บทที่ 2 ทดสอบระบบ
ในยามที่เรือนใหญ่ทำอาหารที่มีเนื้อสัตว์ กลิ่นเนื้อพวกนั้นจะลอยมาถึงเรือนน้อยของเขา หากบุตรทั้งสองบ่นว่าอยากกิน ฉินเสี่ยวโหรวจะเดินไปขอแบ่งที่เรือนใหญ่ แต่อี้ฟางเยว่ก็มักจะบ่ายเบี่ยงไม่อยากให้
ครั้งหนึ่งฉินเสี่ยวโหรวโมโหทุบโต๊ะพังไปหนึ่งตัว อี้ซื่อ ผู้นั้นจึงยอมตักเนื้อแบ่งให้เล็กน้อย พอให้เด็กสองคนได้ลิ้มรสบ้าง ส่วนฉินเสี่ยวโหรวนางอาศัยการกินข้าวกับผักให้มาก เสียสละเนื้อให้กับลูกได้กิน
คนเป็นพ่อคิดจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะบุตรชายแล้วเพียงเหยียดแขนออกไปไม่ไกลก็หมดแรง แขนของเขาทิ้งลงข้างที่เท้าแขนของเก้าอี้ อดีตนายกองหนุ่มถอนใจ
‘ข้าช่างไร้ประโยชน์นัก แค่จะลูบศีรษะลูกชายตนเองก็ยังทำไม่ได้’
“ตื่นๆ ฉินเสี่ยวโหรว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
ปัง! ปัง!
เสียงตบโต๊ะนั้นทำเอาฉินเสี่ยวโหรวโปรแกรมเมอร์สาวประจำบริษัทดีเอ็มเอสะดุ้งตื่น หล่อนเพิ่งฟุบหน้าลงไปได้ไม่กี่สิบนาที หัวหน้าแผนกก็เข้ามาเห็น ฉินเสี่ยวโหรวนั่งตัวตรงในทันใด
“ค่ะๆ หัวหน้าฟ่าน”
“คุณรู้ไหม ตอนนี้กล่องในระบบรับเรื่องร้องเรียนของเราระเบิดไปสามรอบแล้ว ลูกค้าโวยวายเรื่องระบบรวน” หัวหน้าแผนกยกสองมือขึ้นเท้าสะเอวความโมโห
แผนกดูแลระบบทะลุมิติของบริษัทดีเอ็มเอที่ฉินเสี่ยวโหรวทำงานอยู่สร้างรายได้มากมายจากการใช้บริการของผู้ที่ทะลุมิติไปตามที่ต่างๆ ไม่ว่าจะทะลุมิติไปในยุคอดีต อนาคน โลกคู่ขนาน แดนเทพเซียน โลกต่างมิติ หรือกระทั่งทะลุเข้าไปในละครหรือนิยาย
แผนกระบบล้านตำลึงที่ฉินเสี่ยวโหรวทำงานอยู่เป็นระบบที่ให้สิทธิ์ผู้ทะลุมิติแลกเปลี่ยนสินค้าด้วยการหาของมีค่าและของป่าในยุคโบราณมาแลกเหรียญทองในระบบ แล้วค่อยใช้เหรียญทองในการแลกสิ่งของจากยุคปัจจุบันออกไปใช้
หนึ่งเหรียญทองเท่ากับหนึ่งตำลึง ใช้แลกเปลี่ยนสิ่งของเท่านั้น ไม่สามารถเบิกเป็นเงินได้ ถ้าผู้ทะลุมิติสามารถสะสมได้หนึ่งล้านตำลึงก็มีสิทธิ์จะกลับมาในยุค ปัจจุบันได้
“หัวหน้า ฉันก็เฝ้าอยู่ทั้งวันนะคะ ยังปกติอยู่เลย”
“ปกติที่ไหนกัน พวกเขาบอกว่าระบบคำนวณรายได้ผิดพลาดบอกว่าจะให้มากแต่เวลาเหรียญทองออกมากลับไม่ครบ จำนวนเหรียญทองบางทีก็หายไป ทำให้พวกเขาแลกของใช้ได้ไม่พอ”
ฉินเสี่ยวโหรวตาโต “แต่ว่า...”
