
บทย่อ
“ฉินเสี่ยวโหรวโปรแกรมเมอร์สาว แห่งบริษัททำระบบทะลุมิติ ถูกดึงเข้าไปในยุคโบราณ อยู่ในร่างหญิงสาวสติปัญญาไม่ดี นางมีสามีพิการและลูกฝาแฝด อยู่ในฐานะคนรับใช้ของสกุลลู่ แต่...ด้วยระบบล้านตำลึง นางจะพลิกชะตาชีวิตของครอบครัว”
บทที่ 1 สะใภ้โง่
“ท่านแม่ สะใภ้โง่ของท่านออกไปตักน้ำแล้วหรือ”
เสียงของบุตรสาวคนโตของลู่ฮูหยินเอ่ยขึ้น ในมือของนางมีซาลาเปาไส้เนื้อก้อนหนึ่งอยู่ แม้ว่าเนื้อข้างในจะน้อยลงไปกว่าสองปีที่แล้วมาก แต่ก็นับว่ายังอีกกว่าครอบครัวอื่นๆ ที่เหลือในหมู่บ้าน
“อืม แม่สั่งให้นางไปตั้งแต่เช้าแล้ว” ลู่ฮูหยินพูดพลางกัดซาลาเปาในมือตนเองคำสุดท้ายแล้วเคี้ยวอย่างสบายใจ
“ฉินเสี่ยวโหรวคนนี้ คุ้มค่าข้าวสารกับเนื้อหมูที่แลกมามากเลยทีเดียว ท่านแม่ช่างตาแหลมนัก ตั้งแต่มีนาง พวกเราไม่ต้องจ้างบ่าวผู้หนึ่งนับว่าลดรายจ่ายไปได้มากเลยทีเดียว” ลู่ซือหย่ายกยิ้มมุมปาก
ลู่ซือหย่าเป็นบุตรสาวที่เกิดจากอี้ฟางเยว่อดีต อนุภรรยาของลู่เจ๋อ ครั้นภรรยาเอกคนเดิมเสียชีวิตอี้ฟางเยว่จึงถูกยกฐานะขึ้นมาแทน เมื่อลู่ซือหย่ากลายเป็นบุตรภรรยาเอก หลายครอบครัวในหมู่บ้านเฟิงเต่าจึงหมายตาคิดจะเลือกนางไปเป็นสะใภ้
“น่าเสียดายที่นางดันมีลูกสองคน ไม่อย่างนั้นคงประหยัดได้มาก” ลู่ฮูหยินนึกเจ็บใจตนเองที่ยามนั้นคิดจะทำลายชื่อเสียงของลูกเลี้ยงจึงได้ใส่ยากระตุ้นกำหนัดให้เขาในคืนแต่งงาน
ลู่หลิงหยุนเป็นบุตรที่เกิดจากภรรยาเอกผู้ล่วงลับของลู่เจ๋อ ฟ่านซื่อ ผู้นั้นมาจากสกุลฟ่านที่อยู่ในอำเภอ สินเดิมของนางช่วยค้ำสกุลลู่ให้กลายมาเป็นเศรษฐีในเวลาไม่กี่ปี
อี้ฟางเยว่ถูกแต่งเข้ามาเป็นอนุภรรยาหลังจากที่ลู่หลิงหยุนมีอายุได้สองขวบ สามีของนางไม่เคยไปร่วมห้องกับภรรยาเอก แต่ก็น่าแปลกที่ฟ่านซื่อผู้นั้นไม่เคยแสดงความขุ่นเคืองเลยสักนิด ราวกับมิได้รักใคร่ไยดีในตัวสามี
ส่วนลู่เจ๋อผู้เป็นสามีก็ให้ความเกรงอกเกรงใจในตัวภรรยาเอกเสมอมา กระทั่งนางตายไป อี้ฟางเยว่จึงยกฐานะจากอนุภรรยากลายมาเป็นภรรยาเอก
“ผู้ใดจะไปคิดเล่าว่าคนโง่เซ่อซ่าอย่างนางจะตั้งครรภ์ได้เพียงร่วมหอกับพี่ใหญ่เพียงคืนเดียว”
ลู่ซือหย่ารู้ว่ามารดาคิดจะทำลายความมั่นใจของพี่ชายคนโตและยกน้องชายของนาง คือลู่ซิ่วขึ้นมาเป็นผู้นำสกุลลู่คนต่อไปจึงได้ฉวยโอกาสหมั้นหมายหญิงโง่ในหมู่บ้านถัดไปให้กับลู่หลิงหยุน และทำให้คนทั้งสองมีสัมพันธ์กัน
