ตอนที่2. ถิงถิง
เจียฮุ่ยยืนดูเยว่ถิงถิงหอบเครื่องนอนไปไว้ที่เรือนของลูกชาย เจียอียืนนิ่งงันอยู่ครู่หนึ่งจนมารดาตีแขนเข้าเข้าให้จึงได้สติ เป็นฝ่ายเข้าไปช่วยภรรยาตัวน้อยขนย้ายข้าวของเข้ามาในห้องของเขา
“เจ้าก็รู้ ร่างกายแม่ไม่ค่อยแข็งแรง ที่รีบหาสะใภ้ให้ก็เพราะอยากให้มีคนดูแลเจ้ายามแม่ไม่อยู่”
“ท่านแม่อย่าได้พูดเช่นนั้น”
“แม่รู้ตัวเองดี เจ้าเองก็มีหน้าที่ของตน อย่างไรเสีย ถิงถิงก็เป็นเด็กดี น่ารักและเชื่อฟังมาตลอด หากวันหน้า...เจ้าคิดจะตบแต่งภรรยาเพิ่ม ก็ห้ามทอดทิ้งนางเด็ดขาด!”
“ลูกไม่มีวันทำเช่นนั้น” เจียอียืนยัน
“เรื่องในอนาคตย่อมไม่แน่นอน ขอแค่เจ้าสัญญากับแม่ ห้ามทอดทิ้งนาง”
“ขอรับ”
เยว่ถิงถิงไม่รู้ว่าสองแม่ลูกคุยเรื่องใด นางรู้แค่ว่าตนเองเป็นภรรยาของหวังเจียอี มีหน้าที่ดูแลเขาให้ดีตามที่แม่สามีอบรมสั่งสอน เสื้อผ้าตามฤดูกาล อาหารการกิน ดูแลเรื่องบ้านช่องห้องหับ นางทำจนเชี่ยวชาญ รู้ว่าพี่เจียอีของนางชอบ-ไม่ชอบอะไร แต่เอาจริง นางก็อดคิดไม่ได้ว่า เป็นเพราะพี่เจียอีเป็นคนใจดี ต่อให้นางทำสิ่งใดผิดพลาด เขาก็ไม่เคยตำหนินาง หรือตบตีเช่นบุรุษผู้อื่นที่เคยได้ยินมา
หญิงสาวจัดที่นอนของตนเรียบร้อย ตอนกลางคืนหวังเจียอีมักอ่านตำราจนดึกดื่น ที่ผ่านมา นางคอยชงชาให้เขา แต่ก็มักผล็อยหลับไปก่อนทุกที และมักตื่นมาอยู่บนเตียงของเขาแล้ว จะว่าไป ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางนอนร่วมเตียงกับเขา นางจึงไม่มีสีหน้าเขินอายแต่อย่างใด ผิดกับเจียอีที่หน้าแดงจนต้องเป็นฝ่ายหลบหน้าเยว่ถิงถิงเสียเอง
หลังอาหารเย็น เยว่ถิงถิงปรนนิบัติแม่สามีเช่นทุกคืน รอให้นางเจียฮุ่ยเข้านอนแล้วจึงเดินมาที่เรือนของเจียอีซึ่งเป็นสามี นางอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ผมยังเปียกเล็กน้อยใบหน้างามประดับรอยยิ้ม เมื่อเดินเข้ามาในเรือนก็พบว่าเจียอีนั่งที่ตั่งกำลังอ่านตำราเช่นทุกคืน
“พี่เจียอี คืนนี้ให้ข้าเตรียมน้ำชาให้ไหมเจ้าคะ”
“เอ่อ... ไม่... ไม่เป็นไร เจ้าเหนื่อยมาทั้งวัน นอนก่อนเถิด”
เขาพูดแล้วหลุบตามองตำราเบื้องหน้า แต่สมองกลับคิดถึงแต่เรือนร่างหอมกรุ่นของภรรยาตัวน้อย
“ข้าก็ยังไม่ง่วง หากพี่เจียอียังไม่นอน ข้าจะปักผ้าเป็นเพื่อนท่านนะเจ้าค่ะ”
