี้ก็ยังมีข้อดี ไม่ ดราม่าเท่าไหร่ ฮ่าๆ’

ลู่หลิงหยุนที่ขบคิดมาสักพักเห็นท่าทางที่เหมือนจะไม่โง่ของภรรยาแล้วก็นึกดีใจ เขารู้ว่านางมีกำลังมากกว่าบุรุษทั่วไปหลายเท่า ที่ผ่านมาหากไม่มีฉินเสี่ยวโหรว อี้ฟางเยว่ผู้นี้คงจะปล่อยให้เขาตายไปแล้ว

“ท่านแม่ ท่านใช้งานนางมาห้าปีแล้ว งานทั้งบ้านก็ล้วนเป็นนางที่ทำอยู่คนเดียว ข้าว่าควรให้น้องๆ ไปทำเองเถิด” ชายหนุ่มเสียงแข็ง

ฉินเสี่ยวโหรวหันไปมองสามีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ คาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าออกปากโต้เถียงกับอี้ฟางเยว่เพื่อภรรยาโง่ที่เขามิได้เต็มใจแต่งงาน

“ได้อย่างไร หลิงหยุน ที่ผ่านมาเงินทองของบ้านเราใช้รักษาเจ้าไปไม่น้อย สิ้นเปลืองเหลือเกิน ภรรยาโง่ของเจ้า เดิมทีข้าก็คิดจะแต่งให้เจ้าเพื่อเอานางมาไว้ใช้งาน นี่เจ้าคิดจะทำให้ข้าขาดทุนหรือ”

ลู่หลิงหยุนเห็นแม่เลี้ยงเท้าสะเอวเชิดหน้าหัวเราะเยาะก็นึกเจ็บใจ “ที่แท้ ก็เป็นแผนของท่าน ท่านรู้อยู่แล้วว่านางเป็นหญิงสติปัญญาไม่ดีแต่ก็ยังไปสู่ขอให้ข้า”

ลู่ซือหย่าเดินเข้ามาสมทบกับมารดา นางร้องขึ้นเสียงดัง “เฮอะ! พี่ใหญ่ ท่านเพิ่งรู้ตัวหรือ ท่านแม่เห็นว่านางเหมาะที่จะรับใช้พวกเราจึงให้ท่านรับนางไว้เป็นภรรยา ดีที่นางหน้าตาสะสวย ท่านเห็นรูปเพียงครั้งเดียวก็พยักหน้าตกลงแต่งงานแล้ว”

“อี้ซื่อ! เจ้าจงใจทำร้ายข้าหรือ” ชายหนุ่มร้องขึ้น

อี้ฟางเยว่เลิกคิ้วแล้วเงยหน้าหัวเราะ ที่ผ่านมาหากสามีไม่ห้ามเอาไว้ นางคงจะได้พูดอย่างเปิดเผยนานแล้ว บัดนี้ลู่หลิงหยุนหมดโอกาสจะยืนหรือเดินได้ ส่วนฉินเสี่ยวโหรวก็เป็นเพียงหญิงโง่ คนทั้งสองไม่มีโอกาสจะไปฟ้องร้องขอความเป็นธรรมเพื่อชิงเอาทรัพย์สินของฟ่านซื่อคืน

“ฮ่าๆ หลิงหยุน เจ้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของข้า ที่เจ้าได้ไปเรียนก็มิใช่เจตนาของท่านพี่ แต่เป็นเพราะสกุลมารดาเก่าของเจ้ามากดดัน ไม่ใช่นั้นเจ้าคงไม่มีโอกาสไปเรียนในอำเภอให้สิ้นเปลืองเงินทองเลี้ยงลูกของข้า”

ลู่หลิงหยุนเลิกคิ้ว “ในที่สุด สิ่งที่ข้าสงสัยเจ้าก็พูดออกมาเสียที”

“เจ้าเป็นเพียงคนพิการ แต่งงานกับหญิงโง่ผู้หนึ่ง หากไม่พึ่งพาบ้านใหญ่ อีกไม่นานคงจะอดตาย” อี้ฟางเยว่ยิ้มเยาะ

“จริงด้วยพี่ใหญ่ ท่านบอกภรรยาโง่ของท่านให้ยอมคุกเข่าขอโทษท่านแม่ และจากนั้นก็ยอมให้นางทุบตีระบายโทสะเสียหน่อย นางก็อาจจะใจดียอมให้กินอาหารเที่ยงแล้ว”

“พอได้แล้ว!” ลู่หลิงหยุนร้องตวาด “หย่าเอ๋อร์ พวกเจ้ากินอยู่สุขสบายแต่กลับให้เศษอาหารกับครอบครัวข้า ใช้งานภรรยาข้าตั้งแต่เช้าจนค่ำ เห็นว่านางเป็นสตรีไร้ปัญญาจึงได้เอาเปรียบนาง”

ฉินเสี่ยวโหรวร้องอืมขึ้นมาคำหนึ่ง ระหว่างที่หิ้วน้ำกลับมา นางกำลังคิดหาวิธีทำให้สามีพิการผู้นี้เห็นด้วยกับการแยกบ้านจะได้เริ่มสร้างความร่ำรวย ที่สำคัญ ตนเองจะได้ไม่ต้องรับใช้คนเรือนใหญ่พวกนั้นอีก สิ่งที่นางคิด เขากลับพูดออกมาแทน

“เจ้าใหญ่ ถ้าเจ้าไม่ยอมให้นางมาทำงาน เช่นนั้นวันนี้ครอบครัวพวกเจ้าก็อย่าหวังจะได้กินสิ่งใดเลย” อี้ฟางเยว่พูดแล้วก็สะบัดหน้ากลับเรือนตน

เด็กชายลู่เหว่ยเห็นบิดาเถียงกับท่านย่าเช่นนั้นก็ยิ้มกว้าง “ท่านพ่อ ท่านเก่งนัก ในที่สุดก็เถียงแทนท่านแม่เสียที”

ลู่หลิงหยุนหันมาลูบศีรษะบุตรชายที่วิ่งมาเกาะที่เท้าแขนเก้าอี้ที่เขานั่งเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองภรรยา

“โหรวเอ๋อร์ ถ้าเจ้าไม่อยากทำงานรับใช้พวกเขา ก็ไม่ต้องทำหรอก เพียงแต่...”