ครานั้นลู่หลิงหยุนซึ่งเดินทางเข้าไปในอำเภอเพื่อร่ำเรียนนานนับเดือนจึงจะกลับบ้าน เขาจึงมิได้รู้ว่าฉินเสี่ยวโหรวเป็นสตรีโง่ เพียงเห็นรูปวาดของนางก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
ถึงวันแต่งงานในตอนที่ส่งตัวเข้าหอแล้ว ญาติผู้พี่ของเขาจากสกุลฟ่านของมารดามาร่วมงานแต่งได้ยินเรื่องของฉินเสี่ยวโหรวจากปากของคนในหมู่บ้านจึงนำมาเล่าให้ ฉู่หลิงหยุนฟัง
คืนนั้นลู่หลิงหยุนรู้ว่าฉินเสี่ยวโหรวเป็นสตรีสติไม่ดีก็ต่อว่าแม่เลี้ยงด้วยความโมโห อี้ฟางเยว่ยิ้มเยาะเย้ยเขา ทั้งสองทะเลาะกันใหญ่โต สุดท้ายเป็นบิดาของลู่หลิงหยุนมาห้ามปราบ
ลู่หลิงหยุนถูกวางยาทำให้เขาร่วมเตียงกับเจ้าสาวโง่ของเขาทั้งคืน เช้าวันต่อมาชายหนุ่มต้องไปร่วมการศึกที่ชายแดน ทิ้งให้นางทำงานรับใช้ครอบครัวอยู่ทางนี้ กระทั่งผ่านไปสามปีเขาได้รับบาดเจ็บกลับมาจึงได้รู้ว่าฉินเสี่ยวโหรวภรรยาโง่ของเขาคลอดบุตรฝาแฝดชายหญิง
“กินตั้งสี่ปาก ช่างสิ้นเปลืองนัก หากไม่คิดว่าเสี่ยวโหรวทำงานแทนคนได้ถึงสามคน แม่คงหาทางไล่พวกเขาไปแล้ว” สายตาของลู่ฮูหยินเหลือบมองไปยังเรือนหลังเล็กที่มีเพียงหนึ่งห้องนอนเล็กและห้องรับแขกแคบๆ ที่อยู่ติดกำแพง
“สองปีที่รักษาเขามา หมดเงินมิใช่น้อย น่าเสียดายนักเงินช่วยเหลือพวกนั้น หากเราฮุบเอาไว้เองแต่แรกก็คงมีไม่น้อยแล้ว” ลู่ซือหย่าบ่นกระปอดกระแปด
เงินช่วยเหลือทหารบาดเจ็บที่นางเอ่ยถึง เป็นเงินที่ลู่หลิงหยุนได้รับทุกเดือน โดยมีเจ้าหน้าที่จากอำเภอที่รู้จักกับลู่หลิงหยุนเดินทางมามอบให้
“ช่างเถอะๆ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ผู้นั้นก็ย้ายไปที่อื่นแล้ว หลิงหยุนคนพิการนั่นก็ต้องอาศัยท่านพ่อเจ้าในการไปรับเงินช่วยเหลือที่อำเภอ ตอนนี้ผ่านมาหลายเดือน เราก็ได้ประโยชน์มาไม่น้อย”
ลู่ซือหย่าอมยิ้ม “ใช่ๆ ท่านพ่อไปรับเงินให้พี่ใหญ่ทีไรก็ซื้อของมาฝากข้าทุกที ข้าชอบใจยิ่ง”
พวกนางต่างเห็นว่าบุตรชายคนโต ลู่หลิงหยุนที่เกิดจากอดีตภรรยาเอกเป็นบ่อสูบเงินที่ถมเท่าใดก็ไม่เต็ม แม้จะรู้ว่าเงินที่ใช้ดูแลและรักษาตัวเขานั่นเป็นเงินที่ทางการให้ความช่วยเหลือทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการรบ
ก่อนหน้านี้เพราะมีเจ้าหน้าที่จากในอำเภอแวะมาเยี่ยมเยียนเขาอยู่เรื่อยจึงไม่อาจฮุบเงินได้ดั่งใจ แต่บัดนี้เจ้าหน้าที่ผู้นั้นย้ายไปทำงานที่เมืองอื่นแล้ว เงินของลู่หลิงหยุนต้องผ่านมือของบิดาเขา แม้ชายหนุ่มจะได้รับส่วนแบ่งเพียงครึ่งเดียวก็จำยอม และภายหลังเงินพวกนั้นก็ถูกฮุบไปทั้งหมด