เขายังไม่ทันเอ่ยอะไร เยว่ถิงถิงก็เดินไปหยิบตะกร้าใส่อุปกรณ์ปักผ้ามานั่งใกล้เชิงเทียน แสงนวลกระทบใบหน้าทำให้ดูอ่อนหวานจนคนมองตาพร่า เขากระแอมไอเบาๆ ทำให้เด็กสาวเงยหน้าขึ้น
“ต้องทำคืนนี้เลยรึ”
“ก็...” นางยิ้มน้อยๆ “อย่างไรก็ยังไม่ง่วง ข้าก็ทำไปเรื่อยๆ ทำเสร็จก็เอาไปขายร้านเถ้าแก่หลี่ แล้วเราก็จะได้มีเงินกันไงเจ้าคะ”
“บ้านเราขัดสนเงินทองมากรึ” เขาขมวดคิ้ว ไม่เคยรู้ว่านางคิดเรื่องเหล่านี้
“ข้า...” นางอึกอักอย่างไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
“หรือมีสิ่งใดที่เจ้าอยากได้”
“ไม่มีเจ้าค่ะ” นางรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “คือ...พี่เจียอีก็รู้ว่า ข้าโตมาในบ้านที่อดยาก ข้าวสารแทบไม่พอกิน ข้าก็เลย...อยากเก็บเงินไว้ให้มากสักหน่อย ถ้าเกิดวันหนึ่งข้างหน้า...”
“เจ้ากลัวจะกลับไปอดยากหิวโหยอีกหรือ?”
ผ่านมาหลายปี นางยังคงไม่ลืมความทุกข์ทรมานเหล่านั้นสินะ เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินไปหยิบผ้าออกจากมือนาง
เยว่ถิงถิงกระพริบตาปริบๆ ก่อนก้มมองมือใหญ่ที่กุมมือนางไว้
“กลางคืนอย่าปักผ้าเลย มันไม่ดีกับสายตา” เขาเตือนนาง “ไปนอนเถิด ประเดี๋ยวข้าจะไปนอนเช่นกัน”
หากเขาไม่นอน นางก็คงไม่ยอมนอนเช่นกัน เขาได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนใจ เยว่ถิงถิงถือคำสอนของแม่สามีที่ว่าให้นางเชื่อฟังสามี เมื่อเจียอีสั่ง นางก็ไม่กล้าขัด ความจริงนางก็เพลียมากจริงๆ หญิงสาวเก็บอุปกรณ์ใส่ตะกร้าแล้วเดินไปที่เตียงนอน
“ข้านอนข้างในนะเจ้าค่ะ”
“อืม”
เจียอีขานรับ มองนางถอดรองเท้าแล้วปีนขึ้นเตียง ขยับตัวเข้าไปนอนด้านใน เพียงครู่ต่อมาเขาก็เห็นนางผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย
คงมีแต่เขากระมังที่จะข่มตาให้หลับลงได้อย่างไร ในเมื่อมีร่างอ่อนนุ่นอยู่ใกล้ถึงเพียงนี้.
เยว่ถิงถิงยังคงใช้ชีวิตเช่นทุกวัน ตื่นเช้ามาเตรียมข้าวปลาอาหาร ระยะหลังนางเจียฮุ่ยสุขภาพไม่แข็งแรง เยว่ถิงถิงจึงเข้าครัวทำอาหารเองทุกวัน ซึ่งนางไม่รู้สึกลำบากอันใด วันนี้พี่เจียอีจะขึ้นออกไปล่าสัตว์กับคนหนุ่มในหมู่บ้าน ซึ่งเดือนหนึ่งเขาจะไปสักหนึ่งหรือสองครั้ง พอได้เนื้อสัตว์มาให้นางไว้ทำอาหาร
เจียฮุ่ยเห็นสีหน้านอนไม่พอของบุตรชายก็อดหัวเราะไม่ได้ เยว่ถิงถิงไม่เข้าใจว่าแม่สามีหัวเราะเรื่องอันใด ส่วนพี่เจียอีของนางก็ได้แต่ยกมือนวดขมับ
“ดูแลท่านแม่ให้ดี”