“ท่านพี่อย่าห่วง ข้ามีกำลังมากมาย ข้าจะหาอาหารมาเลี้ยงท่านกับลูกๆ เอง” นางพยักหน้ารับ “ท่านคงจะหิวแล้ว เดี๋ยวข้าไปทำอาหารให้ท่านกินเอง”

“ดีๆ ท่านแม่ ข้าหิวแล้ว” เด็กหญิงลู่ฮวนที่เพิ่งวิ่งกลับมาจากเรือนปีกข้างเรือนใหญ่บอกมารดา

ฉินเสี่ยวโหรวหันไปมองบุตรสาวตัวน้อย ในใจนึกดีใจที่ลูกๆ ล้วนได้หน้าตาของสามีมาหลายส่วน ทำให้พวกเขาหน้าตาคมคายถอดแบบมาจากลู่หลิงหยุน

“ฮวนเอ๋อร์! น่ารักจริง”

เด็กหญิงมีสีหน้างุนงงเมื่อมารดาวิ่งเข้ามาคุกเข่าแล้วกอดตนพร้อมทั้งเอามือลูบแก้ม

“ท่านแม่ ไหนว่าท่านจะไปทำอาหาร ข้าหิวแล้วเจ้าค่ะ ท่านย่าใช้งานข้าหนักมาก”

ฉินเสี่ยวโหรวมองเด็กน้อยด้วยความเวทนา ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลลู่ไม่ได้รักใคร่เมตตาหลานชายคนโตอย่างลู่หลิงหยุน ไม่เพียงแต่ห่างเหิน ยังรังเกียจหลานสะใภ้โง่และหลานตัวน้อยทั้งสองคนด้วย แต่ละวันเรียกให้เด็กหญิงไปทำงานรับใช้ตนเรือนแยก

‘น่าสงสารจริง เด็กสี่ขวบเพิ่งจะห้าขวบ แต่ใช้งานทั้งวัน กระทั่งของกินก็ไม่ให้กินเต็มอิ่ม’

“ได้ๆ เดี๋ยวแม่คนนี้จะไปทำอาหารอร่อยๆ ให้พวกเจ้ากินเอง”

ฉินเสี่ยวโหรวรู้ว่าในครัวเรือนเล็กไม่มีกระทั่งข้าวสารในถัง ดีที่ในครัวไม่มีคนเข้ามาวุ่นวาย นางจึงเรียกระบบออกมา

เมื่อกรอบหน้าจอสีน้ำเงินปรากฏ นางก็รีบแจ้งความประสงค์ “ฉันอยากแลกข้าวสาร เนื้อหมู กับเครื่องปรุงทำอาหาร”

“คุณฉิน คะแนนของคุณมีเพียงห้าสิบเหรียญทอง แลกได้เพียงข้าวสารหนึ่งถุงห้ากิโลกรัมเท่านั้นค่ะ”

หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ กรอบสีน้ำเงิน ในหัวคิดวิธีแฮกระบบ ก่อนหน้าที่จะมาเป็นโปรแกรมเมอร์ในบริษัทดีเอ็มเอฉินเสี่ยวโหรวเคยเป็นแฮกเกอร์ลึกลับมาก่อน

‘ยังไม่เห็นปุ่มตั้งค่าระบบเลย บางทีอาจจะต้องเริ่มจากการอัปเดตระบบก่อน’

“นี่ระบบ ฉันเพิ่งมาถึงยังตั้งตัวไม่ได้ ไม่มีวิธีให้ยืมเหรียญทองก่อนเหรอ เอาสักร้อยเหรียญทองก็พอ”

ระบบเงียบไปครู่หนึ่ง...

“ยินดีกับคุณฉิน ท่านประธานอนุมัติให้ผู้เล่นยืมเหรียญทองได้หากฉุกเฉินจำนวน หนึ่งร้อยเหรียญทองพอดี”

“ถ้างั้นก็รีบเติมเหรียญมา” ฉินเสี่ยวโหรวยิ้มกว้าง

ที่หน้าจอปรากฏเหรียญทองหนึ่งร้อยห้าสิบเหรียญ ฉินเสี่ยวโหรวใช้นิ้วปัดจอเพื่อเลือกอาหาร นางกดเอาข้าวสาร หมูหนึ่งกิโลกรัม ผัก และไข่ไก่ ออกมา

‘อ้าว! มีอาหารแล้วแต่ในครัว แม้แต่กระทะสักใบก็ไม่มี จนจริงๆ เหรียญทองดันหมดซะแล้ว’

ฉินเสี่ยวโหรวเรียกระบบออกมาอีกครั้ง จึงสังเกตเห็นว่าปรากฎจอที่มีปุ่มเต็มระบบ

****************

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel