บทย่อ
"สะใภ้เลี้ยงคืออะไรเจ้าคะ” เยว่ถิงถิงถามด้วยแววตาใสซื่อ ปีนี้นางอายุเจ็ดขวบ นับว่ารู้ความดีแล้ว นางรู้ว่าน้องชายสองคนและน้องสาวคนเล็กร้องไห้เพราะความหิวโหย บิดาเป็นเพียงนายพรานล่าสัตว์ และโชคร้ายบาดเจ็บทำให้ไม่สามารถทำงานหนักได้ “สกุลหวังจะรับเจ้าไปเลี้ยงดู ประดุจคนในครอบครัว เมื่อถึงวัย เจ้าจะได้เข้าพิธีอย่างเหมาะสม” มารดาเอ่ยแล้วยกมือขึ้นลูบใบหน้าของบุตรสาว “เจ้าค่ะ...ลูกจะไปอยู่กับพี่...” “เจียอี” เด็กหนุ่มเปิดปากพูดเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาในเรือนหลังนี้ “ข้าแซ่หวังนามเจียอี เจ้าเรียกข้าว่าพี่เจียอีก็ได้” “เจ้าค่ะ พี่เจียอี” เยว่ถิงถิงไม่อาจพูดได้ว่า ‘เข้าใจ’ เต็มปากเต็มคำ แต่นางหันไปสบตากับเด็กหนุ่มผิวเข้มรูปร่างสูงใหญ่ทั้งที่อายุเพียงสิบสี่ แม้ใบหน้าเรียบเฉย แต่ดวงตามีรอยยิ้ม นางเผลอยิ้มให้เขาอย่างไม่รู้ตัว รอยยิ้มไร้เดียงสาตราตรึงเด็กหนุ่มอ่อนเยาว์เข้าให้แล้ว
ตอนที่1. บทนำ
“ข้าไม่รู้จักผู้สูงศักดิ์เช่นท่าน!”
‘ท่านผู้สูงศักดิ์?’
ดวงตาดุจเหยี่ยวจ้องมองเขม็ง ไม่ว่าอย่างไรเขาไม่มีวันปล่อยนางอีก
“ว้าย!” เยว่ถิงถิงร้องเสียงหลงไม่คิดว่าจู่ๆ หวังเจียอีจะแบกร่างนางขึ้น ท้องน้อยพาดอยู่บนบ่าแกร่ง สองเท้ายังเปะปะไปมา
ป๊าบ!
“ว้าย!”
เยว่ถิงถิงร้องเสียงหลงเมื่อถูกเขาตีก้นเข้าให้
“อย่าดื้อกับข้า”
“ท่าน!”
บทนำ
เพราะความยากจนและมีลูกหลายคนทำให้สกุลเยว่ ที่กลัดกลุ้มเรื่องอาหารการกิน ไม่พอเลี้ยงหลายปากท้องในบ้าน และบังเอิญสกุลหวังที่อยู่ต่างหมู่บ้านมองหาสะใภ้เลี้ยงให้บุตรชายของตน
“สะใภ้เลี้ยงคืออะไรเจ้าคะ”
เยว่ถิงถิงถามด้วยแววตาใสซื่อ ปีนี้นางอายุเจ็ดขวบ นับว่ารู้ความดีแล้ว นางรู้ว่าน้องชายสองคนและน้องสาวคนเล็กร้องไห้เพราะความหิวโหย บิดาเป็นเพียงนายพรานล่าสัตว์ และโชคร้ายบาดเจ็บทำให้ไม่สามารถทำงานหนักได้ แม้นางพยายามแบ่งเบาภาระของบิดามารดา แต่นางก็ยังเป็นแค่เด็กหญิงวัยเจ็ดขวบ สองมือเล็กๆ ยังทำสิ่งใดไม่ได้มากนัก เมื่อได้ยินว่ามีแม่สื่อมาพูดคุยกับบิดามารดา เงินสินสอดค่าตัวนางได้ถึงห้าตำลึง นั้นคงพอให้มารดาได้ซื้อข้าวสารให้น้องชายน้องสาว
“สกุลหวังจะรับเจ้าไปเลี้ยงดู ประดุจคนในครอบครัว เมื่อถึงวัย เจ้าจะได้เข้าพิธีอย่างเหมาะสม”
มารดาเอ่ยแล้วยกมือขึ้นลูบใบหน้าของบุตรสาว เท่าที่รู้สกุลหวังแม้ไม่ได้ร่ำรวยมาก มีเพียงมารดาและบุตรชายเพียงสองคน แต่บุตรชายที่อายุสิบสี่ก็ดูเป็นคนสุภาพและแข็งแรง ไม่น่าทำให้ลูกสาวต้องลำบาก อย่างน้อย...เยว่ถิงถิงก็มีข้าวกินอิ่มท้อง
“เจ้าค่ะ...ลูกจะไปอยู่กับพี่...”
“เจียอี” เด็กหนุ่มเปิดปากพูดเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาในเรือนหลังนี้ “ข้าแซ่หวังนามเจียอี เจ้าเรียกข้าว่าพี่เจียอีก็ได้”
“เจ้าค่ะ พี่เจียอี”
เยว่ถิงถิงไม่อาจพูดได้ว่า ‘เข้าใจ’ เต็มปากเต็มคำ แต่นางหันไปสบตากับเด็กหนุ่มผิวเข้มรูปร่างสูงใหญ่ทั้งที่อายุเพียงสิบสี่ แม้ใบหน้าเรียบเฉย แต่ดวงตามีรอยยิ้ม นางเผลอยิ้มให้เขาอย่างไม่รู้ตัว
รอยยิ้มไร้เดียงสาตราตรึงเด็กหนุ่มอ่อนเยาว์เข้าให้แล้ว.
ตอนที่ 1.
ในปีนั้นเยว่ถิงถิงอายุเจ็ดขวบก็เดินทางข้ามภูเขามาหมู่บ้านชานเมือง นางอาศัยในบ้านสกุลหวังในฐานะ ‘สะใภ้เลี้ยง’มารดาของหวังเจียอี นามเจียฮุ่ย นางเจียฮุ่ยเปี่ยมเมตตาและอ่อนโยน เป็นหญิงร่างเล็กที่สอนเยว่ถิงถิงทำอาหารและงานเย็บปัก และเรื่องงานบ้านต่างๆ
หวังเจียอีในวัยสิบสี่เพิ่งเป็นหนุ่มน้อย เขามองภรรยาวัยเยาว์ด้วยสายตาอ่อนโยน ไม่ให้นางได้แตะต้องงานหนักใดนัก เยว่ถิงถิงเดิมทีเคยหวาดกลัวว่าจะพบเจอแม่สามีใจร้ายจึงผ่อนคลายลง เจียฮุ่ยสั่งสอนอบรมเรื่องใด นางล้วนเชื่อฟัง บ้านสกุลหวังเป็นกระท่อมหลังเล็ก เพราะบุตรชายเติบโตแล้วจึงต่อเติมอีกห้องให้เจียอีได้พักเป็นสัดส่วน เยว่ถิงถิงที่ยังเด็กยังนอนเรือนเดียวกับเจียฮุ่ย อยู่ที่นี่เยว่ถิงถิงได้กินอิ่มนอนหลับตามอัตภาพ นับว่ามีความเป็นอยู่ดีกว่าบ้านเดิมที่นางถือกำเนิด ผ่านมาแต่ละวัน เยว่ถิงถิงก็ลืมเรื่องที่บ้านเดิมไปที่ละเล็กละน้อย
ในปีนี้เยว่ถิงถิงอายุสิบห้าถึงวัยปักปิ่น แม่สามีรักและเอ็นดูสะใภ้เลี้ยงอย่างยิ่ง แม้ฐานะธรรมดาแต่ก็มอบปิ่นหยกแกะลายดอกเหมยราคาไม่สูงให้นาง และให้นางย้ายไปนอนห้องเดียวกับลูกชายได้แล้ว
“ท่านแม่...ไม่เร็วไปหรือขอรับ นาง...นางเพิ่งอายุสิบห้าเอง”
หวังเจียอีในปีนี้อายุสิบเก้า รูปร่างสูงใหญ่กำยำ เชี่ยวชาญเรื่องการใช้ธนู ที่ผ่านมาเขาร่ำเรียนเป็นหลัก ทำงานเล็กน้อยเท่านั้น เยว่ถิงถิงเคยสงสัยว่าที่บ้านสกุลหวังไม่ได้ทำไร่ทำสวน แต่ก็พอมีเงินใช้ไม่ขาดมือ แม่สามีสอนงานเย็บปัก นางปักผ้าเช็ดหน้าหรือเย็บถุงใส่เงินฝากเจียอีไปขายในเมืองอยู่บ่อยๆ แต่รายได้ก็ไม่ได้มากนัก ทว่านางก็ไม่เคยเอ่ยถาม เพราะเจียฮุ่ยดีกับนางมาก ไม่เพียงให้กินอิ่มและเสื้อผ้าอุ่น แต่ยังสอนนางอ่านเขียนอีกด้วย
“ผู้อื่นอายุสิบสามสิบสี่ล้วนมีลูกกันหมดแล้ว แม่เองก็เอ็นดูถิงถิง เกรงว่านางจะรับไม่ไหว จึงให้นางอยู่ข้างกายแม่มานาน แต่เวลานี้นางอายุสิบห้าแล้ว ก็ถึงวัยที่ต้องปรนนิบัติเจ้าตามหน้าที่ที่ภรรยาพึ่งทำ”
หวังเจียอีหน้าแดง แต่ภรรยาตัวน้อยกลับทำหน้าใสซื่อ แน่นอนว่าที่ผ่านมา นางดูแลเขาอย่างดี เพียงแค่ไม่ได้นอนร่วมเตียงกันเท่านั้น เขาเห็นนางตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงผอมบาง หลายปีมานี้มารดาเลี้ยงดูอย่างดีจนมีน้ำมีนวล ส่วนที่ควรมีก็มี ส่วนเว้าส่วนโค้งก็เย้ายวนตา ไม่ใช่เขาคิดไปเอง บุรุษบ้านอื่นแอบมองภรรยาตัวน้อยของเขาอยู่บ่อยไป