“ไม่ต้องแก้ตัว คุณต้องจัดการแก้ไขระบบให้เป็นปกติภายในวันนี้ ไม่อย่างนั้น ผมคงต้องหักเงินเดือนคุณเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย”
“ไม่ได้นะ หัวหน้าฟ่าน เดือนนี้ฉันต้องเอาเงินไปจ่ายค่าดาวน์รถ” ฉินเสี่ยวโหรวร้องเสียงหลง หล่อนอุตส่าห์ทำโอทีอยู่หลายเดือนเพื่อเก็บเงินดาวน์รถ และตามที่คำนวณไว้ก็จะครบในสิ้นเดือนนี้
“ถ้างั้นก็เร่งแก้ไขเร็วเข้า ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหนก็ต้องทำให้เสร็จ”
“ค่ะๆ ฉันจะนอนอยู่ที่บริษัทเลยคืนนี้” ฉินเสี่ยวโหรวละล่ำละลักรับปาก
หลังจากรับปากหัวหน้าฟ่าน ฉินเสี่ยวโหรวในฐานะโปรแกรมเมอร์ก็มุ่งมั่นตรวจสอบโค้ดในระบบทีละส่วนอย่างแข็งขัน ผ่านไปราวสองชั่วโมงก็พบจุดบกพร่องที่หนึ่ง
“ความผิดของฉันเอง คืนนั้นฉันทำโอทีจนเที่ยงคืน สงสัยจะเหนื่อยจนตาลายถึงได้เขียนโค้ดผิดแบบนี้ออกมา” หญิงสาวรำพึง
หลังจากแก้จุดแรกเสร็จ การคำนวณมูลค่าของเก่าเพื่อจ่ายเป็นเหรียญทองให้กับผู้ใช้งานในระบบก็กลับมาเป็นปกติ แต่ในส่วนของการคำนวณราคาของป่าคงต้องใช้เวลาแก้ไขนานสักหน่อยเพราะการคำนวณสมุนไพรค่อนข้างซับซ้อน
หญิงสาวเร่งมือแก้ไขงานจนเย็นย่ำ เพื่อนร่วมงานห้องข้างๆ ก็มาเคาะกระจกประตูแล้วผลักเข้ามา
“เสี่ยวโหรว ฉันกลับบ้านล่ะนะ ได้ยินหัวหน้าบอกว่าเธอจะทำโอทีที่บริษัทคืนนี้ไม่กลับ จริงเหรอ”
“อืม...ฉันเขียนโค้ดผิดไปหลายจุดเลย คงต้องแก้ไขทั้งคืนล่ะ” ฉินเสี่ยวโหรวทำหน้าละห้อย
“น่าสงสารจัง เอางี้ เดี๋ยวฉันไปชงกาแฟให้เธอดีไหม”
“ขอบใจนะชิงชิง”
ฉีชิง เป็นโปรแกรมเมอร์คุมระบบทะลุมิติพร้อมซุปเปอร์มาร์เก็ต สัปดาห์ก่อนโปรแกรมระบบนั้นก็รวนอยู่หลายวัน พอฉินเสี่ยวโหรวไปถามหาเพื่อนคนนี้กับหัวหน้าแผนกฟ่าน ก็ได้รับคำตอบว่าฉีชิงไปทดสอบระบบด้วยการทะลุมิติเอง
พอเห็นฉีชิง ฉินเสี่ยวโหรวก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเองยังไม่ได้ซักไซ้เรื่องที่เพื่อนร่วมงานทะลุมิติเพื่อไปปรับปรุงระบบ
“มาแล้วกาแฟกับแซนด์วิชไส้ทูน่าที่เธอชอบ” ฉีชิงถือถาดที่มีของกินเข้ามาในห้องแล้ววางบนโต๊ะในระยะไม่ไกลมือของฉินเสี่ยวโหรวนัก
“เอ่อ! ชิงชิง ฉันว่าจะถามเรื่องระบบกับเธออยู่ แต่เอาไว้ทีหลังก็แล้วกัน ตอนนี้งานฉันยังท่วมหัว”