ไม่นานนัก ฉินเสี่ยวโหรวสะใภ้โง่ของบ้านสกุลลู่ก็หิ้วน้ำกลับมา นางเป็นสตรีที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก รูปร่างดีมีเนื้อมีหนังไม่ผอมบางอย่างสตรีอื่น พละกำลังมหาศาลแต่ติดที่นางเป็นหญิงโง่ทำให้ไม่มีบุรุษมาสู่ขอ
ครอบครัวฉินยากจน ลู่ฮูหยินเห็นว่าหากสู่ขอฉินเสี่ยวโหรวมาเป็นภรรยาลูกเลี้ยงของตนไม่เพียงแต่ได้ลดความสำคัญของลู่หลิงหยุนในสกุลลู่ แต่ยังได้ใช้งานฉินเสี่ยวโหรวอีกด้วย ดังนั้นจึงให้คนวาดรูปนางแล้วนำไปให้ลูกเลี้ยงดู แม้ภายหลังลู่หลิงหยุนจะรู้ความจริงก็สายไปเสียแล้ว
“โหรวเอ๋อร์ เจ้าเทน้ำเต็มตุ่มแล้วก็ไปผ่าฟืนด้วยเล่า” อี้ฟางเยว่ร้องสั่งลูกสะใภ้มาจากในเรือน
“จะ จะ เจ้าค่ะ” หญิงสาวผงกศีรษะงกๆ เงิ่นๆ
ลู่หลิงหยุนนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกหน้าระเบียงเรือนเล็กมองดูภรรยาโง่เขลาของตนทำงานอย่างแข็งขันแล้วก็นึกโมโห เขาไม่เพียงแต่บาดเจ็บจากการต่อสู้ในศึกชายแดนแต่ยังถูกพิษเข้าไปด้วย แม้จะทำการรักษาจนบาดแผลภายนอกหายดีแล้วแต่กลับไร้เรี่ยวแรงไม่อาจจะลุกนั่งหรือเดินได้อย่างเดิม
“ท่านพ่อ หิวน้ำหรือไม่ขอรับ” เด็กชายตัวน้อยเดินถือจอกชาเล็กๆ มายื่นให้
“อืม ขอบใจนะ เหว่ยเอ๋อร์” ลู่หลิงหยุนยื่นมือไปรับจอกน้ำชามาดื่ม แขนของเขายามนี้ใช้การได้เพียงยกถ้วยน้ำชากับตะเกียบเท่านั้น
ทุกเช้าภรรยาของเขาจะช่วยอุ้มเขาลงจากเตียงมานั่งที่เก้าอี้ ทำความสะอาดเนื้อตัวให้เขาและช่วยเตรียมอาหารให้ จากนั้นนางก็จะออกไปทำงานทั้งทำความสะอาดเรือนใหญ่ ตักน้ำ ผ่าฟืน
บุตรชายตัวน้อยของเขานามลู่เหว่ยวัยสี่ขวบก็เหมือนกับฉินเสี่ยวโหรวมีเรี่ยวแรงมากกว่าเด็กทั่วไป ทั้งยังเฉลียวฉลาดคอยดูแลเขาแทนนาง เพียงแต่ด้วยความเป็นเด็ก ในตอนบ่ายเด็กชายตัวน้อยก็จะหลบไปนอนพัก ยามนั้นเขาก็ต้องพยายามพึ่งตนเอง
“น้องสาวเจ้ายังไม่กลับมาจากเรือนนั้นอีกหรือ”
“ยังขอรับ คงจะรับใช้ท่านย่าทวดอยู่”
ท่านย่าของลู่หลิงหยุนเรียกให้ลู่ฮวนบุตรสาวที่เป็นฝาแฝดกับลู่เหว่ยไปคอยอยู่รับใช้ใกล้ตัว
“ลำบากพวกเจ้าแล้ว” ลู่หลิงหยุนถอนหายใจ
เด็กชายตัวน้อยส่ายหน้า “ไม่ลำบากเลยขอรับ”
“เจ้าเป็นเด็กดีนัก เป็นพ่อเองที่ไร้ความสามารถ ไม่อาจดูแลพวกเจ้าแม่ลูกให้อยู่ดีมีสุขได้”
“ท่านพ่อ อย่าคิดมากขอรับ” ลู่เหว่ยจำประโยคที่มารดาของเขาใช้ปลอบใจบิดาได้อย่างแม่นยำ
**************