“เธอกินสักหน่อยเถอะ ขืนรอดึกแล้วมากินจะปวดท้องเอา ฉันจะกลับแล้วนะ ถ้าเธอเหนื่อยแอบงีบบ้างก็ได้”
ปากของฉินเสี่ยวโหรวพูดคุยกับฉีชิง แต่ดวงตาจ้องที่จอภาพขนาดใหญ่ตรงหน้า
“เออๆ ไปเถอะ ให้งานฉันเสร็จก่อน วันหลังค่อยคุยกัน” ฉินเสี่ยวโหรวโบกมือหยอยๆ
ฉีชิงออกไปได้สักพัก ฉินเสี่ยวโหรวจึงหันมายกแก้วกาแฟขึ้นจิบไปสองอึกแล้วหยิบเอาแซนด์วิชมากัดสองคำ
“หิวแฮะ” หญิงสาวร้องออกมา
พอเหลือบมองหน้าปัดโทรศัพท์ก็เห็นว่าบอกเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว เลยเวลารับประทานอาหารเย็นตามปกติไปหนึ่งชั่วโมง มิน่าหล่อนจึงรู้สึกปวดท้องนิดๆ
‘ถ้าแก้ไขได้ราบรื่นแบบนี้ อีกสักสามชั่วโมงก็น่าจะเสร็จแล้ว ไม่ต้องทำจนถึงเช้า’
ฉินเสี่ยวโหรวเคี้ยวแซนด์วิชพลางมองเคอร์เซอร์ ที่กระพริบถี่บนจอภาพ หล่อนกำลังรันโปรแกรมใหม่อีกรอบเพื่อหาข้อบกพร่อง
‘กินขนมปังมาก เหนียวคอจริง’
หญิงสาวคิดพลางยื่นมือไปคว้าแก้วกาแฟ แต่กลับพลาด ปลายนิ้วของหล่อนแตะถูกขอบหูหิ้วของแก้ว ด้วยความตกใจหล่อนจึงคว้าแก้วอย่างแรง แต่กลับเป็นการปัดเอาแก้วให้คว่ำมาข้างหน้า
โพล๊ะ!
แก้วกาแฟแบบเก็บอุณหภูมิคว่ำที่ไม่ได้ปิดฝาล้มคว่ำ กาแฟในแก้วกระจายจนโดนแป้นคีย์บอร์ดไปส่วนหนึ่ง
“เฮ้ย!” ฉินเสี่ยวโหรวร้องเสียงหลง รีบเปิดลิ้นชักข้างมือคว้าเอากล่องทิชชู่ขึ้นมาคิดจะเช็ดกาแฟออกให้หมด
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงซู่ๆ เปรี๊ยะๆ ดังขึ้น
‘แย่แล้ว! สงสัยเครื่องจะช็อต’
คิดได้เพียงเท่านั้น กระแสไฟฟ้าก็ช็อกร่างของโปรแกรมเมอร์หญิง แล้วหล่อนก็วาบหายเข้าไปในหน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า
สตรีโง่ฉินเสี่ยวโหรวเดินไปตักน้ำที่บ่อน้ำท้ายหมู่บ้านซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุดที่ยังไม่เหือดแห้ง ภัยแล้งคราวนี้เนิ่นนานถึงสองปี พืชผลล้มตายและไม่อาจปลูกขึ้นใหม่ คนที่เคยร่ำรวยก็เริ่มยากจนลง ส่วนคนที่ยากจนอยู่แล้วยิ่งยากลำบาก แต่ละวันพวกเขาต่างพยายามขึ้นเขาเข้าป่าเพื่อหาของป่ามาดำรงชีพ
“เสี่ยวโหรวสะใภ้โง่สกุลลู่มาแล้ว!” เสียงสตรีผู้หนึ่งร้องขึ้น
บุรุษร่างใหญ่ที่เป็นอันธพาลประจำหมู่บ้านถึงกับแสยะยิ้ม “นางโง่ผู้นั้น มาแล้วจะทำอันใดได้”
*****************
